บทที่ 1784 ปาชื่อปาถูกหยุด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1784 ปาชื่อปาถูกหยุด

 

“ฆ่า!” ผู้อมตะตระกูลปาตะโกนขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น เขากระทืบอสูรปีจนตายในครั้งเดียว ร่างของผู้อมตะตระกูลช่ายอาบอยู่ในเปลวเพลิงและทําให้เขาดูเหมือนเทพสงคราม

 

ฟางหยวนจําผู้อมตะตระกูลช่ายได้ มิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งไฟของคนผู้นี้ค่อนข้างดี เขามีภูเขาไฟหลายลูกที่ล้ําค่า

 

ไท่หูชิวเงียบ เขาขยับอย่างรวดเร็วและส่งแสงสีทองออกไปแยกร่างอสูรปี

 

ฟางหยวนคิดถึงวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือของไท่ซิ่วจง มันเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนได้รับมันมาโดยมือปีศาจปล้นวิญญาณ แต่วิธีนี้ไม่น่าเชื่อถือ

 

“ปีศาจฟางหยวน เราต้องขอบคุณเจ้าสําหรับความมั่งคั่งนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงหูจางหัวเราะขณะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จับอสูรปและเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างของเขา

 

ฟางหยวนสงบมาก ไม่สําคัญว่าเฉิงหูจางจะจับอสูรปีได้มากเท่าใด แต่สุดท้ายกระทั่งเฉิงหูจางก็จะกลายเป็นสมบัติของฟางหยวน

 

“โฮก…”

 

กองทัพอสูรปีหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้สิ้นสุด

 

“เหตุใดจึงมีอสูรปีมากมายนัก?”

 

“ปีศาจฟางหยวนพยายามลดพลังงานอมตะของพวกเรา!”

 

“การทําลายค่ายกลคือหนทางสู่ชัยชนะ”

 

ผู้อมตะภาคใต้ลอบสนทนา

 

ลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาเป็นบุคคนที่มีโอกาสทําลายค่ายกลนี้มากที่สุด

 

“โฮก…”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงคํารามที่ดุร้ายดังขึ้นในสนามรบ

 

ฟางหยวนตกตะลึงเล็กน้อย “โอ้ ข้าเรียกอสูรปีขาลแรกกําเนิดออกมา มันแข็งแกร่งกว่าอสูรปีระกาแรกกําเนิดที่ข้าเคยเรียกออกมาในชีวิตก่อนหน้า นี่เป็นเพราะข้าใช้มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อเพิ่มโชคให้ตนเองงั้นหรือ?”

 

การแสดงออกของผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไป

 

“อสูรปีแรกกําเนิด!”

 

“ค่ายกลนี้สามารถเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาได้จริงๆ!”

 

“มันคือค่ายกลชนิดใด? มันน่ากลัวเกินไป! ทําลายมันเร็วเข้า!”

 

ลั่วเว่ยหยินต้องการลงมือแต่ไม่ชิวจงก้าวออกมา “ให้เราจัดการมัน ผู้อมตะระดับแปดทั้งสอง ท่านโปรดจัดการค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด”

 

“ให้ข้าลงมือหรือไม่?” ปาซื่อปาลอบถาม

 

“ไม่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา พี่ปารอก่อน” เซี่ยชาตอบกลับ

 

ปาซื่อปาเห็นด้วย

 

ไท่ชิวจงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องร่วมมือกับผู้อมตะคนอื่นๆต่อสู้กับอสูรปีขาลแรกกําเนิด แต่หลังจากชั่วครู่ พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

ในชีวิตก่อนหน้า พวกเขาต่อสู้กับอสูรประกาแรกกําเนิด พวกเขาสามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียม

 

แต่อสูรปีขาลแรกกําเนิดแข็งแกร่งกว่าอสูรประกาแรกกําเนิด ดังนั้นพวกเขาจึงกลาย เป็นฝ่ายด้อยกว่า

 

หัวใจของไท่ชิวจงจมดิ่งลง เขาคิด “นี่เป็นความแข็งแกร่งระดับแปดที่แท้จริง น่าประทับใจ! ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะเสนอตัวต่อต้านพลังอํานาจดังกล่าวจริงๆ”

 

