เมิ่งเชี่ยนโยวทำอะไรไม่ได้ จึงแอบไปหาเจียงจิ่นให้มาช่วยทำที่ห้องของตน
สิบกว่าปีมานี้ เจียงจิ่นได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินอยู่เป็นประจำของเมิ่งเชี่ยนโยว นางจึงไม่ได้หัวโบราณอย่างแต่ก่อน หลังจากที่ตกใจเมื่อเห็นภาพวาดแล้ว ก็รีบตัดผ้าและถักเย็บให้ทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้เริ่มเสียใจที่ตนไม่มีฝีมือเย็บปักถักร้อย ไม่อย่างนั้น ชุดว่ายน้ำนี้เสร็จไปนานแล้ว ลูกๆ ก็คงได้เรียนว่ายน้ำไปนานแล้ว
ชุดว่ายน้ำทั้งสามทำเสร็จ หนึ่งตัวใหญ่และสองตัวเล็ก ตัวใหญ่เป็นของเมิ่งเชี่ยนโยว ตัวเล็กเป็นของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์
เมื่อหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์รับชุดว่ายน้ำมา ก็ตกใจจนเบิกตาโต “ท่านแม่ เสื้อตัวนี้ใส่ได้หรือเจ้าคะ”
“เสื้อตัวนี้เอาไว้ใส่เวลาที่พวกเจ้าเรียนว่ายน้ำ อยู่ในน้ำจะเบาสบาย ไม่เกะกะ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอธิบาย
ทั้งสองคนสบตากัน แล้วมองชุดว่ายน้ำที่มีเพียงผ้าไม่กี่ชิ้นในมือ ในใจก็คิดพร้อมกันว่า ถ้าท่านปู่รู้เข้าว่าพวกเราใส่เสื้อเช่นนี้ คงจะสั่งคนรื้อสระว่ายน้ำทิ้งเลยทันที และไม่อนุญาตให้พวกเราเรียนว่ายน้ำอีก
ไม่ว่าทุกคนจะรู้สึกประหลาดใจอย่างไร ในคืนที่ทำชุดว่ายน้ำเสร็จ ก็ต้อนคนทั้งหมดออกจากสวนดอกไม้ และสั่งสาวใช้ให้วางงานที่กำลังทำอยู่มาเฝ้ารอบๆ สวนดอกไม้ และสั่งให้ชิงหลวนคอยเฝ้าสังเกตการณ์ เมิ่งเชี่ยนโยวพาหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ทั้งสองคนมาถึงข้างสระน้ำ
น้ำในสระใสสะอาด อุณหภูมิน้ำอุ่นกำลังสบาย หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนเสื้อในที่ที่สร้างไว้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็เดินออกมา ยิ้มบอกให้ทั้งทั้งสองก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อ
ทั้งสองคนเดินอย่างเขินอายเข้าไปเปลี่ยนจนเสร็จ แต่กลับไม่ได้ออกมาอย่างเปิดเผยอย่างเมิ่งเชี่ยนโยว พวกนางนำเสื้อคลุมคลุมตัวไว้ และเดินออกมาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะหัวเราะ หันหลังค่อยๆ ลงไปในน้ำ จากนั้นก็ยื่นมือไปให้ทั้งสองคน “พวกเจ้าก็ลงมาเถอะ แม่ประคองพวกเจ้าเอง” ตั้งแต่ที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ตกน้ำ นางก็มีปมในใจ เมื่อได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูด ก็ก้าวถอยหลังไปหลบหลังหวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝู่สือเมิ่งยื่นมือไปให้เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวจับไว้ ค่อยๆ พานางยืนในน้ำ สระน้ำไม่ลึก น้ำถึงบริเวณคอของหวงฝู่สือเมิ่ง หลังจากหวงฝู่สือเมิ่งยืนได้แล้ว ก็หันศีรษะไป ยื่นมือออกไป พูดว่า “เย่ว์เอ๋อร์ ลงมาสิ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี นางสูดหายใจเข้าลึก เดินไปข้างสระน้ำ ค่อยๆ ลงไปสระน้ำตามการชี้นำของเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่สือเมิ่ง
