อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอารมณ์ภายในใจจะซับซ้อนเพียงใด ตงหลิงหวงก็ยังระงับอารมณ์เหล่านั้นไว้อย่างรวดเร็ว และถวายความเคารพฮ่องเต้แคว้นตงเฉินในรูปแบบของทหาร
“เสด็จพ่อ ลูกมีความผิด”
คราวนี้ตงหลิงหวงเรียกเสด็จพ่อ ไม่ใช่ฝ่าบาท
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินเหลือบมองท่านเฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ท่านเฟิงเข้าใจความหมายในทันที
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอตัวออกไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินพยักพระพักตร์
ตงหลิงหวงรู้ดีว่า ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินสั่งให้ท่านเฟิงออกไป เพราะมีเรื่องจะพูดกับนางเพียงลำพัง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าละเลย
เมื่อภายในกระโจมเหลือเพียงตงหลิงหวงและฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินจึงเดินมายังข้างกายตงหลิงหวงอย่างเชื่องช้า และตบหัวไหล่ของตงหลิงหวงแผ่วเบา
“หวงเอ๋อร์ พ่อทราบดีว่าหลายปีมานี้เจ้าลำบากยิ่งนัก หากเจ้ามีน้องชาย พ่อสามารถมอบภาระที่หนักอึ้งนี้ให้กับเขา และให้เจ้าออกเรือนกับคนที่เจ้ารัก
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าคนผู้นั้นจะเป็นรัชทายาทอีกแคว้นหนึ่ง ต่อให้เป็นขอทาน ขอเพียงเจ้าชื่นชอบ พ่อก็ไม่ขัดขวางเจ้าแน่นอน”
แววตาอันสงบนิ่งของตงหลิงหวงพลันปรากฏความคิดบางอย่าง นางหันไปมองฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน
ทว่าเพียงชำเลืองมองครั้งเดียว ตงหลิงหวงก็กลับมาแสดงท่าทีสงบนิ่งและนอบน้อมตามเดิม
“ลูกมิกล้า”
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินตบไหล่ตงหลิงหวงด้วยท่าทางลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังกลับ พระหัตถ์สองข้างไขว้หลัง และตรัสด้วยพระสุรเสียงทอดยาวเล็กน้อย
“หวงเอ๋อร์ พ่อกับแม่ต้องขอโทษเจ้าจริงๆ ที่ทำให้เจ้าต้องลำบากถึงเพียงนี้”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้ว แววตาปรากฏความซับซ้อน นางต้องการจะเอ่ยคำพูดบางอย่าง ทว่าขณะที่กำลังจะเปิดปาก ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินกลับตรัสขึ้นก่อน
“ทว่าเจ้าถูกชะตากำหนดให้แตกต่างจากสตรีอื่นในใต้หล้า นี่คือโชคชะตาของเจ้า
เจ้าเป็นพระธิดาของสกุลตง พระธิดาเพียงพระองค์เดียวของเชื้อพระวงศ์แคว้นตงเฉิน และเป็นราชาในอนาคต
เกียรติอันสูงส่งที่ได้รับมานี้ กำหนดให้เจ้าต้องตอบแทนในสิ่งที่สอดคล้องกัน แม้สถานะจะสูงเท่าเจ้าและข้า ก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกัน”
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินพูดพลางหันกลับมาอย่างเชื่องช้า ภายในดวงตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าขณะที่เขาพูดคำเหล่านั้น เขากำลังอดกลั้นอันใดบางอย่าง
“หวงเอ๋อร์ ในฐานะเจ้าอยู่หัว ถูกกำหนดให้ต้องเสียสละ”
ตงหลิงหวงเงียบไปครู่ใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางสบสายพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ภายในแววตาของนางปรากฏความมุ่งมั่น
“เสด็จพ่อวางพระทัย หวงเอ๋อร์ยังเป็นหวงเอ๋อร์คนเดิมในอดีต ลูกรู้ดีว่าควรทำอย่างไร”
แววพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินเผยให้เห็นความพอใจ
“อีกไม่กี่วันคงมีศึกสำคัญ ดังนั้น หวงเอ๋อร์กลับไปเตรียมการเถิด”
