นิกายสวรรค์เยือกแข็งเป็นนิกายที่ทรงพลังมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อพลังอำนาจ แต่พวกเขาก็มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อยู่ ซึ่งไม่จำเป็นหน้าไว้หน้าให้ใครหน้าไหน
อาจกล่าวได้ว่าแม้จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะจะมาที่นี่ด้วยตัวเองและขอให้นิกายสวรรค์เยือกแข็งรับคนของนาง แต่นิกายสวรรค์เยือกแข็งก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรับ
ส่วนหลี่เหว่ยเหว่ยกับจื้อหยุนเอ๋อถึงแม้พวกนางจะดูดซับพลังจากผลึกภูผาวารี แต่ก็ถือเป็นอัจฉริยะหากอิงตามอายุและความสำเร็จ ดังนั้นพวกนางจึงได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งและกลายเป็นศิษย์ธรรมดา
ในเมืองจักรพรรดิแทบจะไม่มีสหายของหลิงฮันหลงเหลืออยู่
หลิงฮันเริ่มคิดว่าเขาควรทำอะไรต่อไปดี
“หลิงฮันอยู่หรือไม่?” ในขณะนั้นเองก็มีเสียงที่น่าเกรงขามของคนผู้หนึ่งดังมาจากด้านนอก
น…นางคือฉีเชียวเซวี่ย
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ทั้งที่นางฟังคำสั่งของจักรพรรดินีคนเดียวเท่านั้น การที่นางมาหาเขาที่นี่หรือว่าจักรพรรดินีจะมีเรื่องด่วยอันใด? หรือว่านางจะส่งทาสรับใช้มาเพื่อส่งข้อความ
เมื่อเดินออกจากประตู เขาก็เห็นฉีเชียวเซวี่ยสวมชุดเกราะยืนอยู่ด้านนอก นางเป็นเหมือนดอกไม้งามในกองทัพ
แต่น่าเสียดายที่รัศมีของนางต้องถูกบดบังโดยจักรพรรดินี แล้วไม่มีข่าวลือว่านางชอบผู้ชายมาก่อน นางหลงใหลในตัวจักรพรรดินีมากจนลืมไปว่าตัวเองก็เป็นสตรี
“คาวระผู้บัญชาการฉีเชียวเซวี่ย!” หลิงฮันเคยเป็นทหารในกองทัพจักรวรรดิมาก่อน เขาไม่จำเป็นต้องโค้งคำนับถ้าฉีเชียวเซวี่ยไม่มากพิธี
ฉีเชียวเซวี่ยจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาแปลกๆ ชายหนุ่มที่ดูธรรมดาอย่างเขาสมควรที่จะได้รับความปรารถนาดีจากจักรพรรดินีถึงสองครั้งหรือไม่? ครั้งแรกจักรพรรดินีอาจใช้หลิงฮันเพื่อข่มขู่ผู้มีอำนาจในจักรวรรดิและทำให้พวกเขาหวั่นเกรง
แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด
เขามีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินียังไงกันแน่?
ฉีเชียวเซวี่ยไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้านางรู้ว่าจักรพรรดินีกับหลิงฮันสัมผัสทางผิวหนังกันแล้ว นางจะต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ
“องค์จักรพรรดินีขอให้ข้ามามอบของบางสิ่งให้กับเจ้า” นางส่งจดหมายให้กับหลิงฮัน “นี่คือจดหมายจากจักรพรรดินีที่ต้องการส่งให้ราชินีที่กล่าว องค์จักรพรรดินีต้องการให้เจ้าไปส่งและกล่าวว่าถ้าราชินีที่เก้าเห็นด้วยที่จะยอมรับเจ้าเป็นผู้ติดตาม เจ้าก็จะสามารถเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งได้”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขายังไม่ยื่นมือออกไปรับเพื่อรับจดหมาย จนกระทั่งฉีเชียวเซวี่ยส่งเสียงกระแอมอย่างรุนแรง
“ในเมื่อข้าส่งจดหมายถึงมือเจ้าแล้วเช่นนั้นข้าคงต้องของตัว” ฉีเชียวเซวี่ยจ้องมองหลิงฮันสักพักก่อนที่จะหันหลังจากไป
นางสับสนมากว่าทำไมจักรพรรดินีถึงส่งจดหมายให้หลิงฮัน? แล้วทำไมถึงต้องเป็นนางที่มาส่งให้หลิงฮันด้วยตัวเอง
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจเพราะราชินีที่เก้าก็ได้รับเลือกจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่นางได้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์
แม้ว่าจักรพรรดินีจะขอให้เขาเป็นคนส่งจดหมาย แต่ก็สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังให้เข้าไปในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ในฐานะผู้ติดตามของราชินีที่เก้า
ในนิกายสวรรค์เยือกแข็งมีเพียงแค่ศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่มีผู้ติดตามและสามารถฝึกฝนร่วมกันในนิกายได้ แม้ว่าผู้ติดตามจะไม่ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะพลังของนิกาย แต่ก็สามารถติดตาม “เจ้านาย” เพื่อฟังคำแนะนำจากเหล่าปรมาจารย์ได้
แม้ว่าผู้ติดตามจะเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ แต่ก็มีอัจฉริยะมากมายหลายคนที่ต้องการชิงตำแหน่งดังกล่าว
จักรพรรดินีเป็นคนที่ใจกว้างมาก แม้นิกายสวรรค์เยือกแข็งจะปิดรับศิษย์แล้ว แต่นางก็ใช้วิธีการของตัวเองเพื่อเปิดประตูอีกบานหนึ่งให้หลิงฮันได้เข้าร่วมนิกาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า หรือมันจะเป็นเพราะเสน่ห์ของข้ากันน่ะ? นางถึงทำแบบนี้เพื่อข้า” หลิงฮันหลงตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่ข้าจะยอมรับคำขอนี้ดีหรือไม่?
