ตอนที่ 1832 แนวคิดแห่งกาลเวลา

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

บางทีมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญหรืออาจจะเป็นเพราะนิกายเงาจันทร์นั้นมีผู้เข้าร่วมน้อยคน

แต่แม้จะผ่านมากว่าครึ่งทางแล้วหยางเชินก็ยังไม่ได้พบเจอกับศิษย์ของนิกายเงาจันทร์เลยสักคน

แต่ว่าสุดท้ายมันก็หนีกันไม่พ้น

ในรอบที่ยี่สิบแปด หยางเชินปะทะกับอี้ชิงเซียง

ตอนนี้เวลากว่าครึ่งปีได้ผ่านไปตั้งแต่เริ่มงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่

หยางเชินนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “ข้ารอเวลานี้มาถึงครึ่งปี! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงความรู้สึกที่ศิษย์ร่วมนิกายต้องตายลงต่อหน้าอย่างไม่อาจช่วยอะไรได้!”

พูดจบเขาก็หันไปหาอี้ชิงเซียง “ครั้งก่อนเจ้าโชคดีรอดพ้นภัยไปได้ ครั้งนี้เจ้าจะไม่โชคดีอีกแน่! หากอยากโทษใครก็ไปโทษเย่หยวนที่มาลบหลู่นิกายสว่างชัดข้าเถอะ!”

แต่อี้ชิงเซียงกลับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “ข้าก็เคยพูดไปนานแล้วว่านิกายเงาจันทร์เราเองก็ไม่อาจทนดูคนมาท้าทายเหยียดหยามได้! ข้าตายก็คือตาย แต่นิกายเงาจันทร์จะไม่เสียชื่อ! แน่นอนว่านั่นพูดถึงตอนที่เจ้าสังหารข้าลงได้จริงๆ น่ะนะ”

หยางเชินเงียบปากลงทันที ตอนนี้เขาได้รับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่ามาพูดเถียงไปตอนนี้มันก็ไม่อาจชนะอีกฝ่ายได้

เขานั้นมาเพื่อที่จะดูท่าทางหวาดกลัวสิ้นหลังของอี้ชิงเซียง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะกลับได้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นเช่นนี้แทน

อารมณ์อึดอัดขัดใจของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าที่จะบรรยายได้

ตรงกันข้าม ตอนนี้เหล่าศิษย์นิกายสว่างชัดกลับกลัวจนปากสั่นตัวสั่นหลังเห็นศิษย์ร่วมนิกายถูกสังหารไปเรื่อยๆ

ต่อให้พวกเขาจะเกรงกลัวมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจรอดพ้นมือของเย่หยวนไปได้

ไม่ทันแม้แต่จะยอมแพ้

เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่เย่หยวนได้สังหารลงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดศิษย์ของนิกายสว่างชัดที่วันหน้าจะได้เติบโตมาเป็นเสาหลักของนิกาย

แต่เพราะการล้างสังหารของเย่หยวนนี้ทำให้งานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ในครั้งนี้มันโกลาหลไปหมดสิ้น

นอกจากตัวเขาและเย่หยวนสองดาวเด่นนี้แล้ว อันดับรองๆ ลงไปนั้นมีการแข่งขันที่แสนดุเดือดอย่างมาก

แน่นอนว่าต้นเหตุมันเป็นเพราะเย่หยวนได้ไปให้ของขวัญแก่นิกายต่างๆ มากมาย

ตอนนี้เหล่านิกายที่เคยไร้หวังก็เริ่มกลับมามีความหวังกันอีกครั้ง

เย่หยวนมองดูหยางเชินด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าก็เห็นว่าเรานั้นไม่กลัวตายกัน จะยังเอาเรื่องชีวิตมาข่มขู่ทำไมอีก? เอาศักดิ์ศรีของเจ้าไปอวดผู้คนไกลๆ หน้าข้าไป!”

หยางเชินขมวดคิ้วแน่นและหัวเราะกลับ “เลิกวางท่าเสียที! เมื่อพวกเจ้าได้ขึ้นสังเวียนแล้วข้าอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเจ้าจะยังทำหน้ายิ้มเยาะเช่นนั้นได้ไหม!”

