ตอนที่ 1831 แค่จะยอมแพ้พวกเจ้ายังไม่มีปัญญา

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“เจ้าลองสิ ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสยอมแพ้หรือไม่!”

คำพูดนี้มันราวกับค้อนหนักทุบลงกลางหัวของศิษย์นิกายสว่างชัด

หากเย่หยวนพูดคำนี้ออกมาก่อนหน้ามันคงไม่มีใครคิดจะใส่ใจ

แต่ตอนนี้เขาพิสูจน์แล้วว่าตนสามารถทำได้!

สังหารหลี่อี้ผิงด้วยกระบวนท่าเดียวเช่นนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้

หยางเชินหรี่ตาลงด้วยความเย็นเยือกทันที

เย่หยวนคนนั้นมันจะอาละวาดหนักไปแล้ว!

จู่ๆ หยางเชินก็หันไปมองหน้าไป่หลี่ชิงหยานด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “หากข้าเดาไม่ผิดนางคงเป็นคนรักของเจ้า? หืม…เจ้าคิดว่ามีแค่ตนหรือที่สังหารผู้คนได้?”

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

พลังฝีมือของหยางเชินนั้นเก่งกาจเพียงใด เย่หยวนไม่ทราบได้ แต่เขานั้นไม่กล้าที่จะดูถูกอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

เย่หยวนนั้นมีความมั่นใจในตัว แต่เขาไม่เคยอวดดีเกินตัว

“หากเจ้าอยากสังหารข้าก็ลองมาสิ! แม้ว่านิกายเงาจันทร์ของข้าจะไม่อาจเทียบนิกายสว่างชัดได้แต่เราก็ยังมีความกล้ามากพอ!” เย่หยวนยังไม่ทันตอบอะไรไป่หลี่ชิงหยานก็สวนขึ้นมาก่อน

อี้ชิงเซียงเองก็กล่าวขึ้นตาม “อย่างมากก็แค่ตาย! ต่อให้เราทั้งสามจะต้องตายลง สามชีวิตและเจ็ดชีวิตมันก็มากเกินคำว่าคุ้มแล้ว!”

อี้ชิงเซียงยังพูดไม่ทันขาดคำเจียงเชอเหยียนก็กล่าวขึ้นเสริมด้วย “นิกายสว่างชัดเจ้าไม่อาจถูกลบหลู่ได้ แล้วนิกายเงาจันทร์เราจะยอมให้ใครก็ได้มาลบหลู่หรือ?”

เย่หยวนมองดูคนทั้งสามอย่างตื่นตกใจไม่น้อย ไม่นึกไม่ฝันว่าพวกเขาจะแสดงท่าทีสนับสนุนออกมาเต็มที่เช่นนี้

นี่มันเป็นคนเดียวกับที่เขารู้จักหรือเปล่า?

ไป่หลี่ชิงหยานยังพอว่า นางนั้นยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตน

แต่อี้ชิงเซียงและเจียงเชอเหยียนนั้นมันเหนือความคาดหมายเขามาก

ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของหยางเชินก็กระตุกแรง

เขาได้รู้แล้วว่าการข่มเหงของนิกายสว่างชัดนั้นมันได้กดดันให้นิกายเงาจันทร์บิดเบี้ยวไปจนถึงที่สุดแล้ว

คนทั้งสี่นี้คิดจะต่อต้านนิกายสว่างชัดจนชีวิตหาไม่

เย่หยวนมองดูที่หยางเชินและบอก “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? นิกายเงาจันทร์ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีที่ไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ได้! ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายเป็นคนหาเรื่องพวกเราก่อน ก็จงเตรียมรับการสวนกลับไว้ให้ดี! ไปกันเถอะ!”

พูดจบคนนิกายเงาจันทร์ทั้งหลายก็เดินจากไป

เมื่อกลับมาถึงสวนป่าบนเย่หยวนก็แสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป

“ผู้อาวุโสซู่ หยางเชินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?” เย่หยวนถาม

เมื่อเห็นเย่หยวนถามเช่นนั้นผู้อาวุโสซู่ก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็นึกว่าเจ้าโกรธแค้นจนไม่คิดหน้าคิดหลังใดๆ ไปแล้วเสียอีก!”

