ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 4 มาเยือนสกุลฝานอีกครั้ง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ได้ยินสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด สัตว์ประหลาดตัวโตนั้นก็โมโหเสียแล้ว

“ตายเสีย!”

รยางค์ขนาดมหึมาเส้นแล้วเส้นเล่าโบกสะบัดเข้ามา

“มหัศจรรย์เกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากจะห้ำหั่นจริงๆ แต่นึกอยากจะลองดูให้มากหน่อย เพราะยามที่รยางค์ทุกเส้นสำแดง รัศมีที่พื้นผิวแฝงเอาไว้ด้วยความเร้นลับมากมายเหลือเกิน วิถีอากาศ วิถีเปลวเพลิง วิถีอสนีบาต และวิถีเขตลวงโลกเทียม… ความเร้นลับของวิถีต่างๆ ล้วนมีอยู่บนร่างของสัตว์ประหลาดตนนี้ทั้งสิ้น ผสานรวมการอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีพลังคุกคามที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนกตกใจ

ระดับชีวิตเช่นนี้ก็เหนือกว่าเทพจักรวาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“พรึ่บๆๆ”

‘หมื่นเคล็ดมิกล้ำกราย’ เคล็ดวิชาป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุทธวิธีหิมะเหินที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นอยู่นานสามแสนล้านปี และร่างกายอันแกร่งกล้าของเขา เพียงแค่รยางค์ห้าเส้นฟาดเขาลงมาอย่างต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บของเขาก็สาหัสอย่างที่สุดแล้ว แต่ภายใต้การปกคลุมของรยางค์ บริเวณโดยรอบก็กดดันตนราวกับแช่แข็งก็มิปาน ตนเองก็ไม่มีทางสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้เลย

“ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่เตาสามขาเพลิงโลกันตร์จะมีอันตรายอยู่ ร่างแยกของข้าจำนวนมากมายต่างก็มิได้หวาดหวั่นเลย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะตายจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ

ช่วยไม่ได้

รยางค์เส้นใดๆ ก็ตามต่างก็เทียบเคียงได้กับการโจมตีอย่างสุดกำลังของบรรพชนราตรีนิรันดร์ จะไปสู้ได้อย่างไรกัน

“พรึ่บ”

ทันใดนั้นพลังขุมหนึ่งก็ห่อหุ้มตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็หายลับไป

สัตว์ประหลาดร่างยักษ์สัมผัสรับรู้ได้ถึงพลังขุมนั้นแล้วก็อดที่จะเดือดดาลมิได้ นั่นคือพลังของคุกแห่งนี้ มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หยวน หยวน หยวน!!!” เสียงคำรามครั้งแล้วครั้งเล่าส่งไปถึงยังโลกชั้นนอกโดยตลอด ก่อให้เกิดลมพายุอันไร้ที่สิ้นสุด

……

กลางโถงตำหนักภายในเคหาสน์ของตน

เตาสามขาขนาดใหญ่ ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

“ข้า ข้าออกมาแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง

“หึๆ เจ้าใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว ข้าก็เลยส่งเจ้าออกมาเสีย” เงาร่างสายหนึ่งเหินบินออกมาจากเตาในทันใด ซึ่งก็คือชายชราอาภรณ์แดงยิ้มตาหยีคนหนึ่ง เขายิ้มตาหยีมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าคือวิญญาณอาวุธของเตาสามขาเพลิงโลกันตร์”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยทันควัน “มิน่าเล่า มิน่าเล่าข้าถึงสามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้ แต่การรับสัมผัสภายในนั้นกลับหม่นมัวเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยควบคุมสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้อย่างแท้จริงเลย คราวนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นร่างแยกนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว”

ชายชราอาภรณ์แดงเอ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เตาสามขาเพลิงโลกันตร์เป็นสมบัติลับล้ำค่าชิ้นพิเศษที่ ‘หยวน’ เจ้านายของข้า หลอมขึ้นมาในตอนนั้นเพื่อใช้สำหรับกักขัง ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ โดยเฉพาะ สมบัติลับล้ำค่าเช่นนี้ย่อมไม่สามารถให้พวกเจ้ามาควบคุมได้อยู่แล้ว ถ้าหากพวกเจ้าปล่อยลูกมังกรหมื่นสัมผัสออกไป สิ่งมีชีวิตในโลกกำเนิดแห่งนี้ก็ต้องวินาศย่อยยับกันไปจนหมดสิ้น นั่นก็คงเป็นบาปกรรมอันใหญ่หลวงแล้ว”

