“มอบโอสถโฉมสะคราญมาให้ข้าด้วย!”
หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยกลืนโอสถวัยเยาว์ไปแล้วนางก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของร่างกาย และเห็นได้ชัดว่าเวลานี้นางดูเหมือนคนที่อายุน้อยลงกว่าเดิมสิบปี ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และกลับไปอยู่ในช่วงวัยที่กำลังดีที่สุด
นางเคยได้ยินหลิงหยุนพูดว่าโอสถเยาว์วัยและโอสถโฉสะคราญนั้นหากจะให้ได้ผลดีที่สุดจะต้องกินไม่ห่างกันเกินกว่าหนึ่งวัน และผลของมันก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน
ฉินตงเฉี่วยก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีใบหน้างดงามอย่างมากคนหนึ่งแล้วเมื่อกลืนโอสถโฉมสะคราญเข้าไปจึงยิ่งให้ผลที่เด่นชัดยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องพิสูจน์แล้วพวกเราเชื่อแล้ว!”
“ใช่ๆบอกราคาเริ่มประมูลมาได้เ้ลย!” ตอนนี้เฉิงเม่ยเฟิงกลับฉินตงเฉี่วยได้กลืนโอสถทั้งสองชนิดไปคนละหนึ่งเม็ดเวลาตี้เสี่ยวอู๋จึงเหลืออีกโอสถโฉมสะคราญกับโอสถเยาว์วัยเพียงแค่อย่างละหนึ่งเม็ดเท่านั้น
“ไม่ได้!”
ฉินตงเฉี่วยยิ้มให้กับทุกคนในที่นั้นแล้วรีบกลืนโอสถโฉมสะคราญลงไปทันที!
ท่ามกลางเสียงร้องอุทานอื้ออึงรูปลักษณ์ของฉินตงเฉี่วยก็เปลี่ยนไปอีกครั้งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ตอนนี้นางเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่งดงามไร้ที่ติ ใบหน้าไร้ซิ่งริ้วรอยใดๆ นางยืนอยู่ข้างเฉิงเม่ยเฟิงที่เพิ่งกลืนโอสถทั้งสองชนิดเข้าไปเช่นกัน จึงราวกับมีเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ถึงสององค์เลยทีเดียว!
และนี่ก็ทำกับการประกาศสรรพคุณของโอสถทั้งสองชนิดโดยที่ตึ้เสี่ยวอู๋ไม่จำเป็นต้องโฆษณาใดๆอีก!
“น่าเสียดายจริงๆ!เมื่อครู่ไม่น่าต้องทดสอบไปถึงสองครั้ง” “จริงด้วยหากไม่ต้องทดสอบ ก็คงจะเหลือโอสถเพิ่มอีกสองชุดทีเดียว!”
“รีบๆบอกราคามาดีกว่าพวกเราอยากประมูลจะแย่แล้ว!”
……
ในเวลานั้นเองผู้คนต่างก็พากันแตกตื่น และเร่งเร้าให้ตี้เสี่ยวอู๋รีบๆบอกราคาเปิดประมูล
“ก่อนที่การประมูลจะเริ่มต้นขึ้นข้ามีสองเรื่องที่จะต้องบอกแก่ทุกท่านในที่นี้เสียก่อน เรื่องแรก.. โอสถนี้ไม่ใช่โอสถสำหรับสตรีเท่านั้น แต่บุรุษก็สามารถกินโอสถทั้งสองชนิดได้เช่นกัน”
“เรื่องที่สอง..โอสถทั้งสองชนิดนี้กลั่นยากยิ่งนัก เพราะต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง เรียกได้ว่าหลังจากหลอมครั้งนี้แล้ว ก็ต้องรอนานอีกถึงสมสิบปีเลยทีเดียว!”
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋พูดจบเขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมกับตอบไปว่า “ราคาของโอสถทั้งสองเม็ดนี้อยู่ที่เม็ดละ 10,000 แต้มของหน่วยนภา และการเสนอราคาต้องไม่ต่ำกว่าครั้งละ 10,000 แต้มเท่านั้น!”
“เริ่มการประมูลได้!”