เขาย่อมรู้ดีว่าการไปท้าทายนิกายสว่างชัดเช่นนี้มันอันตรายมากมายแค่ไหน เพียงแค่ว่าเรื่องนี้มันก็ส่งผลถึงชื่อเสียงของนิกายเงาจันทร์จนทำให้เขาเองก็ไม่คิดที่จะห้ามเย่หยวนไว้

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “นิกายสว่างชัดนั้นข่มเหงผู้คนมากจนเกินไป เราแค่ได้มาอยู่ยังสวนป่าบนแต่พวกมันกลับคิดเล่นงานเราถึงชีวิตเพราะเรื่องนั้นราวกับไปฆ่าพ่อแม่พวกมันมา โชคยังดีที่ศิษย์พี่เจียงไม่ได้ไปเจอพวกนิกายสว่างชัดในรอบแรก แต่รอบหลังๆ หากนางได้ไปเจอเข้าพวกมันย่อมคิดลงมืออย่างหนักหน่วงแน่ ส่วนศิษย์พี่ไป่หลี่นั้น หยางเชินย่อมไม่คิดปล่อยนางไปแน่ ต่อให้ข้าไม่ท้าทายเช่นนั้นสุดท้ายพวกเราก็คงไม่อาจรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัย”

เย่หยวนบอกออกมาอย่างชัดเจนถึงท่าทางและการกระทำที่นิกายสว่างชัดคิดจะทำ

พวกเขานั้นคิดว่าใบหน้าชื่อเสียงของตนนั้นคือทุกสิ่งอย่างและไม่คิดให้ใครอยู่เหนือกว่าตน

นิกายเงาจันทร์นั้นแค่ได้มาอยู่สวนป่าบนก็ไปทำให้พวกนั้นเดือดร้อนแล้ว

พวกเขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้อี้ชิงเซียงได้ยอมแพ้ ทุบทำลายกรามของเขาในทันทีที่เริ่ม แค่นี้มันก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้มากพอแล้ว

เพราะเช่นนั้นเองเย่หยวนจึงคิดสังหาร

ได้ยินคำของเย่หยวนซู่เหยียนก็ขมวดคิ้วแน่น

เพราะเขานั้นไม่ได้คิดไปถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างที่เย่หยวนทำ

“หยางเชินนั้นเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ล้านปีจะปรากฏสักครั้งแห่งนิกายสว่างชัด! พลังฝีมือของเขานั้นย่อมเหนือล้ำ! แต่หากถามว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน มันคงมีแต่พวกนิกายสว่างชัดเท่านั้นที่จะรู้ได้ เดิมทีศิษย์ที่ได้มาเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นจะมีพลังฝีมือที่ไม่เหนือล้ำกันมาก แต่แน่นอนว่ามันย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่นเจ้า และบางทีก็อาจจะเป็นหยางเชินด้วย!” ซู่เหยียนบอกด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด

เย่หยวนเงียบลงไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ตอนนี้ไม่มีใครพูดใดๆ และเอาแต่จ้องมองรอเย่หยวนคิด

ตงน้อยเองก็มองดูเย่หยวนอย่างสงสัยใคร่รู้ เขานั้นอยากรู้ว่าเย่หยวนจะแก้ปัญหาตรงหน้านี้อย่างไร

หลังจากนั้นเย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมามองทุกผู้คน “ศิษย์พี่เจียง ข้าจะหลอมโอสถใจม่วงหยกให้ท่าน ท่านจงรีบบรรลุขึ้นเป็นนภาสวรรค์สองดาวเสีย”

เจียงเชอเหยียนเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน

นางนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้โอสถใจม่วงหยกกับเขาด้วย

เพราะเอาจริงๆ ตอนที่อี้ชิงเซียงได้โอสถนี้ นางเองก็มึนงงสงสัยอย่างมาก

แต่นางรู้ดีว่ามุมมองที่เย่หยวนมีต่อตัวเองนั้นเป็นอย่างไร นางจึงเลิกคิดที่จะหวังไปนาน

ไม่นึกไม่ฝันว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่หยวนกลับคิดช่วยหลอมให้แก่นาง!