หลังจากศึกสองคู่แรกจบลง ในที่สุดก็ถึงคราวของหยางเชินปะทะอี้ชิงเซียง

ตอนนี้เมื่อใดก็ตามที่มีการปะทะระหว่างนิกายสว่างชัดและนิกายเงาจันทร์ มันก็จะกลายเป็นเรื่องฮือฮาดึงดูดสายตาผู้คนทันที

แต่วันนี้มันเป็นครั้งแรกที่หยางเชินจะได้ปะทะกับศิษย์นิกายเงาจันทร์ มันจึงยิ่งทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกผู้คนจับตามอง

บนสังเวียนนั้นอี้ชิงเซียงมีเหงื่อเย็นเหยียบไหลท่วมกาย ตั้งแต่หน้าผากยันข้อเท้า

นี่มันไม่ใช่เหงื่อที่เกิดจากความกลัว แต่เป็นเหงื่อที่เกิดจากแรงกดดันของหยางเชินที่แสนรุนแรง!

ความกดดันระดับนี้ เขาเคยรู้สึกมันจากคนผู้เดียวท่านั้น นั่นคือเย่หยวน!

ก่อนจะเริ่มหยางเชินก็ปล่อยคลื่นพลังกดดันออกมาอย่างสุดแรงจนครอบคลุมสวรรค์ทั้งเก้า

เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินสัญญาณเริ่มการประลอง เขาคงเข้ามาปะทะอี้ชิงเซียงอย่างรุนแรงแน่ๆ คงไม่คิดเหลือเวลาให้ได้ยอมแพ้

ที่ด้านล่างสังเวียนเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างมองดูมันอย่างเคร่งเครียด

“แข็งแกร่ง! นี่หรือคือพลังที่แท้จริงของหยางเชิน!”

“ก่อนๆ มาไม่เคยมีใครทำให้เขาใช้พลังออกมาได้อย่างแท้จริง วันนี้กลับถูกเย่หยวนรีดมันออกมาจนได้!”

“แม้จะอยู่นอกเขตแดนป้องกันข้าก็ยังรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออก! นภาสวรรค์สองดาวด้วยกันแท้ๆ เหตุใดจึงแตกต่างกันได้ขนาดนี้?”

ความรู้สึกที่หยางเชินปล่อยออกมานั้นมันเป็นความกดดันที่หนักแน่นแตกต่างจากความเรียบง่ายและสวยงามของเย่หยวน

“เริ่ม!”

ตู้หรูเฟิงร้องบอกและในวินาทีนั้นร่างของหยางเชินก็พุ่งเข้ามาใส่อี้ชิงเซียงอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยจากคันธนู

ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลและพลังแนวคิดที่หยางเชินปล่อยออกมา อี้ชิงเซียงนั้นไม่อาจจะขยับตัวได้แม้แต่น้อย

อี้ชิงเซียงขมวดคิ้วแน่นเพราะความรู้สึกกดดันอันนี้

แต่เขายังไม่คิดบอกยอมแพ้

เพราะเขารู้ดีว่าหยางเชินต้องมีไม้เด็ดซ่อนไว้อยู่อีกแน่ๆ!

แม้ว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนทำให้อี้ชิงเซียงต้องยอมแพ้ในวินาทีที่ขึ้นสังเวียนมา

เพราะอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็เป็นนภาสวรรค์สองดาวด้วยกัน การจะทำให้คนในดาวเดียวกันพูดคำว่า ‘ ข้ายอมแพ้’ นั้นมันช่างเป็นเรื่องที่แสนจะยากเย็น

จู่ๆ อี้ชิงเซียงก็ต้องหรี่ตาลงเพราะความรู้สึกราวกับว่าภาพตรงหน้ากำลังค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง!

ตอนนี้ต่อให้เขาจะอยากเปิดปากพูดยอมแพ้มันก็ช้าเสียยิ่งกว่าช้า

โลกทั้งใบในตอนนี้ มีเพียงตัวหยางเชินเท่านั้นที่ยังขยับไหวอย่างปกติ!

‘แนวคิดแห่งกาลเวลา!’

อี้ชิงเซียงร่ำร้องขึ้นในใจ

“เอ๋ อี้ชิงเซียงทำอะไรของมัน? กลัวจนฉี่ราดแล้วหรือ?”

“ดาบของหยางเชินจะปาดถึงคอแล้วแท้ๆ ทำไมเขากลับไม่ขยับตัวเลย?”

ที่ด้านล่างเหล่าศิษย์ต่างไม่เข้าใจเรื่องราวว่าด้านบนสังเวียนมันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ในสายตาของพวกเขา อี้ชิงเซียงนั้นเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมทำอะไรราวคนโง่ ได้แต่ยื่นคอออกไปให้หยางเชินฟันทิ้ง

‘เคร้ง!’

เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นมาส่งร่างของอี้ชิงเซียงลอยปลิวไปไกล

“ข้า… ขอ… ยอมแพ้!”

