ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 13 เสื้อเช่นนี้ใส่ได้ด้วยหรือ

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินข่าวนี้อย่างรวดเร็ว เขายิ้มมุมปาก แล้วทำธุระของตนต่ออย่างอารมณ์ดี  

 

 

หลังจากอ๋องฉีกลับจวน เขาไม่ได้ไปเรือนพระชายาฉีทันที แต่กลับไปศาลาในสวนดอกไม้ข้างหลังจวน เขาเดินมือไพล่หลัง มองดูบ่อเลี้ยงปลาที่กว้างใหญ่ และปลาหายากหลากหลายสายพันธุ์ที่เขาตั้งใจเลี้ยงดูมาปลายปี  

 

 

ผ่านไปนาน เขาจึงสั่งว่า “ไปเอาคันเบ็ดมาให้ข้า” 

 

 

บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ข้างกายชะงัก ไม่ได้ขยับตัว ตั้งแต่ที่บ่อเลี้ยงปลาสร้างเสร็จ อ๋องฉีก็คิดหาทุกวิถีทางสั่งคนจับปลาหายากจากทั่วสารทิศมา ดูแลมันดั่งลูกรัก สั่งคนให้เลี้ยงอย่างดี วันนี้อยู่ๆ จะเอาคันเบ็ด หรือว่าเขาอยากตกปลา? 

 

 

อ๋องฉีรู้สึกได้ว่าบ่าวรับใช้ชะงักงันไป เสียงเคร่งขรึมจึงดังขึ้น “ทำไมรึ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง” 

 

 

บ่าวรับใช้ตกใจจนเหงื่อตก รีบขานรับ แล้ววิ่งไปเอาคันเบ็ดและเหยื่อล่อมา  

 

 

อ๋องฉีรับไว้ เดินออกจากศาลา หาตำแหน่งที่เหมาะสมข้างบ่อปลา แล้วนั่งลง ใส่เหยื่อล่อเสร็จ ก็เหวี่ยงคันเบ็ดลงไปในบ่อปลา  

 

 

อาจจะเป็นเพราะไม่มีใครกล้ามาตกปลาในบ่อปลานี้ ปลาในบ่อจึงไม่รู้จักภัยอันตรายใดๆ เมื่อเห็นเหยื่อลงมาในบ่อ ต่างก็ว่ายเข้ามาแย่งกินเหยื่อ ปลาจึงตกเป็นเหยื่ออย่างรวดเร็ว  

 

 

อ๋องฉีเม้มปากไม่พูดอะไร มองปลาที่ตกเป็นเหยื่อ ออกแรงดึงขึ้นมา ได้ปลาสวยงามมาตัวหนึ่ง  

 

 

ปลาถูกดึงขึ้น เมื่อมันรับรู้ถึงอันตราย ก็ดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงคันเบ็ด  

 

 

อ๋องฉีนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ชูคันเบ็ดขึ้นสูง จ้องมองปลาที่ดิ้นไปมาอย่างเอาเป็นเอาตายไม่พูดอะไร  

 

 

บ่าวรับใช้ที่ถูกสั่งให้เลี้ยงดูแลปลาเหล่านี้เจ็บปวดเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ กลัวว่าจะทำให้อ๋องฉีโมโห จุดจบของตนคงแย่กว่าปลาเหล่านี้แน่  

 

 

มองดูปลาที่ดิ้นจนค่อยๆ หมดแรงไป อ๋องฉีก็นำตัวมันออกมาจากคันเบ็ด แล้วโยนลงไปในถังน้ำที่บ่าวรับใช้เตรียมไว้ เหวี่ยงคันเบ็ดลงไปต่อ แล้วปลาก็ติดเบ็ดอย่างรวดเร็ว ตัวแล้วตัวเล่า จนราวกับว่าอ๋องฉีจะเพลิดเพลินจนหยุดไม่ได้ 

 

 

บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านหนึ่งปวดใจนัก เขาอยากจะตะโกนเตือนปลาเหล่านั้นเหลือเกินว่าอย่าเข้ามาอีก ถ้ายังเข้ามาอีกจะไม่มีชีวิตเอาเสีย  

 

 

เสียดายที่เขาไม่กล้า แต่ถึงจะกล้า ปลาก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ปลามากมายจึงติดเบ็ดตัวแล้วตัวเล่า โดยที่อ๋องฉีไม่ต้องใช้ความพยายามหรือความอดทนใดๆ เลยก็ได้ปลาเต็มถังแล้ว  

 

 