ซู่เหยียนบอก “ช่วยอะไรไม่ได้หรอก! แม้จะเป็นสภาสวรรค์สองดาวเองก็อ่อนแอเกินไปที่จะต่อต้านเขา”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าย่อมทราบดี จากวันนี้ไปข้าจะช่วยพวกท่านทั้งหลายหลอมโอสถพร้อมๆ ไปกับการฝึกพิเศษให้แก่พวกท่าน เป้าหมายของการฝึกคือ ยอมแพ้ให้ได้ก่อนที่ข้าจะสังหารพวกท่านลงได้!”

เรื่องนี้ทำให้ทุกผู้คนผงะไปไม่น้อย ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะใช้วิธีนี้

เย่หยวนพูดออกมาเช่นนี้ย่อมหมายความว่าพลังฝีมือของเขานั้นใกล้เคียงกับหยางเชินมาก

หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่า!

แต่มันจะเป็นไปได้หรือ?

ในหมู่นภาสวรรค์สองดาวขั้นสุดเหมือนๆ กัน หยางเชินนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าเซินเทียนหลินไปมาก มันหมายความว่าเขาคนนั้นมีแนวคิดอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งจนเหนือล้ำกว่าคนในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

“หึๆ ไอ้เด็กคนนี้ เจ้าคิดเล่นกับชีวิตพวกเขา!” ตงน้อยอดไม่ได้ที่จะพูดดูหมิ่นและเหยียดหยามออกมาเมื่อได้ยิน

แต่เย่หยวนกลับตอบไป “ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล่นหรือไม่ ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้”

ในพริบตาเวลากว่าหนึ่งเดือนก็ผ่านไป และเย่หยวนก็ได้มาพบเจอกับศิษย์นิกายสว่างชัดอีกครั้ง

คราวนี้เขาเป็นอันดับหกของนิกายนามเผิงฮวน

เขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย เป็นแค่นภาสวรรค์สองดาวขั้นต้น เขาที่อยู่อันดับต่ำกว่าหลี่อี้ผิงย่อมไม่มีทางเป็นคู่มือให้แก่เย่หยวนได้

เมื่อได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของหลี่อี้ผิงมาแล้วเผิงฮวนย่อมคิดที่จะยอมแพ้ในทันที

เพราะฉะนั้นหลังจากตู้หรูเฟิงประกาศเริ่ม เผิงฮวนก็เปิดปากขยับขึ้น

“ข้า…”

แต่น่าเสียดายที่คำพูดของเขาถูกตัดขาดลงเสียงเท่านั้น ดวงตาของเขากลอกกลับไปโดยที่ไม่อาจพูดได้อีก

ดาบของเย่หยวนนั้นมันเร็วจนเกินไป!

ที่ด้านล่างสังเวียนมีเสียงสูดหายใจเข้าลึกตามๆ กัน

แข็งแกร่ง!

หากมีใครคิดว่าครั้งก่อนที่หลี่อี้ผิงเสียท่าไปเพราะไม่ทันเตรียมตัว เช่นนั้นครั้งนี้พวกเขาก็คงเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นฝีมืออย่างแท้จริง

“แค่จะยอมแพ้พวกเจ้ายังไม่มีปัญญาแล้วยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งอีกหรือ?”

เย่หยวนมองดูหยางเชินด้วยคำเหยียดหยาม

หยางเชินนั้นมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น “เย่หยวนเจ้าบังคับข้าเอง!”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและเดินหายไปกับสายลม

ในรอบที่สิบเจ็ด เย่หยวนก็ได้สังหารศิษย์นิกายสว่างชัดอันดับเจ็ด อู๋หมินลงด้วยดาบเดียวอีกเช่นเคย

ในรอบที่ยี่สิบห้า ในที่สุดเย่หยวนก็ได้สังหารเบียนซือเชียวลง!

ผ่านการชุมนุมไปได้แค่ครึ่งทาง แต่นิกายสว่างชัดกลับเสียศิษย์ไปแล้วถึงสี่คนภายใต้คมดาบของเย่หยวน

และพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่คิดอยากยอมแพ้ตั้งแต่วินาทีที่เริ่ม แต่กลับไม่มีใครพูดทัน

ดาบของเย่หยวนนั้นมันรวดเร็วความคำพูดใดๆ

ตอนนี้ผู้อาวุโสของนิกายสว่างชัดและหยางเชินแทบคลั่งตาย

…………………………