น้ำอุ่นปะทะร่างของนาง ความรู้สึกช่างแตกต่างจากน้ำในทะเลสาบอันหนาวเย็นนั้นเสียเหลือเกิน หวงฝู่เย่าเย่ว์เริ่มผ่อนคลายตัวเองลง ตัวที่แข็งเกร็งก็ค่อยๆ ผ่อนสบายขึ้น
หลังจากปล่อยให้ทั้งสองคุ้นชินกับความรู้สึกในน้ำแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสอนวิธีการว่ายน้ำให้พวกนาง สาธิตท่าทางมากมายให้พวกนางดู
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวว่ายน้ำไปมาเหมือนกับปลาที่มีอิสระตัวหนึ่ง ทั้งสองก็รู้สึกแปลกใหม่และประหลาดใจมาก
พวกนางลุกลี้ลุกลนอยากจะลองบ้าง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองก็ว่ายท่าสุนัขได้แล้ว ทั้งสองดีใจมาก เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพวกนางดังไปทั่วทั้งสระน้ำ
พระชายาฉีไม่วางใจ สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินไปดูอย่างอดใจไม่อยู่ เมื่อเข้าไปในสวนดอกไม้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกนาง นางจึงยิ้มตามทันที แล้วรีบเดินเข้าไปจนถึงข้างสระน้ำ
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียง เงยหน้ามองไปเห็นว่าเป็นพระชายาฉี ก็ยิ้มเขานเรียก “เสด็จแม่”
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ได้ยินเหมือนกัน จึงขานเรียกพร้อมกันว่า “ท่านย่า”
เมื่อเห็นสีหน้าทั้งสองมีความสุข ไร้ความหวาดกลัวใดๆ พระชายาฉีจึงวางใจ ยิ้มถามว่า “ว่ายน้ำเป็นหรือยังล่ะ”
ทั้งสองพยักหน้าตามกัน พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “อื้ม เป็นแล้วเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีตกใจ “เร็วขนาดนี้เลยหรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์วางตัวนอนราบ พุ้ยแขนสองสามที แล้วลำตัวก็เคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย “ท่านย่า ดูสิ”
พระชายาฉีประหลาดใจจนเบิกตาโต พูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “เย่ว์เอ๋อร์ พวกเจ้าว่ายเป็นแล้วจริงๆ ด้วย”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าอย่างดีอกดีใจ น้ำเสียงอดกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่ “ท่านย่า น้ำในสระอุ่นมาก ท่านลงมาเล่นกับพวกเราสิเจ้าคะ”
พระชายาฉีรีบโบกมือ “ไม่ได้ ไม่ได้ ย่าแก่แล้ว เรียนไม่ไหวหรอก” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่สายตาก็เหลือบมองสระน้ำอย่างควบคุมไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
เมิ่งเชี่ยนโยวสัมผัสถึงแววตานั้นได้อย่างชัดเจน ยิ้มพูดว่า “เสด็จแม่ อายุท่านกำลังดีเลย แก่เสียที่ไหนกัน รอคืนพรุ่งนี้เรามากันอีกเมื่อไหร่ จะไปเรียกท่านที่ห้องนะเจ้าคะ”
พระชายาฉียังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ ไม่ได้”
หวงฝู่สือเมิ่งก็หัวเราะขึ้นมา ถามอย่างซุกซนว่า “ท่านย่า ท่านหมายถึงว่ายน้ำไม่ได้ หรือใส่เสื้อว่ายน้ำเช่นนี้ไม่ได้เจ้าคะ”
พระชายาฉีหน้าแดง