ตงหลิงหวงพยักหน้า “ลูกขอทูลลา”
เมื่อเดินออกมาจากกระโจมของฮ่องเต้ อารมณ์ของตงหลิงหวงซับซ้อนอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าพระบิดาของนางกำลังเล่นเกมจิตวิทยา ทั้งนางยังทราบดีว่า พระองค์กำลังขุดหลุมพรางขนาดใหญ่ให้นาง
ทว่านางยังคงกระโดดลงไป ทั้งยังจำเป็นต้องกระโดดลงไปอีกด้วย
เพราะสิ่งที่ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินตรัสออกมานั้น ไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย
หลังจากกลับมาที่กระโจม อู๋ซวงก็รีบเข้ามาสอบถามทันที
“องค์รัชทายาท เป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ฝ่าบาททรงทราบความสัมพันธ์ของท่านกับฉีอ๋องแล้วใช่หรือไม่? ”
“อืม”
ตงหลิงหวงตอบรับเสียงเบาและนั่งลงบนเก้าอี้ด้านบน พลางขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด
อู๋ซวงตกใจทันที “อ๋า? ฝ่าบาท… ทรงทราบแล้ว เช่นนั้นพระองค์ทรงจัดการอย่างไร พระองค์คงจะไม่… ”
เดิมทีอู๋ซวงต้องการถามว่า ฝ่าบาทจะถอดยศรัชทายาทของตงหลิงหวง หรือคุมขังตงหลิงหวง หรืออันใดจำพวกนั้นหรือไม่
แต่ขบคิดเพียงชั่วครู่ หากฝ่าบาททรงทำเช่นนั้นจริง เป็นไปไม่ได้ที่ตงหลิงหวงจะกลับมา นางคงถูกจัดการตั้งแต่ตอนที่อยู่ในกระโจมบัญชาการภายในค่ายทหารแล้ว
อู๋ซวงรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ “องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงลงโทษพระองค์อย่างหนัก หรือว่ายึดอำนาจทางทหารของพระองค์”
น้ำเสียงของตงหลิงหวงยังคงแผ่วเบา “ไม่ต้องกังวล เรื่องไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น”
อู๋ซวงยังคงกังวล “เช่นนั้น… ฝ่าบาท… ฝ่าบาทจัดการกับพระองค์อย่างไร”
“ไม่มีอันใดเกิดขึ้น”
อู๋ซวงมีท่าทางตกตะลึง
ตามความคิดของฝ่าบาท เป็นไปได้อย่างไรที่พระองค์ไม่ทรงทำอันใดเลย?
“เรียกตัวฉานเยวี่ยกลับมาเถิด! ”
อู๋ซวงตกใจเล็กน้อย “เรียกพวกเขาทั้งหมดกลับมาหรือเพคะ? ”
“ใช่ นอกจากนั้น กองทัพของจวิ้นเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องมาอีกแล้ว”
แววตาของอู๋ซวงทอประกายความดีใจ “องค์รัชทายาท ความหมายของพระองค์คือ จะไม่ต่อต้านฝ่าบาทอีกแล้วใช่หรือไม่? ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด อู๋ซวงก็รู้สึกว่า คำว่า ‘ต่อต้าน’ ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก นางจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิด “หม่อมฉันจะรีบไปจัดการเพคะ”
ทันทีที่วิ่งไปถึงประตู อู๋ซวงก็ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ทว่า องค์รัชทายาท กองทัพขององค์ชายจวิ้นอาจเดินทางมาแล้ว คงไม่ทันการณ์เป็นแน่ จดหมายก็ถูกส่งออกไปนานแล้ว คาดว่าอีกฝ่ายคงได้รับแล้วเช่นกัน
หากพวกเราส่งข่าวให้ถอยทัพอีกครั้ง คาดว่าอีกฝ่ายคงเดินทางมาแล้ว”
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด! ”
อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นคนของนาง ยิ่งมีกำลังทหารมากเท่าใด ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
เวลานี้ ภายในกระโจมของจอมทัพค่ายทหารแคว้นหนานหลี
องครักษ์ข้างกายที่มู่หรงฉีเชื่อใจที่สุด “ท่านอ๋อง ท่านห้ามไปเป็นอันขาด! เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดัก เป็นแผนร้ายที่ฝ่ายศัตรูวางเอาไว้แน่นอน”