ทั้งโอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญล้วนเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงแต่ตี้เสี่ยวอู๋กลับตั้งราคาเริ่มต้นไว้ไม่สูงนัก แต่หากเหล่าชาวยุทธให้ความสนใจประมูลมากขึ้นเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปเท่านั้น โดยเฉพาะระยะเวลาในการหลอมโอสถที่ต้องรอนานอีกถึงสามสิบปี ยิ่งกระตุ้นให้ผู้คนอยากจะประมูลมากขึ้นเท่านั้น
ตี้เสี่ยวอู๋ก็พูดเกินความจริงไปนักเพราะความจริงแล้วโอสถทั้งสองชนิดนี้หลิงหยุนจะหลอมอีกนับร้อยนับพันเม็ดก็ได้
“หึ!ใครกล้าพูดว่าไม่เชื่ออีก ข้าจะสังหารมันทิ้งทันที!”
“โอสถล้ำค่าเช่นนี้สามสิบปีจึงจะมีสักครั้งเช่นนี้แล้วข้าจะมีปัญญาประมูลได้อย่างไรกัน..” “เฮ้อ..เช่นนี้แล้วคงต้องมีการประมูลแข่งกันจนราคาสูบลิบลิ่วเป็นแน่..”
“หนึ่งแสนแต้มสำหรับโอสถเยาว์วัย”
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋ประกาศสรรพคุณของโอสถชนิดต่างๆไปแล้วหลายคนก็คร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีก และเริ่มเสนอราคาประมูลทันที!
“ห๊ะ!หนึ่งแสนแต้มงั้นรึ? ราคาพุ่งขึ้นถึงสิบเท่าเชียวรึ? นี่เท่ากับเป็นเงินถึงสามพันหยวนเชียวนะ!”
“หนึ่งแสนสองหมื่น!”
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
ผ่านไปเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวราคาของโอสถทั้งสองชนิดก็เพิ่มสูงถึงขึ้นหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้มเลยทีเดียว
และเมื่อราคาเพิ่มสูงถึงเพียงนี้เหล่าชาวยุทธทั่วไปก็รู้ตัวว่าตนไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อหามาไว้ในครอบครองได้แน่ จึงได้เริ่มถอดใจ จะเหลือเพียงแค่คนจากตระกูลจอมยุทธโบราณที่มีผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่จะสามารถสู้ราคาประมูลได้
“สองแสน!”
“ห้าแสนแต้ม!”
ในระหว่างนั้นเองหลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ควบคู่กับวิชาเคลื่อนย้ายธาตุสำรวจดูทั่วทั้งบริเวณลานประมูล
‘หึ..นั่งกันไม่ติดเลยล่ะสิ!’
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่ายอดฝีมือหลายคนเริ่มลุกขึ้นจากที่ของตนเองและติดต่อกลับไปยังโลกภายนอกเขาหลงเฟย
นั่นเพราะสรรพคุณของโอสถเยาว์วัยได้ประจักษ์แก่สายตาทุกคู่ในที่นั้นแล้วแต่เวลานี้ชาวยุทธชายส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจโอสถเยาว์วัยมากกว่าโอสถโฉมสะคราญ
เพราะโอสถชนิดนี้จะสามารถยืดอายุให้ยาวนานขึ้นได้ถึงอย่างน้อย15 ปีเลยทีเดียว และนี่นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนักสำหรับผู้ที่มีความสำคัญยิ่งของแต่ละตระกูล! อย่างเช่นหลิงหยุนซึ่งสำคัญกับตระกูลหลิงยิ่งนักการมีอายุที่ยืนยาวของเขาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับตระกูลหลิง ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ผู้อื่นก็จะไม่กล้ารุกราน เรียกได้ว่าชีวิตของคนหนึ่งคนมีผลต่อความเป็นความตาย และความเจริญรุ่งเรืองของคนทั้งตระกูลเลยทีเดียว!
ในชั่วระยะเวลาสิบห้าปีจะเป็นช่วงเวลาของหนึ่งชั่วอายุคนเท่านั้น แต่สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้มากมาย!
ด้วยเหตุนี้โอสถเยาว์วัยจึงไม่ใช่เพียงแค่โอสถแต่ยังหมายถึงรุ่งเรืองหรือตกต่ำของสำนัก หรือตระกูลต่างๆด้วย
เช่นนี้แล้วผู้ใดบ้างจะไม่ต้องการได้ไป!
เวลานี้บรรยากาศในการประมูลเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเพียงชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็มีผู้คนเสนอราคาประมูลโอสถเยาว์วัยอย่างมากมายจนราคาพุ่งสูงถึงห้าแสนแต้มแล้วเวลานี้!
และนั่นเท่ากับเงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนเลยทีเดียว!
‘ราคาไม่เลวทีเดียว!’หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
……
เวลานี้บรรยากาศในการประมูลยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดส่วนหวังชงเซียวก็ยังคงยืนตระหง่านอยู่กลางลานเพื่อคอยระมัดระวังไม่ให้มีใครกระโดดเข้ามาแย่งชิงโอสถล้ำค่านี้ไปได้ เพราะเรื่องราวเช่นนี้มักเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในงานประมูลชาวยุทธ
ตี้เสี่ยวอู๋ยืนมองเฉิงเม่ยเฟิงและฉินตงเฉี่วยที่ยืนเคียงข้างกันด้วยความสบายอกสบายใจเวลานี้การประมูลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น การแข่งขันราคายังคงต้องดำเนินไปอีกครูใหญ่ เขาจึงคร้านที่จะใส่ใจอะไรนัก
ทางด้านเฉิงเม่ยเฟิงที่เห็นกับตาว่าหลังจากที่ฉินตงเฉี่วยกลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไปรูปลักษณ์ของนางกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวที่เพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น นางก็ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เหตุผลที่เฉิงเม่ยเฟิงตกตะลึงนั้นเหตุผลแรกก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากกลืนโอสถ และเหตุผลที่สองก็คือฉินตงเฉี่วยหน้าคล้ายกับฉินจิวยื่อยิ่งนัก!
นั่นเพราะเมื่อครั้งที่หลิงหยุนไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิงที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิงในครานั้นเขาตกอยู่ในอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เป็นเพราะความช่วยเหลือของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ที่ได้มอบพลังอมตะให้แก่ตน ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้ชั่วคราว จึงไม่เพียงเอาชนะศัตรูได้ แต่ยังสร้างประโยชน์ให้กับคนรอบข้างได้อย่างมากมาย..
เป็นเพราะครั้งนั้นหลิงหยุนได้ใช้พลังอมตะชำระล้างไขกระดูดให้ทั้งตี้เสี่ยวอู๋เฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย เหมี่ยวเสี่ยวเหมาและคนอื่นๆ ร่างกายของทุกคนจึงได้มีพลังอมตะหมุนเวียนอยู่ภายใน ทำให้ทั้งหมดกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในการฝึกวรุยทธ
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาได้เปลี่ยนร่างของหนิงหลิงยู่ให้เป็นกายอัปสร ส่วนฉินจิวยื่อก็เด็กลงถึงสิบปี และท้ายที่สุดเขาก็ได้ขอแหวนถังเมิ่งมาทำแหวนพื้นที่
ก่อนที่หลิงหยุนจะเข้าไปสำรวจก้นหลุมยักษ์เขาได้สั่งให้เสี่ยวเม่ยเม่ยและเฉิงเม่ยเฟิงไปอยู่กับฉินจิวยื่อ เพื่อหวังให้นางช่วยปกป้องคุ้มครองหญิงสาวทั้งสองคน แต่หลังจากที่เขาขึ้นจากหลุมยักษ์จึงรู้ว่าตระกูลซันได้รวบอำนาจภายในจิงฉูทั้งหมดไว้ในมือตนแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ฉินตงเฉวี่ยที่กลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไปจนดูราวกับเด็กสาวอายุสิบแปดปีนั้นจึงหน้าตาละม้ายคล้ายกับฉินจิวยื่อในเวลานั้นยิ่งนัก คล้ายจนดูราวกับฝาแฝดเลยก็ว่าได้
เฉิงเม่ยเฟิงจ้องมองฉินตงเฉี่วยนิ่งก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆรินไหลออกมา“เฉิงเม่ยเฟิงคาราวะน้าฉิน!”
“เม่ยเฟิงลุกขึ้นก่อน!ที่นี่ผู้คนมากมายไม่สะดวกพูดคุย”
ฉินตงเฉี่วยนึกชื่นชมเฉิงเม่ยเฟิงยิ่งนักนางรีบพยุงเฉิงเม่ยเฟิงให้ลุกขึ้นจากพื้นทันทีนางหันมองซ้ายทีขวาทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าเด็กตัวแสบนี่เลือกผู้หญิงไม่ผิดจริงๆ!”