หวงฝู่เย่าเย่ว์หัวเราะเสียงสดใส ยั่วยวนว่า “ท่านย่า กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ ไม่มีใครเห็นหรอกเจ้าค่ะ อีกอย่าง น้ำในสระนี้อุ่นสบายมากเลยเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีหวั่นไหว เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก
หวงฝู่สือเมิ่งพูดล่อใจต่อว่า “ท่านแม่ ท่านว่ายท่าสวยๆ ให้ท่านย่าดูหน่อยสิเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินดังนั้น ก็พลิกตัว ว่ายเปลี่ยนท่าไปมาในน้ำ
พระชายาฉีตื่นเต้นจนเบิกตาโต คิดในใจว่าพรุ่งนี้ตอนกลางวันตนจะทำเสื้อว่ายน้ำที่เหมาะสมให้ตัวเองเสร็จทันไหม
เวลามืดค่ำแล้ว หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ที่ถูกเร่งให้ขึ้นไปยังคงอยากว่ายต่อ พวกนางจึงขอร้องเมิ่งเชี่ยนโยวว่าพรุ่งนี้ให้พาพวกนางมาเร็วหน่อย
เมิ่งเชี่ยนโยวตกลง
ทุกคนก็กลับห้องของตนไปพักผ่อน
หลังจากพระชายาฉีกลับไป อ๋องฉียังไม่นอน นั่งรอฟังข่าวอยู่บนเก้าอี้ เมื่อพระชายาฉีเข้าห้องมา เขาก็รีบถามทันทีว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงพระชายาฉีเต็มไปด้วยความดีใจ “ดีมาก เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์สนุกสนานมาก บอกว่าคืนพรุ่งนี้จะไปเรียนเร็วหน่อย”
อ๋องฉีพยักหน้า
คืนวันต่อมา หลังจากทานข้าวเย็น และพักผ่อนครู่หนึ่งแล้ว หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็รีบวิ่งมาเรือนของพระชายาฉี เมิ่งเชี่ยนโยวตามหลังมา
อ๋องฉีก็อยู่ในเรือน มองทั้งสามอย่างแปลกใจ
หวงฝู่เย่าเย่ว์เดินขึ้นหน้า ถือแขนพระชายาฉี “ท่านย่า ไปกันเถอะ”
เมื่อตอนกลางวันคิดอยู่ทั้งวัน พระชายาฉียิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่เหมาะสม จึงไม่ได้ถักเย็บชุดว่ายน้ำ ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพลางโบกมือ “พวกเจ้าไปเถอะ ย่าไม่ไปแล้วล่ะ”
ทั้งสองคนไม่ยอม เมื่อครั้นกำลังจะออดอ้อนให้พระชายาฉีตกลง เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้นว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์ ในเมื่อท่านย่าไม่ว่าง เราไปกันเองเถอะ”
ทั้งสองปล่อยมืออย่างไม่ยินยอมนัก แล้วเดินไปสระว่ายน้ำหลังเรือน
อ๋องฉีสังเกตเห็น ก็ถามขึ้นว่า “พวกนางมาหาเจ้ามีอะไรหรือ”
พระชายาฉีหน้าแดงเล็กน้อย เล่าเรื่องเมื่อวานที่ทั้งสามจะให้ตนไปเรียนว่ายน้ำด้วยให้เขาฟังอย่างเขินอาย
อ๋องฉีไม่ได้พูดอะไร
พระชายาฉีไม่คิดจะไป ในใจก็มิได้ต้องการจะไป นางเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งหนึ่ง
อ๋องฉีเอ่ยปาก พูดอย่างสนับสนุนว่า “ยากนักที่เจ้าจะมีสิ่งที่ชอบทำ หากอยากไปก็ไปเถอะ”
มือที่กำลังรินน้ำอยู่ของพระชายาฉีชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามองอ๋องฉีอย่างประหลาดใจ
อ๋องฉีรู้สึกอึดอัด ไอกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วรีบลุกขึ้น “เพิ่งทานข้าวอิ่ม ข้าจะไปเดินเล่นในจวนสักรอบ” พูดจบ ก็เดินมือไพล่หลังออกไป
พระชายาฉีมองกลับมา วางกาน้ำชาลง ลุกขึ้นแล้วรีบนำรูปที่เมิ่งเชี่ยนโยววาดให้ตนออกมา เลือกชุดที่ปกปิดมากที่สุด จากนั้นก็นำกรรไกรตัดผ้าออกมาตัดและเย็บจนได้เสื้อชุดหนึ่งออกมา