อ๋องฉียังคงตกปลาต่อไปอย่างไม่รู้จักจบ บ่าวรับใช้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาคุกเข่าลง พลุบ ต่อหน้าอ๋องฉี น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ตกไม่ได้แล้วนะขอรับ ปลาเหล่านี้เป็นปลาหายากที่ท่านเลี้ยงดูแลอย่างดีมาหลายปีนะขอรับ” 

 

 

อ๋องฉีหันหน้าไปมองเขา น้ำเสียงเย็นสบาย จนทำให้คนฟังรู้สึกสบายในฤดูร้อนที่อากาศอบอ้าวเช่นนี้ “สงสารหรือ” 

 

 

บ่าวรับใช้มองปลาที่ดื้นอยู่ในถังน้ำ ก็กัดฟัน พยักหน้า “ข้าน้อยเลี้ยงพวกมันมาหลายปี จนเกิดความผูกพันแล้วขอรับ” 

 

 

อ๋องฉีมองกลับมา เก็บคันเบ็ด พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าไม่ตกต่อแล้ว” 

 

 

บ่าวรับใช้ดีใจ “ขอบคุณท่านอ๋องขอรับ” 

 

 

“มิต้อง” อ๋องฉีลุกขึ้น น้ำเสียงแฝงความสงสาร แต่ก็พูดอย่างเด็ดขาดว่า “ปลาเยอะเกินไปแล้ว จะมาคอยตกก็ลำบากไป เดี๋ยวข้าจะสั่งคนส่งข่าวให้จวนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน หากใครอยากได้ ให้ส่งคนมารับไปได้เลย”  

 

 

พูดจบ ก็ไม่มองปลาในบ่ออีก ก้าวเท้าเดินไปทางเรือนทันที  

 

 

บ่าวรับใช้ล้มนั่งลงกับพื้น เบิกตาโต มองดูเงาของอ๋องฉีที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร เหตุใดจึงให้ปลาเหล่านี้แก่คนอื่น  

 

 

เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินข่าวนี้ ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจทันที นางเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งชิงหลวนว่า “เจ้าไปส่งข่าวให้คุณชายใหญ่ ให้เขารีบซ่อมแซมบ่อปลาในหมู่บ้านให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วนำปลาในจวนอ๋องทั้งหมดย้ายไปที่นั่น” 

 

 

ชิงหลวนขานรับ รีบเดินออกไป  

 

 

เมื่อเมิ่งเสียนได้ยิน ก็ขมวดคิ้ว  

 

 

บ้านตระกูลเมิ่งเป็นเพียงบ้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน ย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านสิบกว่าปีแล้ว ยังคงใช้ชีวิตอย่างชาวไร่ชาวนา ในส่วนของงานอดิเรกหรูหราอย่างการเลี้ยงปลา พวกเขาไม่เคยคิดจะชอบเลย หากมีเวลาว่างแบบนั้น สู้เอาเวลาไปปลูกมันฝรั่งเสียยังดีกว่า แต่เมื่อคิดว่าเป็นคำพูดที่เมิ่งเชี่ยนโยวส่งมา ก็ย่อมมีเหตุผลของนาง หลังจากเมิ่งเสียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็พยักหน้า “กลับไปบอกน้องเล็กว่าข้าจะสั่งคนทำบ่อปลาให้เสร็จ” 

 

 

ชิงหลวนกลับมารายงาน เมิ่งเชี่ยนโยวลุกไปเรือนพระชายาฉีทันที พูดกับอ๋องฉีว่า “เสด็จพ่อ ครอบครัวของข้าอยากเลี้ยงปลามานานแล้วเจ้าค่ะ ในเมื่อเสด็จพ่อไม่เอาปลาในบ่อนี้แล้ว ให้ครอบครัวของข้าดีไหมเจ้าคะ” พูดจบ ก็พูดเพิ่มเติมว่า “บ่าวรับใช้ที่เลี้ยงดูแลปลาข้าก็อยากส่งไปให้ที่บ้าน เพราะที่บ้านไม่มีใครมีประสบการณ์ ข้ากลัวพวกเขาจะเลี้ยงได้ไม่ดีเจ้าค่ะ” 

 

 

อ๋องฉีไม่ได้พูดอะไร  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ที่เดิมรอคำตอบอย่างเงียบๆ  

 

 

ผ่านไปนาน อ๋องฉีจึงค่อยๆ พยักหน้า  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ หันหลังเดินออกจากห้องไป  

 

 

อ๋องฉีที่อยู่ข้างหลัง ร้อง ฮึ ออกมาเบาๆ อย่างไม่พอใจนัก ก่อนหน้านี้ลูกสะใภ้คนนี้ก็ดูเป็นคนฉลาดหลักแหลม ไม่ว่าเมื่อใด ก็มองทะลุว่าตนอยากทำอะไร ทำไมวันนี้ถึงโง่เขลานัก ไม่รู้หรือว่าปลาเหล่านี้เป็นของรักของหวงของเขา ไม่พูดหน่อยเลยหรือว่าเขาจะไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ 