เฉิงเม่ยเฟิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฉินตงเฉี่วยก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอายเพราะเป็นคำพูดเดียวกับที่ฉินจิวยื่อเคยพูดกับนางเมื่อครั้งที่ได้พบกันครั้งแรก
ภาพที่เกิดขึ้นและคำพูดต่างๆในเวลานี้ช่างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในวันนั้นแม้จะไม่ใช่ฉินจิวยื่อ ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นภายในใจ แล้วนางก็รู้สึกคล้ายสมองของตนระเบิดขึ้นดังตูม! จากนั้นก็คล้ายกับว่าฤทธิ์ของโอสถไร้ใจได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง แล้วภาพของคนๆหนึ่งก็ผุดขึ้นในห้วงมโนของเฉิงเม่ยเฟิงทันที!
หลิงหยุน!
ร่างของเฉิงเม่ยเฟิงสั่นสะท้านรุนแรงเวลานี้นางไม่อยากสนใจสิ่งใดรอบตัวอีก มือทั้งสองข้างกำแน่น และจดจ่ออยู่กับภาพที่ผุดขึ้นภายในห้วงมโนของตน –น้าหญิงอย่าได้รบกวนนาง!-
หลิงหยุนสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเฉิงเม่ยเฟิงจึงรีบเตือนฉินตงเฉี่วยผ่านกระแสจิตทันที!
“นี่..สองสาวทำไมต้องแต่ตัวขนาดนั้น พวกคุณสองคนจะไปประกวดนางงาม หรือไปหาแม่ผมกันแน่..”
คำพูดประโยคนี้หลิงหยุนพูดกับเฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยเมื่อครั้งที่ทั้งคู่จะไปที่บ้านของฉินจิวยื่อ..
“หากคุณยังกล้าพูดว่าจะแต่งงานกับซันจิ้งอีกผมจะทำโทษคุณ!”
คำพูดประโยคนี้หลิงหยุนพูดกับเฉิงเม่ยเฟิงเมื่อครั้งที่นางโผเข้ากอดเขาทันทีที่เห็นหน้าตอนบุกเข้าไปช่วยนางเมื่อครั้งนั้น
“ภรรยาจ๋าไม่ต้องกลัวสามีของคุณมาช่วยแล้ว!”
เมื่อครั้งที่เฉิงเม่ยเฟิงถูกจับตัวขังไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิงและกำลังรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุดนั้น จู่ๆเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นข้างหูตน นี่จึงเป็นความทรงจำที่ซาบซึ้งใจที่สุดที่นางมีต่อหลิงหยุน!
ทันทีที่ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวภาพของหลิงหยุนที่เคยปรากฏขึ้นมาๆหายๆในห้วงมโนของเฉิงเม่ยเฟิงก็พลันกระจ่างชัดขึ้นมาทันที ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นราวกับหลิงหยุนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของนาง..
และภาพที่ผุดขึ้นในห้วงมโนของเฉิงเม่ยเฟิงในเวลานี้ก็คือภาพที่ทั้งคู่อยู่ในห้องส่วนตัวของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ภาพที่ทั้งคู่อยู่บนเตียงนอนด้วยกัน ภาพที่ทั้งคู่อยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยกัน…
เฉิงเม่ยเฟิงเม้มริมฝีปากแน่นภาพความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนต่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเฉิงเม่ยเฟิงราวกลับกำลังฉายภาพยนต์
หลังจากที่กลืนโอสถไร้ใจจนลืมภาพหลิงหยุนไปนานกว่าครึ่งปีในที่สุดภาพของเด็กหนุ่มก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำของตนอีกครั้ง! น้ำตาไหลพร่างพรูอาบแก้มของเฉิงเม่ยเฟิงรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปิติยินดีทำให้เฉิงเม่ยเฟิงดูสดใสอย่างน่าอัศจรรย์ ครั้งนี้นางสามารถจดจำเด็กหนุ่มคนนั้นได้แล้ว นางสาบานว่าจะไม่มีทางลืมเลือนเขาอีกครั้งเป็นอันขาด!
และเวลานี้เหล่าชาวยุทธกว่าหกร้อยคนในที่นี้ ต่างก็เห็นสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของเฉิงเม่ยเฟิง!