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจที่จะยอมรับมัน
พี่น้องสามคนและคนอื่นๆเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งกันหมดแล้ว ร่วมถึงศัตรูของเขาสองคนอย่างจ้าวหลุนและซาหยวนก็เช่นกัน ถ้าเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิ มันจะมีอะไรให้เขาทำอีกนอกจากเล่นชู้กับจักรพรรดินี?
หลิงฮันเตรียมความพร้อม เขานำเม็ดยาจำนวนมากไปแลกเปลี่ยนกับผลึกก่อเกิดกับวัตถุดิบปรุงยา
ครึ่งเดือนต่อมา หลิงฮันไปเยี่ยมเฒ่าฉือก่อน จากนั้นก็เดินทางออกจากดาวเหอหนิงและใช้ยานบินของเซียนหวู่เซียงเป็นพาหนะบินไปที่ดาวเฟยหยุน
ทำไมเขาถึงไม่ใช้พาหนะแหวกเมฆา?
นั่นเป็นเพราะปัญหาด้านรูปแบบอาคมป้องกันเท่านั้น แต่มันไม่สามารถบินบนอวกาศได้
ในอวกาศมันไม่มีความแตกต่างว่าตรงไหนคือด้านบนหรือด้านล่าง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามุ่งหน้าไปที่ไหน?
พิกัดดาวเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำทาง แต่นั่นจะมีผลกับแผนที่ดวงดาวเท่านั้น และแผนที่ดวงดาวต้องใช้รูปแบบอาคมขนาดใหญ่เพื่อเปิดใช้งาน ดังนั้นพาหนะแหวกเมฆาเล็กๆจะมีความสามารถแบบนั้นได้อย่างไร?
ถ้าหลิงฮันนั่งพาหนะแหวกเมฆาไปที่ดาวเฟยหยุน ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคือหลิงฮันจะหลงอยู่ในอวกาศ ถ้าโชคดีในอีกร้อยหรือพันปีต่อมา เขาก็อาจพบดาวที่ลงจอดได้ แต่ในกรณีนั้นจะต้องมีผลึกก่อเกิดที่เป็นแหล่งพลังงานมากพอให้ขับเคลื่อน มิฉะนั้นคงไม่แตกต่างจากพาหนะทั่วไป
หลิงฮันกำลังขับยานบิน ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ เพียงแค่ป้อนพิกัดดาวลงในรูปแบบอาคมและผลึกก่อเกิดเท่านั้น มันก็สามารถบินได้โดยอัตโนมัติ ส่วนในกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นการโจมตีจากอุกกาบาตและการระเบิดของดวงดาว เขาจะต้องขับด้วยตนเองและออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้
หลังจากเข้าสู่อวกาศ หลิงฮันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ และถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเขาก็จะออกมาดูทันที
การเดินทางจากดาวเหอหนิงไปยังดาวเฟยหยุนใช้เวลาประมาณสามเดือน
หลิงฮันนั่งอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ ในขณะที่เซียนหวู่เซียงกำลังสอนทักษะให้กับชางเย่ หยวนชางเหอและคนอื่นๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลา เพราะเขาไม่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้
ทุกคนตั้งใจฟังเพราะเซียนหวู่เชียงเป็นคนสอน ในทางตรงกันข้าม นิกายสวรรค์เยือกแข็งคืออะไร?
– ถ้าคนอื่นรู้เรื่องการมีอยู่ของเซียนหวู่เชียง อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับดาราเลย แม้กระทั่งปรมาจารย์สามวิถีที่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็อาจเข้ามาในหอคอยทมิฬนี้ด้วย
พลังเต๋าเป็นอะไรที่เข้าใจยาก แต่เซียนหวู่เซียงเคยเป็นจอมยุทธที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้วิธีชี้แนะคนอื่น
เช่นเดียวกับหลุมดำที่มองไม่เห็น เมื่อแสงของดวงดาวผ่านก็จะถูกมันดูดซับ นี่เป็นการพิสูจน์การมีอยู่ของมัน
เช่นเดียวกับคำพูดของเซียนหวู่เซียง ด้วยคำอธิบายที่ลึกซึ้งและเรียบง่ายทำให้ชางเย่และคนอื่นๆมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ ถ้าหนึ่งวันไม่เพียงพอที่จะทำความเข้าใจ แล้วถ้าเป็นหนึ่งปีล่ะ? สิบปีล่ะ?
“เจ้าหนู แม้ในอนาคตเจ้าจะสามารถสร้างกายหยาบให้ข้าได้จริง แต่ยังไงข้าก็ต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังที่นี่ มันเป็นเหมือนดินแดนแห่งขุมทรัพย์!” เซียนหวู่เซียงกล่าวว่าเขาต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฎ ความสามารถของมันแม้กระทั่งเขาก็ยังหวั่นไหว
“ไม่มีปัญหา!” หลิงฮันพยักหน้า
ถ้าเซียนหวู่เซียงกลับไปแข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาก็จะมีคนหนุนหลังที่ทรงพลัง แม้ว่าจะเป็นเซียนชั้นต้นก็ตาม
จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายของเขาช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก สถานะของเซียนหวู่เซียงถ้าเทียบกับดินแดนใต้พิภพแล้ว มันเทียบได้กับเทพปีศาจ!