“ใช่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นด้วย ด้วยพลังยุทธ์ของสัตว์ประหลาดตนนั้น ตอนนี้ผู้ใดในโลกกำเนิดบ้านเกิดของตนจะสามารถต้านทานได้เล่า

“เขาชื่อลูกมังกรหมื่นสัมผัสหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง

“อืม”

ชายชราอาภรณ์แดงพยักหน้า “มารดามังกรหมื่นสัมผัสร้ายกาจยิ่ง ตอนนั้นเจ้านายข้ากับท่านอื่นๆ อีกหลายท่านร่วมมือกันจึงสังหารได้ ส่วนลูกมังกรหมื่นสัมผัสฝูงหนึ่งก็นับได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น สำหรับพวกเจ้านายแล้วก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ลงมืออย่างสุ่มๆ ก็สามารถฆ่าตายได้แล้ว เหตุผลที่กักขังเอาไว้ที่นี่ก็เพราะหวังจะให้โอกาสบรรลุแก่ผู้บำเพ็ญ ผู้ที่สามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้ต่างก็เป็นผู้ที่หยั่งรู้พลังคละวิถีได้ลึกซึ้งพอ โดยทั่วไปต่างก็เป็นผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลขั้นสุดยอด อีกทั้งยังสั่งสมค่อนข้างลึกซึ้ง ระดับขั้นอย่างพวกเขานี้… เผชิญกับลูกมังกรหมื่นสัมผัส ก็สามารถสังหารเคล็ดวิชาบางอย่างได้ ก่อนที่จะตาย ข้าก็สามารถปกป้องพวกเขาได้ สามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาออกมาได้อย่างสบายๆ!”

“ประมือกับลูกมังกรหมื่นสัมผัส ประมือกับผู้ที่แกร่งกล้ากว่า เดิมทีก็เป็นการขัดเกลาอยู่แล้ว”

“ลูกมังกรหมื่นสัมผัสนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด แตกต่างกับผู้บำเพ็ญ ทั่วทุกบริเวณของร่างกายพวกมันต่างก็สามารถเปิดเผยความเร้นลับนานาชนิด แล้วยังสามารถหยั่งรู้จากในนั้นได้ด้วย”

“นี่ต่างก็มีส่วนช่วยเหลือในการบรรลุทั้งสิ้น”

ชายชราอาภรณ์แดงพูด “เดิมทีหยวน เจ้านายข้าเป็นผู้จัดการดูแลโลกกำเนิดบ้านเกิดเจ้าแห่งนี้ แต่ตอนนี้กลับไปให้เจ้าเมืองหลัวจัดการดูแลแล้ว ในยุคก่อนหน้านี้เจ้านายก็บอกโอกาสในการบรรลุให้กับเทพจักรวาลที่ไปถึงระดับสุดยอดได้รู้อย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนแล้วที่ล่วงรู้”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างใจ

โลกกำเนิดแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนหนึ่งปกป้องดูแล ตอนนี้เปลี่ยนเสียแล้วอย่างนั้นหรือ

“แต่ข้าต้องเตือนเจ้าเอาไว้ ถึงแม้ว่าความตั้งใจเดิมของเจ้านายคือการให้ระดับสุดยอดมาขัดเกลา แต่เจ้าคงจะได้รับเคล็ดสืบทอดลับขั้นสูงแล้ว ไม่ต้องไปถึงขั้นสุดยอดก็สามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้”ชายชราอาภรณ์แดงเอ่ยกำชับ “แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าก็คือไปถึงขั้นสุดยอดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ  ความเร้นลับต่างๆ นานาที่แฝงอยู่กับเจ้าลูกมังกรหมื่นสัมผัสนี้ เจ้าก็อย่าศึกษาให้ลึกซึ้้งเกินไปเลย เพื่อป้องกันมิให้เจ้าบรรลุไปถึงขั้นสุดยอดแล้วเกิดความสับสนจนติดขัด”

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาสว่าง ก็ใช่ นั่นเดิมทีก็คือทำให้ขั้นสุดยอดบรรลุไปถึงระดับชั้นที่สูงขึ้น ตนเองศึกษามากเกินไป บางทีก็อาจจะมิใช่เรื่องดี

“เจ้าสามารถไปห้ำหั่นให้มากๆ เป็นประจำ ห้ำหั่นขัดเกลา เจ้าก็จะค้นพบข้อบกพร่องมากมายของตนเอง  ทำให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งยุทธวิธีแข็งแกร่งขึ้น ระดับขั้นของเจ้าก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย การไปถึงระดับสุดยอดก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว” ชายชราอาภรณ์แดงตักเตือน

