ตอนที่ 1830 จะเล่นกับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ทำไมอย่างนั้นหรือ? หึๆ งั้นก็รอดูไปเถอะ” อี้ชิงเซียงแค่ยิ้มและไม่คิดอธิบายใดๆ ต่อ

แต่ตอนนี้เองที่หลี่อี้ผิงที่ยืนอยู่ข้างเบียนซือเชียวกลับเดินออกมาหาเย่หยวนแทน

“ข้าได้ยินอี้ชิงเซียงบอกว่าเจ้าโกรธเรอะ?” หลี่อี้ผิงบอกด้วยท่าทางกลั้นหัวเราะ

แต่เย่หยวนกลับไม่สนใจและหันไปบอกอี้ชิงเซียง “ศิษย์พี่อี้ ไปเถอะ”

เมื่อหลี่อี้ผิงเห็นท่าทางของเย่หยวนที่ทำราวกับเขาเป็นแค่อากาศธาตุเขาก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง “เย่หยวน เจ้าคิดว่าแค่ชนะเหอหยวนได้แล้วตัวเองเก่งกาจมากหรือ? มันเป็นหนึ่งในศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของนิกายสว่างชัดทั้งแปดเรา! วันพรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้เจ้ามีสภาพไม่ต่างจากอี้ชิงเซียงเลย!”

เย่หยวนนั้นกำลังจะเดินหันหน้ากลับไปแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับมาตอบ “เหอหยวนต่างหากที่ต้องดีใจที่มันเป็นคนแรกที่มาพบเจอข้า”

หลี่อี้ผิงตอบสวนกลับมาพร้อมขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เย่หยวนตอบ “เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้”

พูดจบทางนิกายเงาจันทร์ก็เดินจากไป

เบียนซือเชียวมองดูแผ่นหลังของเย่หยวนด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ไอ้หมอนี่มันช่างอวดดีเก่งจริงๆ! มันได้เวลาแล้วที่ต้องสั่งสอนให้มันรู้ถึงพลังของนิกายสว่างชัดเรา”

หลี่อี้ผิงกล่าว “ไอ้โง่! ข้าจะให้มันได้รู้ว่าตัวเองทำตัวโง่งมแค่ไหน!”

สามวันต่อมาก็ถึงเวลาของศึกระหว่างเย่หยวนและหลี่อี้ผิง

ศึกนี้มันดึงดูดผู้คนมากมายให้หันมาสนใจ

เย่หยวนนั้นตบหน้าของนิกายสว่างชัดเข้าอย่างแรงในรอบแรก พวกเขารู้สึกได้เลยว่าวันนี้นิกายสว่างชัดคงไม่มีทางปล่อยเรื่องผ่านไปง่ายๆ แน่

หลี่อี้ผิงนั้นแข็งแกร่ง เย่หยวนต้องฉิบหายแน่นอน

“หึ ไอ้เด็กคนนี้มันช่างโอหัง! หลังจากวันนี้ไปเจ้าจะไม่มีทางทำตัวโอหังเช่นนั้นได้อีกแล้ว! ชะตาของเจ้ามันจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าที่อี้ชิงเซียงได้เจอ!” หลี่อี้ผิงตะโกนร้อง

ท่าทางแสนโอหังของเย่หยวนในวันก่อนนี้ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา

หลี่อี้ผิงนั้นโกรธเคืองอย่างมาก

เย่หยวนหรี่ตาลง “ไอ้พวกคนโง่หลงตัวเอง! แค่เพราะวิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงหน้าตากลับลอบมืออย่างสาหัส จากวันนี้ไปพวกเจ้าจะได้ลิ้มรสความหวาดกลัว แต่แน่นอนว่าเจ้าคงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกถึงมัน”

หลี่อี้ผิงหัวเราะลั่นออกมา “กลัว? ฮ่าๆ ไอ้ของแบบนั้นมันเป็นนิกายสว่างชัดเราที่มอบให้คนอื่น! แค่พลังฝีมืออย่างเจ้าคิดว่าตัวเองจะเหนือล้ำไร้เทียมทานใต้ฟ้าดินหรือ?”

เย่หยวนหัวเราะ “ไม่ถึงขั้นไร้เทียมทานใต้ฟ้าดิน แต่แค่จัดการพวกเจ้าทั้งหลายมันมิใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย!”