 

 

ไม่ใช่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยคิดว่าจะพูด แต่นางก็คิดว่าอ๋องฉีน่าจะเข้าใจเจตนาที่นางนำปลาเหล่านี้ย้ายไปเลี้ยงที่บ้านตนเอง จะพูดหรือไม่พูดก็คงไม่ต่างกัน  

 

 

ตกดึกกลับจวน หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนได้ยินข่าวนี้ ก็ชะงักไปเช่นหัน แต่ว่าก็รู้จุดประสงค์ที่ทำเช่นนี้ของอ๋องฉีได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะแล้วส่ายศรีษะ พูดว่า “เคยเห็นคนตามใจลูกนะ แต่ไม่เคยเจอเสด็จพ่อท่านไหนตามใจลูกเช่นนี้” 

 

 

หวงฝู่อวี้กลับไม่คิดเช่นนั้น หลังจากได้ยินข่าวนี้แล้วก็ตกใจและไม่เข้าใจ แต่หลังจากฟังเจียงจิ่นบอกว่าอ๋องฉีต้องการทำบ่อปลาให้แห้ง เพื่อเตรียมสร้างสระว่ายน้ำให้หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์นั้น เขาก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที บ่นว่า “ไม่ได้ เสด็จพ่อตามใจหลานสาวเกินไปแล้ว เรามีแค่เฮ่าเอ๋อร์คนเดียว เสียเปรียบเกินไป เราต้องมีลูกสาวอีกคน” 

 

 

เจียงจิ่นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะส่ายหน้า คิดว่าเขาพูดเล่น ไม่คิดว่าคืนนั้นหวงฝู่อวี้จะตามตอแยนางทั้งคืน ยาคุมก็ไม่ได้กิน ต้องการมีลูกสาวให้ได้เสียอย่างนั้น 

 

 

หลังจากผ่านไปหลายวัน เมิ่งเสียนนำรถม้าสิบกว่าคันที่บรรทุกถังใหญ่กว่าสิบถังมารออยู่หน้าประตูจวนอ๋อง  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไปเรือนพระชายาฉี หลังจากรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็ไปที่บ่อปลา คอยกำกับดูแลคนงานค่อยๆ ตักปลาพร้อมน้ำใส่ลงไปในถังทั้งหมด  

 

 

อ๋องฉีนั่งอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจากบ่อปลาหลังเรือน รู้สึกกระวนกระวายใจ ลุกๆ นั่งๆ กัดฟัน ลุกขึ้น อยากจะไปดู พอเดินได้สองก้าว ก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วก็หันหลังเดินกลับมาอีก  

 

 

เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง พระชายาฉีสงสาร พูดว่า “หากท่านเสียดาย บ่อปลานี้ก็เก็บไว้เถอะ เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์เป็นผู้หญิง เรื่องว่ายน้ำไม่ต้องเรียนก็ได้” 

 

 

เมื่อนางพูดเช่นนี้ อ๋องฉีกลับไม่รู้สึกกังวลใจแล้ว เขากลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างแน่วแน่ ส่ายศีรษะ “ไม่ได้ ครั้งนี้เย่ว์เอ๋อร์ตกย้ำ มีเหยาเอ๋อร์และเฮ่าเอ๋อร์อยู่จึงรอดชีวิตมาได้ หากต่อไปไม่มีใครอยู่ข้างกาย นางตกน้ำแล้วจะทำเยี่ยงไร ข้าไม่อนุญาตให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก” 

 

 

พระชายาฉีถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปข้างเขา ยื่นมือทั้งสองข้างไปวางบนไหล่ของเขา แล้วนวดให้เขาด้วยน้ำหนักมือกำลังดี พูดปลอบประโลมเสียงเบาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็อย่ากังวลอีกเลย หรือไม่ก็แค่รอให้เด็กๆ ว่ายน้ำเป็นแล้ว พอพวกนางโตแล้ว เราค่อยไปขอปลากลับมา อย่างไรก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย” 

 

 

อ๋องฉีไม่ได้พูดอะไร  

 

 

พระชายาฉีก็ไม่พูดอะไรอีก นวดให้เขาอย่างตั้งใจ  

 

 

ใช้เวลาไปครึ่งเดือนกว่า ปลาทั้งหมดในบ่อของจวนอ๋องจึงถูกย้ายไปหมู่บ้านนอกเมือง 

 

