ตอนที่ 691 สิ่งที่ยังขาด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังจากฟังคำอธิบายของผู้นำเกาะวายุนิ่ง ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะเบา ๆ นางน่าจะเข้าใจเงื่อนไขสำคัญสำหรับการหลอมกระสวยข้ามมิตินี้แล้วและตระหนักดีว่าเหตุใดอู๋หมิงผู้ลึกลับจึงส่งจดหมายเชื้อเชิญตนมาที่นี่

หากเปรียบเทียบกับช่างหลอมคนอื่นทั่วไป แม้ว่านางจะมิใช่ผู้ที่มีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าที่สุด ทว่าความเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของนางก็รวดเร็วที่สุดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเพลิงจักรพรรดิและทักษะการหลอมอันยอดเยี่ยมจึงมีความเป็นไปได้มากที่นางจะหลอมอุปกรณ์ที่วิเศษและไม่เคยมีมาก่อนอย่างกระสวยข้ามมิติได้สำเร็จ

ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นจริงดังคำกล่าวของผู้นำเกาะวายุนิ่ง กระสวยข้ามมิติจะเป็นประโยชน์สำหรับดินแดนเทพมายาอย่างยิ่ง ตราบใดที่มันไม่พลาดพลั้งตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว พลังอำนาจของทุกคนในดินแดนเทพมายาจะพัฒนาต่อไปอีกมาก

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามทำอย่างสุดความสามารถ !”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะอีกครั้งเพื่อแสดงการตัดสินใจที่แน่วแน่ นางจะแสดงฝีมือในการหลอมอย่างเต็มที่ที่สุด

“แต่ทว่า…การหลอมกระสวยข้ามมิติจะต้องใช้เวลานานเท่าใดรึ ?”

หลังจากพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามต่อไป หากจำเป็นต้องใช้เวลาที่นานเกินไป การหลอมมันก็ต้องเลื่อนออกไปหลังสิ้นสุดสงครามการปะทะกับฝ่ายมาร เพราะถึงอย่างไรบุปผาแห่งความมืดก็จะเบ่งบานเต็มที่ภายในหนึ่งปี และเมื่อถึงตอนนั้น สงครามการประจันหน้ากับขุมกำลังมารร้ายจะเริ่มต้นขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

“ฮ่า ๆ ๆ หนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว ข้าคิดว่าสงครามกับฝ่ายมารจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หากเราหลอมกระสวยข้ามมิติสำเร็จก่อน มันก็อาจเป็นผลดีอย่างคาดไม่ถึงสำหรับสงครามในอนาคตของเราก็เป็นได้”

อู๋หมิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาทำการศึกษากระสวยข้ามมิติมานานนับร้อยนับพันปี ด้วยความช่วยเหลือจากช่างหลอมฝีมือดีอย่างฉินอวี้โม่ เขามั่นใจเลยว่าจะหลอมมันสำเร็จภายในหนึ่งเดือนอย่างแน่นอน

“ไม่มีปัญหา เวลาหนึ่งเดือนยังไม่ทำให้สิ่งใดล่าช้า ต่อให้พี่ชายของข้าค้นพบการเคลื่อนไหวของข้าจริงดังที่คิดไว้ มันก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามสิ้นคิดแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราอยู่ที่เกาะวายุนิ่งกลางท้องทะเล มันไม่มีทางตามหาพวกเราพบ”

ซิวกล่าวและคาดเดาได้ว่าฉินอวี้โม่กำลังกังวลสิ่งใด

“อีกอย่าง…จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชนเผ่ามายาเช่นกัน ฉินมู่ยวี่ไม่มีทางทำสิ่งใดบุ่มบ่ามแน่นอน นางจะยังไม่เคลื่อนไหวออกมา”

แม้ผ่านมานานกว่าพันปี ซิวก็ยังพอเข้าใจลักษณะนิสัยของฉินมู่ยวี่พอสมควร นางคงจะวางแหฟ้าตาข่ายดินไว้ที่ชนเผ่ามายาเพื่อรอฉินอวี้โม่และซิวเข้าไปติดกับ หากไม่สามารถจัดการฉินอวี้โม่ได้ก่อน นางจะไม่มีทางทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิด

* 天罗地网 แหฟ้าตาข่ายดิน เปรียบถึงการล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น, วางกรอบดักศัตรู

“ถ้าเช่นนั้นเราจะอยู่ที่เกาะวายุนิ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือน”

ฉินอวี้โม่ไม่ลังเลอีกต่อไป นางเองก็ตั้งตารอเช่นกันว่าอุปกรณ์วิเศษอย่าง ‘กระสวยข้ามมิติ’ ที่อู๋หมิงพยายามศึกษามาเนิ่นนานทั้งชีวิตของเขาจะสามารถท่องผ่านห้วงมิติที่กว้างใหญ่ได้จริงหรือไม่ ?

หากทำได้สำเร็จจริง นางจะมีโอกาสกลับไปยังโลกยุคสมัยใหม่ผ่านทางกระสวยนั้นหรือไม่ ?

“เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ !”