ที่ด้านล่างสังเวียนเหล่าผู้คนทั้งหลายที่ได้ยินคำของเย่หยวนก็ต่างทำสีหน้าเหยียดหยามออกมา

นิกายสว่างชัดนั้นมีพลังที่เหนือล้ำแค่ไหน มันมากมายจนทำให้ผู้คนผวา

ด้วยแค่กำลังของเย่หยวนคนเดียวมันย่อมไม่มีทางจัดการกลุ่มคนเช่นนั้นลงได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียหยางเชินก็มีพลังที่เหนือล้ำกว่าทุกผู้คน

ในรอบที่ผ่านมาหยางเชินเองก็ใช้แค่กระบวนท่าเดียวจัดการนภาสวรรค์สองดาวคนหนึ่งลงได้ทันที

เทียบกันแล้วเย่หยวนที่ชนะเหอหยวนนั้นเป็นได้แค่เรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

“ถึงเวลาแล้ว เริ่มได้!” ตู้หรูเฟิงประกาศ

เขามองดูเย่หยวนอย่างสงสัย แค่อยากจะรู้ว่าเย่หยวนจะทำให้เกิดเรื่องแปลกใจเขาได้อีกมากเพียงใด

บาดแผลของอี้ชิงเซียงนั้นย่อมถูกเย่หยวนรักษาอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเห็นสภาพการกลับมาของอี้ชิงเซียงในวันนี้ เขากลับมาพร้อมพลังบ่มเพาะที่มากกว่าเดิมมันทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย

เขายกมือขึ้นมาทาบอกและถามตัวเอง ต่อให้ตอนนั้นเป็นเขาที่ลงไปรักษามันก็ไม่อาจจะทำได้ถึงขั้นนั้นแน่

เด็กคนนี้มีฝีมือด้านโอสถที่เหนือล้ำมาก!

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมูสมบัติถึงเลือกตามติดเย่หยวนคนนี้มากกว่าท่านตงน้อย

จะว่าไปนายท่านเองก็น่าจะได้รู้ถึงความเก่งกาจของเย่หยวนไปแล้ว ท่านจึงได้คิดตามดูเย่หยวนอยู่ตลอดอย่างนั้น

จู่ๆ ตู้หรูเฟิงก็ต้องหรี่ตาเล็ก มองดูภาพบนสังเวียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

หลี่อี้ผิงตายแล้ว!

“แค่พริบตาเดียวก็ตายแล้ว?”

“หลี่อี้ผิงไม่ทันทำอะไรแต่กลับร่วงลงไปตายเช่นนั้นเลย?”

“แข็งแกร่ง! หมายเลขหกสิบสี่บ้าบออะไรกัน จารึกอาณาจักรล้ำมันใช้กับหมอนี่ไม่ได้ผลแน่ๆ!”

ที่ด้านล่างเหล่าผู้คนต่างยังไม่เข้าใจแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นบนสังเวียน

หลี่อี้ผิงนั้นมีหมายเลขราวยี่สิบกว่าๆ ในหมู่คนทั้งหกสิบสี่

แม้แต่เขายังไม่ทันตั้งรับ มีหรือที่คนอื่นจะรับไหว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหล่าศิษย์นิกายสว่างชัด ทุกผู้คนต่างหน้าถอดสีจนซีดเผือด

เย่หยวนกำลังท้าทายพวกเขา!

เบียนซือเชียวนั้นมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างถึงที่สุด รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

เขานั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าหลี่อี้ผิงนิดหน่อย แต่มันก็แค่นิดหน่อย เขาอยู่แค่หมายเลขสิบกว่าๆ

เย่หยวนสามารถสังหารหลี่อี้ผิงในพริบตา เขาย่อมสามารถสังหารเบียนซือเชียวลงได้ด้วยแน่

คิดย้อนกลับไปถึงเรื่องว่าจะสั่งสอนเย่หยวนต่างๆ นาๆ ที่พวกเขาเคยบอกไว้

คิดถึงมันตอนนี้มันเป็นได้แค่เรื่องตลก!

เบียนซือเชียวย้อนนึกถึงคำของเย่หยวนขึ้นมาได้และทำให้ดวงตาของเขาต้องเบิกกว้าง

ตอนนี้เขาได้รับรู้รสชาติของความกลัวแล้วจริงๆ!