“มีแกนกลางอยู่ที่นี่!” ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้น นางชี้นิ้วยิงลําแสงลึกลับพุ่งเข้าโจมตีตําแหน่งนั้นและทําให้ค่ายกลวิญญาณอมตะเกิดการสั่นสะเทือน

 

ผู้อมตะภาคใต้รู้สึกสนุกสนาน มีแกนกลางของค่ายกลอยู่ที่นั่นจริงๆ เซี่ยชาทําลายมันตามความคาดหวังของพวกเขา

 

เมื่อแกนกลางถูกทําลาย เกลียวแสงที่สองก็ปรากฏขึ้นและส่งกองทัพอสูรปีออกมาอีกครั้ง

 

การแสดงออกที่สนุกสนานของผู้อมตะภาคใต้หายไปทันที

 

“โฮก….”

 

อสูรปีมะโรงแรกกําเนิดพุ่งเข้าสู่สนามรบ

 

การแสดงออกของผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สอง!

 

“ถึงเวลาของข้าแล้ว” ปาซื่อปากต้องการเคลื่อนไหว

 

“ไม่ ท่านปาซื่อปา ให้ข้าลงมือ” ลั่วเว่ยหยินถ่ายทอดเสียงก่อนจะส่งมือสีเหลืองขนาดใหญ่พุ่งเข้าจับอสูรปีมะโรงแรกกําเนิดเอาไว้

 

ลั่วเว่ยหยินสามารถจับอสูรปีมะโรงแรกกําเนิดได้ในครั้งเดียว แม้เขาจะไม่มีพลังโจมตี แต่ท่าไม้ตายนี้ก็ทําให้ทุกคนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

 

ขวัญกําลังใจของผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นขณะที่การแสดงออกของสมาชิกนิกายเงาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นมืดมน

 

พลังการต่อสู้ระดับแปดน่ากลัวเกินไป

 

ฟางหยวนคิดถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตก่อนหน้า ความแข็งแกร่งของลั่วเว่ยหยินเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อฝ่ายของฟางหยวน ตอนนี้ลั่วเว่ยหยินยังแสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาเพียงครึ่งเดียวแม้เขาจะเป็นหนึ่งในผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม

 

“ฟ่อ…”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่อสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดเลื้อยคลานออกมาจากเกลียวแสงและเข้าสู่สนามรบ

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สาม!

 

“ก็อซ.”

 

อสูรประกาแรกกําเนิดปรากฏตัวพร้อมกับชูแผงคอขึ้นด้วยท่างทางหยิ่งผยอง

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สี่

 

อสูรปีแรกกําเนิดสองตัวเข้าสู่สนามรบในเวลาเดียวกัน นี่ทําให้ใบหน้าของผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซีดเผือด

 

อสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดไม่ง่ายที่จะจัดการ มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายยิ่งกว่าสองตัวแรก สําหรับอสูรประกาแรกกําเนิด มันปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา นี่ทําให้มันยิ่งอันตรายมากขึ้น

 

หลังจากอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวปรากฏตัว กองทัพอสูรปีก็พุ่งตามออกมาจากเกลียวแสงราวกับคลื่นยักษ์

 

การต่อสู้ที่ดุเดือดปะทุขึ้น ผู้อมตะใช้สติปัญญาและท่าไม้ตายเผชิญหน้ากับศัตรู ขณะที่อสูรปี ไม่ฉลาดนักแต่พวกมันมีความได้เปรียบด้านจํานวน

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของฟางหยวนปกป้องแกนกลางของค่ายกลและเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

 

“ค่ายกลนี้น่ากลัวจริงๆ เราต้องทําลายมันอย่างรวดเร็วที่สุด!”

