หลี่ซู่เฟินพูด “อดทนไว้ ทุกอย่างรอเสี่ยวโม่กลับมาค่อยว่ากัน!”

เฉินจิงเย่หน้าม่อยคอตก ไม่กล้าเอ่ยปาก

เฉินกั๋วเหลียงเดินหน้าหนึ่งก้าว มองท้องฟ้าอย่างเย็นชา พูดด้วยเสียงจริงจัง “ขออภัยที่ฉันฟังคำสั่งของท่านไม่ได้!

ในตอนนี้เอง เฉินกั๋วเหลียงลืมการมอบหมายของผู้บังคับบัญชา เขาไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลเฉินต้องอับอายขายหน้า

หนานกงหยู่ยิ้มเย็นชา “เหรอ? ฉันจะทำให้นายเปลี่ยนความคิด!”

พูดจบ หนานกงหยู่ชี้นิ้วไปที่คนรุ่นหลังตระกูลเฉินคนหนึ่ง คนรุ่นหลังคนนั้นตายอย่างน่าอนาถในทันที!

อ๊าก!

ทุกคนตระกูลเฉินตกตะลึงจนหน้าซีด พวกเขาที่มีชีวิตในยุคสันติภาพ จะเคยเห็นเหตุการณ์ที่ฆ่าคนโดยไม่พูดสักคำที่ไหนกัน

บางคนใจฝ่อ แม้กระทั่งตกใจจนเป็นลมล้มไป

เฉินกั๋วเหลียงมองอย่างโมโห พูดตะโกน “ท่านมีอะไรก็พุ่งมาที่ฉัน ฉันคือผู้นำตระกูลเฉิน อย่ารังแกคนรุ่นหลังเหล่านั้น!”

หนานกงหยู่ยิ้มเยาะ “ฉันรู้ว่านายคือผู้นำตระกูลเฉิน ดังนั้นฉันถึงฆ่านายไม่ได้ ฉันจะต้องเก็บไว้ขู่เข็ญไอ้เฉินโม่!”

เฉินกั๋วเหลียงโมโหจนแทบกระอักเลือด มองหนานกงหยู่อย่างโมโห แล้วตะคอก “เสียแรงที่ท่านคือปรมาจารย์บู๊ กลับทำเรื่องต่ำต้อยเช่นนี้ ท่านไม่กลัวคนใต้ฟ้าหัวเราะเยาะเหรอ?”

หนานกงหยู่หัวเราะฮาฮาอย่างบ้าคลั่ง “คนใต้ท้องฟ้าหัวเราะเยาะ? งั้นฉันก็จะฆ่าคนใต้ฟ้าทั้งหมดเป็นเช่นไร?”

“ท่าน…บ้าไปแล้วเหรอ!”เฉินกั๋วเหลียงไม่มีคำพูดจะพูดอีกแล้ว แต่ว่าอยากจะดูถูกตระกูลเฉินของเขา ยกเว้นข้ามศพเขาเฉินกั๋วเหลียงไปก่อน

“ในเมื่อคนใต้ฟ้าในสายตาท่านสามารถฆ่าได้ งั้นท่านก็ฆ่าฉันก่อนเถอะ มีฉันอยู่ ฉันไม่มีทางปล่อยให้ท่านดูถูกตระกูลเฉินของฉัน!” เฉินกั๋วเหลียงเงยหน้าขึ้น เผยท่าทางยืดคอเตรียมตาย

หนานกงหยู่แสยะยิ้ม “ฉันพูดไว้แล้วว่าไม่มีทางฆ่านาย ถ้าหากนายไม่รับปาก ฉันจะฆ่าลูกหลานตระกูลเฉินทุกคนต่อหน้านาย!”