แท้จริงแล้ว มู่หรงฉีล่วงรู้อยู่แล้วว่าจดหมายฉบับนั้นมีผู้ลอกแบบลายมือของตงหลิงหวงขึ้นมา อีกทั้งทัศนคติของตงหลิงหวงที่มีต่อเขา นางยอมเผชิญหน้าต่อสู้กันในสนามรบมากกว่ากระทำสิ่งเหล่านี้…
ทว่าเขายังตัดสินใจที่จะไปตามนัด
ไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นกับดัก แม้จะเป็นงานเลี้ยงหงเหมิน [1] เขาก็จะไป
“ท่านอ๋อง พระองค์ต้องคิดให้รอบคอบ! ”
“ใช่ ท่านอ๋อง! ”
“ท่านอ๋อง กระหม่อมขอบอกความในใจกับพระองค์ แท้จริงแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำเช่นนี้กับฝ่ายตรงข้าม พวกเราสามารถวางแผนโจมตีแคว้นตงเฉินได้โดยตรง”
ความจริงแล้ว มีหลายคนที่คิดเช่นนี้
เมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเขามีโอกาสเอาชนะฝ่ายตรงข้าม และโจมตีแคว้นตงเฉินได้ทันที
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ฉีอ๋องกลับรีรอไม่ทำการอันใด ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
……
แม่ทัพจำนวนหนึ่งพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอย่างต่อเนื่อง มู่หรงฉีเริ่มขมวดคิ้ว เขาใช้นิ้วมือนวดคลึงขมับโดยไม่พูดอันใดแม้แต่คำเดียว
ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของเขาได้
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่หก ที่ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินรับสั่งให้ยุติสงครามระหว่างแคว้นตงเฉินกับแคว้นหนานหลี
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินและท่านเฟิงผู้ลึกลับเดินทางไปที่หุบเขามรณะโดยมีกองทัพยวี่หลิน กองกำลังค่ายทหารพยัคฆ์บิน และกองทัพวิหคสวรรค์ติดตามไปด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือของแคว้นตงเฉิน
โดยวันนี้มีการตัดสินว่า ต้องจับเป็นมู่หรงฉีที่หุบเขามรณะ ต่อให้จับเป็นไม่ได้ ก็ต้องสังหารเขาตรงนั้นให้ได้
อีกด้านหนึ่ง ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินได้รับข่าวว่ามู่หรงฉีเดินทางออกมาพร้อมกองทัพ ทั้งยังมียอดฝีมือจำนวนหนึ่งติดตามมาด้วย
ข่าวนี้ถูกส่งไปให้ตงหลิงหวงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางเช่นกัน
เมื่อตงหลิงหวงได้รับข่าว นางก็ออกจากค่ายทหารของแคว้นตงเฉินทันที และนำทับอ้อมออกจากค่ายทหารแคว้นตงเฉิน ตรงไปยังค่ายทหารของแคว้นหนานหลี
ในครั้งนี้ กองทัพแคว้นตงเฉินเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ พวกเขาร่วมมือกับตีขนาบทั้งภายในและภายนอก
ผู้ที่อยู่ภายในทราบข่าวนานแล้ว จึงเริ่มจุดไฟเผาเสบียงอาหารตามเวลาที่นัดหมาย และทำลายคลังอาวุธบางส่วนล่วงหน้า
นอกจากนั้น การจู่โจมในเวลากลางคืนมักจะดำเนินการตอนกลางคืน เป็นไปไม่ได้เลยที่คนจากแคว้นหนานหลีจะคิดว่า กองทัพแคว้นตงเฉินจะโจมตีในช่วงพลบค่ำ
ดังนั้น ศึกครั้งนี้ กองทัพตงเฉินเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน กองทัพแคว้นหนานหลีพ่ายแพ้โดยไร้ทางป้องกัน
ทว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
……
เชิงอรรถ
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน เป็นงานเลี้ยงสำคัญในประวัติศาสตร์จีน เมื่อเซี่ยงหยี่ (บ้างเรียกว่า เซี่ยงหวี่, ฌ้อปาอ๋อง ก็มี) ส่งเทียบเชิญหลิวปัง (เล่าปัง) ไปร่วมงานเพื่อหลอกฆ่ากลางงานเลี้ยง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็สร้างความหวาดหวั่นกับผู้คน ต่อมาผู้คนได้เรียกงานเลี้ยงที่มีแผนการซ่อนเร้นอยู่, งานเลี้ยงที่แฝงเจตนาไม่ดี ว่า “งานเลี้ยงหงเหมิน”