วันหลังจากนั้น อ๋องฉีรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ตอนนั้นตนเองตัดสินใจเช่นนั้นไป เพราะว่าไม่เพียงแต่จะไม่เห็นเงาหลานสาวทั้งสองคนแล้ว แม้แต่พระชายาฉีเองหลังจากทานข้าวเย็นแล้ว ก็หายไปเช่นกัน จนตนเองรู้สึกราวกับเป็นคนแก่ที่นั่งเหงาหงอยอย่างน่าสงสารในห้อง มองดูตะเกียงเงียบๆ นั่งเสียใจกับการตัดสินใจของตน
โชคดีที่วันแห่งความอนาถาเช่นนี้อยู่ได้ไม่นาน เพราะว่าหลังจากหนึ่งเดือน อากาศก็เริ่มหนาวเย็น อ๋องฉีจึงหาเหตุผลที่ห้ามไม่ให้พวกนางลงน้ำอีกได้อย่างสมบูรณ์แบบ “บ่อน้ำเย็นเกินไปแล้ว ต่อไปห้ามไปว่ายน้ำอีก”
ทุกคนทำตาม
จวนอ๋องกลับมามีชีวิตชีวาอย่างแต่ก่อนอีกครั้ง เด็กๆ ไปกั๋วจื่อเจี้ยนทุกวัน หวงฝู่อี้เซวียนก็ยุ่งเรื่องราชสำนักต่อไป เมิ่งเชี่ยนโยวดูแลกิจการทั้งหมด ตกดึกพระชายาฉีก็ไม่ออกจากห้องแล้ว นั่งอยู่ในห้องกับอ๋องฉี
ชีวิตของทั้งครอบครัวอยู่อย่างสงบราบเรียบ และมีความสุข
จนผ่านไปหลายเดือน
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์สิบสามขวบแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวยเปล่งปลั่ง ผู้คนที่เฝ้ารอทั้งสองติบโตเริ่มนั่งไม่อยู่กับที่แล้ว
คนแรกคือสองสามีภรรยาเหวินซื่อ จากนั้นคือสองสามีภรรยาเปาอีฝาน และยังมีซุนเหลียงไฉที่เคยถูกอ๋องฉีถือไม้ไล่ตีออกไป จนไม่กล้ามาหาอีกหลายปี บัดนี้ลูกโตแล้ว พวกเขาต่างหาข้ออ้างพาลูกชายตนเองมาหา แสร้งพูดให้ดูดีว่าให้เด็กๆ ได้รวมตัวกัน ต่อไปมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน อันที่จริงแล้วแอบกำชับกับลูกชายของตนว่าต้องชนะใจของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์มาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนไหน ต้องมุมานะ ตบแต่งเข้าเรือนให้ได้สักคน
จวนอ๋องพลันคึกคักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ตอนนี้ในท้องพระโรงกลับไม่สงบสุขแล้ว เพราะว่ารัฐอิงที่รุกรานชายแดนมานาน ไม่ได้ถูกดูแลจัดการให้ดี เริ่มจู่โจมหัวเมืองชายแดนแล้ว
เมื่ออ่านสาสน์ที่ส่งมาจากเมืองชายแดนแปดร้อยลี้ หวงฝู่ซวิ่นก็เรียกประชุมเหล่าขุนนางและทหาร
หลายปีที่ผ่านมานี้รัฐอู่ไม่มีการสู้รบ ทหารและม้าที่เลี้ยงมาหลายปีต่างแข็งแรงสมบูรณ์ ตีเมืองเล็กๆ อย่างรัฐอิงได้อย่างง่ายดาย ทุกคนรวมถึงขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็เห็นด้วยกับการออกรบครั้งนี้ เรื่องจึงตกลงกันตามนี้ โดยมีท่านแม่ทัพฉู่เหวินเจี๋ยเป็นผู้นำ และมีจอหงวนฝ่ายบู๊เมิ่งชิงเป็นผู้ตาม อีกสองวันนำทหารออกไปช่วยเหลือที่ชายแดน
ข่าวไปถึงบ้านตระกูลเมิ่ง เมิ่งจงจวี่ตกใจจนตกลงมาจากเก้าอี้ หนวดสีขาวสั่นเทาถามเมิ่งเจี๋ยว่า “เป็นเรื่องจริงหรือ ชิงเอ๋อร์ต้องออกรบกับท่านแม่ทัพหรือ”
เมิ่งเจี๋ยพยักหน้า น้ำเสียงหนักแน่น “มีราชโองการแล้วขอรับ อีกสองวันจะออกรบพร้อมท่านแม่ทัพขอรับ”
เหล่าเมิ่งซื่อก็ตกใจมาก นางเดินวนไปวนมาในห้องอย่างร้อนรน พึมพำไม่หยุดว่า “มีดดาบไร้ตา อันตรายหนักหนา จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี”