เย่หยวนลงมือทำเช่นนี้ย่อมต้องเป็นเพราะอี้ชิงเซียง และเขาเองก็ย่อมต้องอยู่ในรายชื่อสังหารด้วยแน่

กลับกัน ตอนนี้เหอหยวนกลับกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคยังดีที่เขานั้นไม่ได้ไปทำให้เย่หยวนคลั่งตั้งแต่รอบแรก ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงไม่ได้มายืนหายใจอยู่ตรงนี้แล้ว

แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่แสดงสีหน้าท่าทางแบบนั้นออกมา

หยางเชินบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ตั้งแต่รอบหน้าไป ใครก็ตามที่พบเจอเย่หยวนจงยอมแพ้เสียตั้งแต่เริ่ม! ปล่อยไอ้เด็กคนนี้ให้ข้าจัดการเอง!”

และราวกับว่ากลัวทุกคนจะยังไม่ได้ยินเขาจึงย้ำขึ้นมาอีก “ต้องรีบยอมแพ้ให้เร็ว อย่าให้มันได้มีโอกาสโจมตีเด็ดขาด! จำไว้นะพวกเจ้า!”

ตอนนั้นเองที่ศิษย์อันดับสองของนิกายสว่างชัดนามเซินเทียนหลินก็พูดขัดขึ้น “หยางเชิน เราจะทำอะไรมันย่อมเป็นเรื่องของเรา มิใช่เรื่องให้เจ้ามาบอกสั่งเสียหน่อย!”

เซินเทียนหลินคนนี้เองก็เป็นนภาสวรรค์สองดาวเช่นกัน เขามีพลังบ่มเพาะไม่ห่างจากหยางเชินมากนักแต่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงฝีมือหยางเชินได้

งานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นี้เขาเองก็เป็นตัวเต็งที่จะได้เข้าวิหารเช่นกัน

เพราะหากให้เทียบจากผลรอบที่ผ่านๆ มาเขาเองก็น่าจะติดหนึ่งในห้าได้ไม่ยาก

เมื่อได้ยินคำของหยางเชินเขาจึงไม่พอใจอย่างมาก

เพราะแม้คนอื่นจะรับมือเย่หยวนไม่ได้ เขาย่อมไม่คิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ให้แก่เย่หยวน

ในฐานะอันดับสองของนิกายสว่างชัด เขาย่อมมีศักดิ์ศรีของตนเอง จะให้ไปยอมแพ้ตั้งแต่ต้นเช่นนั้นมันคงมากเกินรับไปหน่อย

หยางเชินหันมามองด้วยสายตาเย็นเยือก “หากเจ้าอยากตายก็เรื่องของเจ้า”

เซินเทียนหลินกำลังคิดจะเถียงกลับไปแต่ผู้อาวุโสของนิกายสว่างชัดก็ขัดขึ้นมาก่อน “เทียนหลิน ทำตามที่หยางเชินว่า! เด็กคนนี้มันอันตรายเกินไป! การเข้าวิหารนั้นคือเป้าหมายสูงสุดของเรา”

เซินเทียนหลินขมวดคิ้วแน่น “ได้”

แม้ว่าเขาจะตอบตกลงแต่ในใจของเขากลับไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างมาก

เขาคิดกับตัวเอง หากเล่นทีเผลอเขาเองก็สามารถสังหารหลี่อี้ผิงได้ในกระบวนท่าเดียวเช่นกัน

เย่หยวนนั้นแค่ใช้วิธีการเช่นนั้นมาข่มขู่นิกายสว่างชัดและสุดท้ายทั้งหยางเชินและผู้อาวุโสก็ติดกับมัน

น่าสมเพชจริงๆ!

เย่หยวนเดินลงสังเวียนมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่ร่างของหยางเชินจะเดินมาขวางหน้าไว้

“เจ้ารนหาที่ตาย!” หยางเชินกล่าว

เย่หยวนหันไปมองหยางเชินด้วยรอยยิ้ม “คำพูดเหล่านั้นนิกายสว่างชัดเจ้าบ่นว่ามาไม่รู้กี่ครั้ง น่าเสียดายที่แม้จะเปลืองน้ำลายพูดไปมากมายขนาดนั้นมันกลับเป็นได้แค่คำเห่าหอน เป็นพวกเจ้าเองที่ท้าทายข้าก่อน!”

หยางเชินตอบ “เจ้าคิดว่าแค่สำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วจะไร้เทียมทานอย่างนั้นหรือ?”

คนอื่นมองไม่ออก แต่มีหรือที่หยางเชินจะมองไม่ทัน?

เย่หยวนยิ้มรับ “ไร้เทียมทานหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่หากพวกเจ้าอยากเล่น ข้าก็จะเล่นกับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด! หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าคงคิดให้คนอื่นยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มใช่ไหม? เจ้าลองสิ ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสยอมแพ้หรือไม่!”

…………………………