 

“ตราบเท่าที่เราสามารถทําลายส่วนหนึ่งของมัน เราจะสามารถส่งข้อมูลและขอกําลังเสริม”

 

“ค่ายกลนี้ช่างซับซ้อนนัก เชี่ยชาขมวดคิ้ว หลังจากพบแกนกลางแรก นางยังไม่พบแกนกลางที่สอง

 

“ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าต่ําเกินไป บางทีข้าควรโจมตีสุดกําลังและเปิดเผยข้อบกพร่องของมันออกมา!” เจตนาสังหารของเซี่ยชาปะทุขึ้น

 

ลั่วเว่ยหยินที่สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเซี่ยชาเร่งกล่าว “อย่าตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน เขาเจ้าเล่ห์มาก กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถจับเขา นิกายเงาได้รับสนามรบแห่งความโกลาหล แม้มันจะถูกทําลาย แต่วิญญาณอมตะจํานวนมากยังอยู่ในมือพวกเขา หากท่านโจมตีอย่างเต็มกําลัง ท่านอาจตกลงสู่กับดักของฟางหยวน”

 

เซี่ยชาลังเลขณะที่อสูรประกาแรกกําเนิดพุ่งเข้ามาหานาง

 

“เดรัจฉาน!” เซี่ยชาเย้ยหยันด้วยความโกรธ

 

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

 

กรรไกรสีเขียวขนาดใหญ่พุ่งเข้าตัดลําคอของอสูรประกาแรกกําเนิดและทําให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

 

เซี่ยชาแสดงพลังการต่อสู้ที่ไม่ด้อยกว่าสมาชิกวงสวรรค์ออกมา ก่อนที่อสูรประกาแรกกําเนิ จะตายด้วยน้ํามือของนาง ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะนําอสูรประกาแรกกําเนิดที่ได้รับบาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุ

 

“มาหาข้า” ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสและประสบความสําเร็จในการกดขี่อสูรประกาแรกกําเนิดเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า

 

ตั้งแต่กําเนิดใหม่ฟางหยวนพยายามรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิด

 

แผนการของเขาคือรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสิบสองชนิด แม้เขาจะมีอสูรปีระกา แรกกําเนิดอยู่แล้ว แต่เขาจะไม่ทิ้งมันไป

 

เซี่ยชายิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็เผยข้อบกพร่อง แม้เจ้าจะได้รับอสูรปีแรกกําเนิดหนึ่งหรือสองตัว แล้วอย่างไร?”

 

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะนําอสูรประกาแรกกําเนิดออกไป นี่ทําให้เซี่ยชาเข้าใจการทํางานของค่ายกลมากขึ้น

 

ดังคาด ไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบแกนกลางที่สองและทําลายมัน

 

ผู้อมตะภาคใต้โห่ร้องด้วยความยินดีแต่ในวินาทีต่อมาแกนกลางที่ถูกทําลายกลับกลายเป็นเกลียวแสงและส่งกองทัพอสูรปีเข้าสู่สนามรบมากขึ้น

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

 

“ไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าต้องเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้!” ปาซื่อปาต้องการเคลื่อนไหว

 

แต่เซี่ยชาและลั่วเว่ยหยินหยุดเขา

 

“ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน เรามาถึงจุดนี้แล้ว ท่านควรรอต่อไป”

 

“เราต้องตรวจสอบค่ายกลทั้งหมด ท่านต้องลงมือในช่วงเวลาสําคัญที่ฟางหยวนคาดไม่ถึง

 

ปาซื่อปาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ “ตกลง”

 

การต่อสู้ยังดําเนินต่อไป

 

ผู้อมตะจํานวนมากเริ่มได้รับบาดเจ็บ

 

ลั่วเว่ยหยินและเชี่ยชาต่อสู้กับอสูรปีแรกกําเนิดอย่างดุเดือด

 

ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทําให้ฟางหยวนได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดมากกว่าในชีวิตก่อนหน้า

 

กองทัพอสูรปีกลายเป็นภัยคุกคามต่อผู้อมตะภาคใต้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ “ในชีวิตก่อนหน้า ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายของข้าสามารถสร้างเกลียวแสงได้สามทาง แต่หลังจากการดัดแปลงมันในชีวิตนี้ มันสามารถสร้างเกลียวแสงได้ห้าทาง”

 

“มันขึ้นอยู่กับเวลา”

 

“ในชีวิตก่อนหน้า การต่อสู้กินเวลาสองวันกับหนึ่งคืน ครั้งนี้มีอสูรที่มากขึ้น แม้มันจะพึ่งผ่านไปเพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืน แต่ผู้อมตะภาคใต้ก็ยังเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าครั้งก่อน”

 

“ทุกคน ร่วมมือกับข้ากระตุ้นใช้วิธีที่ทรงพลังที่สุดของค่ายกล!” ฟางหยวนออกคําสั่ง