“ท่าน…” เฉินกั๋วเหลียงโมโหจนตาแดงก่ำ

“ผู้นำตระกูล คุณรับปากเขาเถอะ แค่ไปก้มหัวคำนับต่อหน้าสุสานบรรพบุรุษตระกูลหนานกงของเขาไม่ใช่เหรอ? ยังดีกว่าเสียชีวิตนะ!” มีคนตระกูลเฉินเริ่มร้องไห้ขอร้องเฉินกั๋วเหลียง

ต่อหน้าชีวิต คนส่วนหนึ่งของตระกูลเฉินที่เคยชินกับชีวิตที่อยู่ดีกินดี ยอมทิ้งศักดิ์ศรี อะไรก็ยอมทิ้งได้

มีคนริเริ่ม คนตระกูลเฉินยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้นเริ่มขอร้องเฉินกั๋วเหลียง ให้เขายอมรับเงื่อนไขของหนานกงหยู่

“พวกนาย…ทำให้ฉันผิดหวังมากเสียจริง!” เฉินกั๋วเหลียงสีหน้าหมดหวัง นี่ก็คือลูกหลานตระกูลเฉินที่เขาปกป้องดูแลมาอย่างยากลำบากเหรอ? เขาวางแผนอนาคตสำหรับคนเหล่านี้มาโดยตลอด?

ไม่คุ้มค่าเลย!

มองเห็นใบหน้าของเฉินกั๋วเหลียงหดหู่ เฉินตงซุ่นพูดกล่อมเสียงเบา “ท่านพ่อ ท่านอย่าใส่ใจไปเลย ในเมื่อคนบนโลกนี้ จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัวความตาย?”

“ฉันคิดว่าลูกผู้ชายเมื่อเจออุปสรรคต้องรู้จักอดทนอดกลั้น มิเช่นนั้นท่านพ่อรับปากเงื่อนไขของหนานกงหยู่ก่อนชั่วคราว พยายามยื้อเวลาถึงตอนที่เฉินโม่กลับมา”

เฉินกั๋วเหลียงมองเฉินตงซุ่นอย่างเสียใจ มองดูคนคนนี้ที่เขาคิดว่าเป็นทายาทมาโดยตลอด “แม้แต่นายก็คิดเช่นนี้เหรอ?”

เฉินตงซุ่นเห็นความผิดความในดวงตาของเฉินกั๋วเหลียง จึงรีบแก้ตัว “ท่านพ่อ ฉันไม่ใช่ว่ารักการมีชีวิต กลัวความตาย เพียงแต่ไม่อยากให้ตระกูลเฉินของพวกเรามีคนที่เสียชีวิตอย่างไร้ความหมายมากยิ่งขึ้น หนานกงหยู่ตอนนี้บ้าไปแล้ว แม้แต่ประเทศชาติก็ผูกมัดเขาไม่ได้ ต่อให้พวกเรายอมก้มหัวให้ชั่วคราว ก็สมเหตุสมผล ไม่มีทางถูกคนนอกหัวเราะเยาะ”

เฉินกั๋วเหลียงมองไปทางเฉินกั๋วจงและเฉินกั๋วต้ง “พวกนายว่าอย่างไร?”

เฉินกั๋วจงถอนหายใจ “ฉันคิดว่าตงซุ่นพูดถูก ถ้าหากรักษาไม่ได้แม้แต่ชีวิต จะเอาชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านั้นมาทำอะไร?”

“เจ้าสาม นายล่ะ?” เฉินกั๋วเหลียงมองไปทางเฉินกั๋วต้ง

เฉินกั๋วต้งส่งเสียงไม่พอใจ “เรื่องนี้โทษเฉินโม่ ปิดบังสถานะกับพวกเรามาโดยตลอด ถ้าหากเขาบอกแต่แรกว่ายังมีศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ งั้นพวกเราก็สามารถเตรียมตัวกันแต่เนิ่นๆ คงไม่มีทางถูกบีบบังคับให้อยู่ในสถานการณ์เช่นวันนี้!”

เฉินกั๋วเหลียงขมวดคิ้วพูด “ถึงตอนนี้แล้ว นายโทษเฉินโม่จะมีประโยชน์อะไร? เขาจะต้องคิดไม่ถึงแน่นอนว่าจะมีวันนี้”

เฉินกั๋วต้งหน้าเสีย “พี่รอง พี่ปกป้องเขาไปตลอดเถอะ ไม่ช้าก็เร็วตระกูลเฉินทั้งหมดจะต้องถูกทำลายด้วยมือของเขา!”