“เข้าใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

พูดขึ้นมาแล้วตนก็ได้รับความช่วยเหลือของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นสองท่านอย่างเจ้าเมืองหลัวและหยวนแล้ว แต่ว่า‘วังเทพจิตโลกา’แห่งดินแดนจิตโลกาเปิดออกแต่ละครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าหยวนนั้นให้ความช่วยเหลือกับผู้แกร่งกล้าจำนวนมากมายทั้งสิ้น อย่างเช่นมอบของกำนัลเป็นสมบัติลับล้ำค่าชั้นสูงให้… เพียงแต่ดูเหมือนว่าบนดินแดนจิตโลกา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครหนีออกจากกรงขังไปถึงระดับชั้นที่สูงกว่าได้

“ถึงแม้ว่าจะมีความช่วยเหลือต่างๆ นานา แต่ดูเหมือนว่าการหนีออกจากกรงขังนั้นเป็นเรื่องที่แสนลำบากยากเย็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ “แต่ลูกมังกรหมื่นสัมผัสถึงกับเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดเชียวหรือ”

******

ที่อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด ส่งร่างแยกเข้าไปในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์อยู่เป็นประจำ ต่อสู้กับ ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ถูกคุมขัง มาถึงระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงนี้ การจะหาคู่ต่อสู้ที่เพียงพอที่จะกดดันคุกคามเขาให้พบสักคนหนึ่งนั้นก็ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว! อีกทั้งลูกมังกรหมื่นสัมผัสยังสามารถสำแดงเคล็ดวิถีนานาชนิดที่แตกต่างกันได้โดยกำเนิด มีส่วนช่วยเหลือในการขัดเกลาตนเองอย่างที่สุด

และที่อีกด้านหนึ่ง บนดินแดนจิตโลกา

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงนครหลวงคิมหันตวายุแล้ว กำลังเสพสุขกับอาหารเลิศรสอยู่ภายในหอสุราแห่งหนึ่ง ภายในใจก็ใคร่ครวญถึงประสบการณ์ที่ต่อสู้กับลูกมังกรหมื่นสัมผัส

“ก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญ ก็ต้องต่อสู้ให้มากๆ ต่อสู้ครั้งหนึ่งก็จะค้นพบข้อบกพร่องของการตระหนักรู้เคล็ดวิชาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีเป็นที่สุด

“มา”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้ามองไปทางผู้ดูแลที่อยู่ไกลออกไป

ผู้ดูแลหอสุราก็คือเทพแท้คนหนึ่ง รับสัมผัสรอบด้านอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“หอสุราของพวกเจ้ามีสุราเย่ซีนี่อยู่มากน้อยเท่าใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม

“สุราเย่ซีนี้มีเพียงเจ้านายบ้านข้าเท่านั้นที่สามารถกลั่นออกมาได้ ตอนนี้ยังมีอยู่สามพันไห หอสุราของพวกเราต้องเหลือเอาไว้อย่างน้อยหนึ่งพันไห” ผู้ดูแลหอสุราเอ่ย รู้ว่าเจอเข้ากับแขกผู้มั่งคั่งเสียแล้ว

“ไปเตรียมมาสองพันไหให้เรียบร้อย อีกประเดี๋ยวข้าจะเอาไปด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “สุราไม่เลวเลย”

“ได้ขอรับๆ”

ผู้ดูแลหอสุรายินดีเป็นอย่างยิ่ง

ตงป๋อเสวี่ยอิงเสพสุขกับสุราชั้นเลิศอย่างมีความสุขยิ่ง ดื่มตามลำพังคนเดียวมาตลอดจนฟ้าสางแล้วจึงค่อยจ่ายค่าสุรา นำสุราชั้นเลิศไปด้วย

เขามาถึงยังคีรีมารสกุลฝานแล้ว

“น้องเฟยเสวี่ย ไม่พบกันเสียนานเลยจริงๆ” จ้าวขุยเฉินมาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “นี่ก็ผ่านไปสามแสนล้านปีได้แล้วกระมัง เวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเจ้าเคยไปจากรัฐเมฆทักษิณาด้วย”

“นี่ก็มิได้มาแล้วหรือไร ช่วยข้าถ่ายทอดคำพูดที ข้าต้องการพบบรรพชนฝาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“พบบรรพชนฝานหรือ” จ้าวขุยเฉินสะดุ้งคราหนึ่งแล้วอดที่จะเผยสีหน้ากระอักกระอ่วนมิได้

บรรพชนฝานมีสถานะเช่นไร

ใช่ว่าใครอยากจะพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ

…………………………………………………..