อี้ชิงเซียงพูดสามคำนี้ออกมาระหว่างที่ร่างยังลอยไปไม่ตกพื้น

“บ้าเอ๊ย! เจ้ารับมันไว้ได้อย่างไรกัน?! เจ้ามีปัญญาป้องกันมันได้อย่างไร?! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

หยางเชินพุ่งตัวเข้ามาตามอี้ชิงเซียงอย่างบ้าคลั่ง

แต่เวลานั้นเองที่เกิดมีคลื่นพลังแสนรุนแรงพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาจนปลิวกระเด็นไป

“เขานั้นได้ยอมแพ้ออกมาแล้ว เจ้าจงอย่าได้ลงมืออีก! ครั้งนี้จะถือว่าเตือน ครั้งหน้าหากเจ้าทำอะไรเช่นนี้อีก ข้าจะสังหารทันที!”

ตู้หรูเฟิงกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ใดๆ ในน้ำเสียง

หยางเชินพยายามลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสุดแค้น

ตอนนั้นเองที่ตู้หรูเฟิงประกาศขึ้นอีกครั้ง “ศึกนี้หยางเชินเป็นฝ่ายชนะ”

หยางเชินได้แต่กัดฟันตัวเองแน่น ใบหน้าของเขาในตอนนี้มันไม่มีร่องรอยของความดีใจอยู่เลย

เป้าหมายของเขาคือสังหาร มิใช่ชนะ

อารมณ์ทนเก็บมากกว่าครึ่งปีของหยางเชินได้ระเบิดขึ้นในศึกครั้งนี้

แต่สุดท้ายเขากลับพลาด!

ผลเช่นนี้ มันย่อมยากที่จะรับได้

เมื่อสักครู่ในวินาทีสุดท้ายอี้ชิงเซียงกลับปล่อยปราณเทวะออกมาจากร่างและใช้ปราณเทวะขยับดาบขึ้นมารับการโจมตีของเขาไว้

แนวคิดแห่งกาลเวลาของเขานั้นสามารถชะลอกระแสเวลารอบตัวอี้ชิงเซียงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจชะลอลงได้ก็คือปราณเทวะ!

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ข้อจำกัดของแนวคิด แต่ที่เขายังชะลอมันไม่ได้เป็นเพราะแนวคิดแห่งกาลเวลาของเขายังอ่อนแอเกินไป

ไม่เช่นนั้นอี้ชิงเซียงก็คงไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้แน่

เย่หยวนขยับร่างขึ้นมาข้างๆ กายอี้ชิงเซียงก่อนจะมอบโอสถให้เขากิน

สภาพของอี้ชิงเซียงในตอนนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าตอนที่เขาโดนเล่นงานครั้งแรกเสียอีก

แต่เขานั้นไม่ตาย!

เมื่อโอสถเข้าสู่ร่าง แผลของอี้ชิงเซียงก็ค่อยๆ หายบรรเทาลง

“ข้าไม่นึกเลยว่าไม้ตายของเจ้าหมอนี่จะเป็นแนวคิดแห่งกาลเวลา!”

คิดได้เช่นนั้นเย่หยวนก็รู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมา

แนวคิดแห่งกาลเวลานั้นคล้ายกับแนวคิดแห่งห้วงมิติตรงที่มันเป็นยอดของแนวคิด เป็นหนึ่งในแนวคิดที่ยากจะสำเร็จที่สุด

นอกจากจอมเทพนิรันดร์แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เห็นคนใช้แนวคิดแห่งกาลเวลา

แค่มองครั้งเดียวเย่หยวนก็รู้ได้ทันที

เจ้าแนวคิดแห่งกาลเวลานี้มันเป็นสิ่งที่ยากจะรับมือ

เพราะทุกอย่างจะถูกควบคุมภายใต้แนวคิดแห่งกาลเวลานี้

เมื่อสักครู่นี้อี้ชิงเซียงเองก็ไม่อาจจะรับมือต่อต้านใดๆ ได้เลยเช่นกัน ไม่สามารถแม้แต่จะพูด!

“หึๆ นี่… การฝึกพิเศษครึ่งปีนี้มันช่าง… คุ้มค่า!”

อี้ชิงเซียงนั้นไม่ได้ท้อใจแต่กลับตื่นเต้นขึ้นมาแทน

การที่เขาสามารถหลบรอดหายนะครั้งนี้มาได้มันย่อมเป็นเพราะการฝึกพิเศษกับเย่หยวน

และเพราะการฝึกนี้เอง มันได้ช่วยทำให้พลังฝีมือของคนทั้งสามนั้นพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด

ในเวลาครึ่งปีมานี้ พวกเขาฝึกตัวภายใต้ความเป็นความตาย

และเพราะการฝึกนี้เองที่ทำให้พวกเขาได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของเย่หยวน!

…………………………