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งซื่อก็สะท้านไปทั้งตัว ตอนนั้นเมิ่งชิงสอบติดจอหงวนบู๊ ด้วยสิทธิและอำนาจของหวงฝู่อี้เซวียน เขาสามารถจัดตำแหน่งในเมืองให้ได้ แต่เมิ่งชิงไม่ยอม เขาตั้งใจจะไปฝึกซ้อมตนในค่ายทหาร ฮ่องเต้ก็ตกลงให้เขาไป จัดแจงให้เขาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฉู่เหวินเจี๋ย เมิ่งชิงก็ไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปีนป่ายขึ้นไปเป็นรองท่านแม่ทัพจากที่เป็นแค่ทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่ง คนทั้งบ้านเคยรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่าเขาจำเป็นต้องไปสู้รบที่ชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนบ้านตระกูลเมิ่งเป็นทุกข์หน้านิ่วคิ้วขมวด
หวงฝู่อี้เซวียนก็กังวลใจ ตกดึกหลังจากกลับจวน ก็ดูมีเรื่องครุ่นคิดในใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นดังนั้น ก็ถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องใหญ่อะไรหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนมองไปที่นาง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “วันนี้ฮ่องเต้ได้รับสาสน์จากเมืองชายแดนแปดร้อยลี้ ในที่สุดรัฐอิงก็ทนไม่ได้ ลงมือกับเมืองชายแดนแล้ว”
“ฮ่องเต้ตัดสินใจอย่างไร”
“ให้ท่านน้านำทหารไปออกรบ อีกสองวันเคลื่อนทัพ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักไปครู่หนึ่ง พูดปลอบใจว่า “อย่าเป็นห่วงเลย ท่านน้าร่างกายแข็งแรง มากประสบการณ์ ท่านไม่เป็นอะไรหรอก”
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง มองสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้เป็นห่วงท่านน้า ข้าเป็นห่วงชิงเอ๋อร์ เขาในฐานะที่เป็นรองท่านแม่ทัพ ต้องออกรบพร้อมท่านแม่ทัพด้วยอยู่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักไปเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “ในเมื่อตอนนั้นชิงเอ๋อร์เลือกที่จะไปค่ายทหาร การออกรบเพื่อบ้านเมืองก็เป็นหน้าที่ของเขา ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า เจ้าก็ไม่ต้องกังวล กำลังวังชาชิงเอ่อร์นั้นแก่กล้า และยังถูกฝึกซ้อมในค่ายทหารมาตั้งหลายปี ไม่เป็นอะไรหรอก”
หวงฝู่อี้เซวียนกลืนคำพูดกลับไป
“พรุ่งนี้ข้าจะกลับบ้าน เจ้ากลับไปกับข้าเถอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า ขานรับ
หวงฝู่เย่าเย่ว์มีธุระมาห้องของทั้งสองพอดี เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ก็มีความคิดแวบผ่าน นางเปิดม่านลูกปัดเดินเข้าไป “ท่านพ่อ ท่านแม่ พรุ่งนี้กั๋วจื่อเจี้ยนไม่มีเรียน ข้าอยากไปหาท่านยายกับพวกท่านเจ้าค่ะ”
“เมิ่งเอ๋อร์และรุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่มีเรียนหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า
“ดีเลย เรียกพวกเขาไปด้วย เราจะไปบ้านยายกันทั้งบ้านเลย”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ขานรับอย่างดีใจ รีบวิ่งไปบอกข่าวดีนี้กับทั้งสองคน