 

ระหว่างนั้น หวงฝู่ซวิ่นก็ได้ยินข่าวนี้เหมือนกัน เคยลุกขึ้นหลายครั้ง เพื่อไปขอปลาหายากสักสองสามตัวมาเลี้ยงไว้ในบ่อปลาในวัง แต่เมื่อนึกถึงสายตาวันนั้นของอ๋องฉี ก็ไม่กล้าไปหา ทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกวัน  

 

 

ปลาในบ่อหายไปหมดแล้ว หลังเรือนจวนอ๋องที่เคยเสียงดังวุ่นวายบัดนี้ก็สงบลงแล้ว อ๋องฉีจึงเดินไปสวนหลังเรือน จนถึงบ่อปลา มองดูบ่อปลาที่ว่างเปล่า ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับตัวไปไหน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่  

 

 

บ่าวรับใช้ที่รับใช้เขาไม่มีใครกล้าพูดอะไร คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบๆ  

 

 

เสียงค่อนข้างแหบแห้งของอ๋องฉีดังขึ้น “ทำความสะอาดบ่อปลานี้ให้เสร็จเรียบร้อยภายในสองวัน” 

 

 

ทุกคนขานรับ แยกย้ายกันไปนำเครื่องไม้เครื่องมือเริ่มลงมือทำความสะอาดบ่อปลา  

 

 

งานนี้ค่อนข้างเป็นงานใหญ่ จนผ่านไปอีกหลายวัน จึงทำความสะอาดเสร็จ จากนั้นก็ปูพื้น ลงอิฐหยก กว่าจะเปลี่ยนบ่อปลาเป็นสระว่ายน้ำได้ ก็เป็นเรื่องหนึ่งเดือนให้หลังแล้ว  

 

 

ในระหว่างนี้ เมิ่งเชี่ยนโยววาดรูปชุดว่ายน้ำสองสามรูปให้พระชายาฉี ให้นางช่วยทอเสื้อให้หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์  

 

 

ตอนที่พระชายาฉีเปิดดูรูป นางตกใจจนมือไม้สั่นไปหมด เงยหน้าขึ้น มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตกใจ “โยวเอ๋อร์ นี่ นี่ นี่…” 

 

 

“เสด็จแม่ ลูกเรียนว่ายน้ำ จะให้ใส่ชุดหนาๆ ลงไปไม่ได้นะเจ้าคะ ชุดเช่นนี้เบาสบายและเหมาะสมกว่า ท่านช่วยทอสักสองสามตัวเถอะนะเจ้าคะ” 

 

 

“แต่ แต่ว่า…” พระชายาฉีคิดว่าตนไม่ใช่คนหัวโบราณ นางรับความคิดล้ำสมัยในการเลี้ยงดูลูกๆ ได้ทั้งหมด แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ล่อแหลมเช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนเองรับไม่ได้จริงๆ จึงคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “โยวเอ๋อร์ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะลองแก้ให้พวกเขาเสียหน่อยนะ ขอแค่ไม่เป็นปัญหาตอนว่ายน้ำก็ได้แล้วล่ะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อยากฝืนบังคับ จึงได้แต่พยักหน้า “เสด็จแม่ ท่านลองทำชุดหนึ่งมาก่อน เรามาดูกันว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยทำที่เหลือนะเจ้าคะ” 

 

 

พระชายาฉีพยักหน้า หลังจากสองวัน ก็นำชุดว่ายน้ำที่ทำเสร็จแล้วให้เมิ่งเชี่ยนโยว  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นแล้วก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ให้ตายเถอะ ไม่เพียงเป็นเสื้อแขนยาว ยังเป็นเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายอย่างมิดชิด ถ้าใส่เสื้ออย่างนี้ลงน้ำจริงๆ อย่าว่าแต่เรียนว่ายน้ำเลย แค่จะกางแขนกางขาในน้ำยังยากเลย 

 

 

เมื่อเห็นสีหน้านางพระชายาฉีก็รู้ว่าตัวที่ตนทำนี้ไม่ผ่าน แต่นางพยายามทำให้เป็นเสื้อที่เคลื่อนไหวง่ายที่สุดแล้ว ถ้าเคลื่อนไหวง่ายกว่านี้ ก็คงต้องเปลือยแขนเปลือยขาแล้วล่ะ เป็นผู้หญิงแท้ๆ ไม่ควรใส่แบบนั้น  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำใจสงบลง ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มเพื่อคุยกับพระชายาฉีจนนางจำใจยอมตกลงทำเสื้อสองตัวตามแบบของเมิ่งเชี่ยนโยว