หลังจากได้ฟังการตัดสินใจของฉินอวี้โม่ อู๋หมิงก็ยิ้มร่าและเตรียมตัวเริ่มกระบวนการทันที

“รองผู้นำ ฝากเจ้าดูแลความเรียบร้อยของเกาะวายุนิ่งในช่วงนี้ด้วย ข้าและสหายน้อยอวี้โม่จะหลอมกระสวยข้ามมิตินี้ หากเกิดเรื่องอะไร เจ้ามีอำนาจตัดสินใจได้ทุกอย่าง หากมีสิ่งใดที่ร้ายแรงจริง ๆ เจ้าก็สามารถพูดคุยหารือกับสหายโม่ฉือได้เลย”

อู๋หมิงกล่าวกับรองผู้นำของเกาะวายุนิ่ง อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าในหนึ่งเดือนนี้จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในเกาะวายุนิ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องกำชับไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

“ขอรับ ท่านผู้นำ !”

รองผู้นำชิงตานรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคารพ ถึงอย่างไรเกาะวายุนิ่งแห่งนี้ก็คือบ้านของเขาเช่นกัน แน่นอนว่าเขาจะดูแลมันเป็นอย่างดี

อู๋หมิงนำทางฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตรงไปยังพื้นที่เขตต้องห้ามในเกาะซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาอุทิศไว้สำหรับการหลอมอุปกรณ์ของตน ในบริเวณนั้นเต็มไปด้วยสภาวะพลังธาตุไฟและธาตุทองที่หนาแน่นเป็นพิเศษ รวมถึงเป็นที่ตั้งของเตาหลอมขนาดใหญ่เตาหนึ่งเช่นกัน

“เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของดินแดน—เตาหลอมเหนือเมฆ !”

เมื่อเห็นเตาหลอมขนาดใหญ่ตรงหน้า ฉินอวี้โม่ก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาทันที นี่คือเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในตำนานของดินแดนเทพมายาที่สามารถเพิ่มระดับและอัตราความสำเร็จของสิ่งหลอมได้ ไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ในมือของอู๋หมิง

“มันอยู่กับข้ามานานเป็นพันปีแล้วและตอนนี้มันก็เริ่มมีสติรับรู้เป็นของตนเอง ข้าคิดว่าอีกไม่นานมันก็สามารถบ่มเพาะพลังมากพอจนจำแลงเป็นรูปเป็นร่างได้”

อู๋หมิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เตาหลอมเหนือเมฆนี้คือสหายคู่หูที่ดีที่สุดของเขา เมื่อพันปีก่อน เขาได้มันมาโดยบังเอิญและนับจากนั้นมันก็อยู่กับเขามาเสมอ ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานหลายปี มันได้หลอมอุปกรณ์ระดับต้น ๆ ของดินแดนมาแล้วมากมาย ครานี้เขาวางแผนที่จะใช้มันเพื่อหลอมชิ้นส่วนของกระสวยข้ามมิติ

ในฐานะช่างหลอม แน่นอนว่านางก็มีความรักและความหลงใหลในเตาหลอมเป็นที่สุด ฉินอวี้โม่มองดูเตาหลอมเหนือเมฆอยู่นานและต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นเตาหลอมที่ล้ำเลิศอย่างแท้จริง เรียกได้ว่ามันคู่ควรกับตำแหน่งเตาหลอมอันดับหนึ่งของดินแดนเทพมายา

“การที่สหายน้อยอวี้โม่ถือครองเพลิงแห่งชีวิตของเทพอสูร เพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องใช้เตาหลอมใด”

อู๋หมิงมองฉินอวี้โม่และกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง เขาทราบดีว่าซิวคืออสูรมายาประจำตัวของฉินอวี้โม่และทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของมันเช่นกัน มีเพียงเพลิงจักรพรรดิอันทรงพลังเท่านั้นที่จะทัดเทียมกับเตาหลอมอันดับหนึ่งของดินแดนได้ !

ฉินอวี้โม่ยิ้มและไม่กล่าวปฏิเสธใด ๆ ถึงอย่างไรนางก็ไม่คิดจะใช้เตาหลอมใดอยู่แล้ว ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของเพลิงอสูรของซิว เตาหลอมธรรมดาทุกชนิดล้วนมิอาจรองรับพลังของมันได้

“นี่คือพิมพ์เขียวของกระสวยข้ามมิติ และนี่ก็คือวัสดุสิ่งหลอมที่ต้องใช้ ลองตรวจสอบดูก่อนเถอะ เราจะได้เริ่มกระบวนการหลอม”

อู๋หมิงชี้ไปที่วัสดุสิ่งหลอมจำนวนมากบนโต๊ะด้านข้างเพื่อให้ฉินอวี้โม่ตรวจดูมันก่อน

ฉินอวี้โม่เดินตรงไปโดยไม่ลังเลและคลี่เปิดพิมพ์เขียวออก ก่อนพบว่าสิ่งที่ปรากฏบนนั้นคือวัตถุประหลาดรูปร่างคล้ายแคปซูล

“ข้าจะรับหน้าที่ในส่วนสีม่วงด้านบนทั้งหมด เจ้าเพียงต้องหลอมในส่วนสีน้ำเงินด้านล่างก็พอ”

ผู้นำเกาะวายุนิ่งกล่าวโดยไม่อธิบายสิ่งใดให้มากความ เขาเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะเข้าใจความหมายของเขาได้ไม่ยาก

เมื่อได้เห็นพิมพ์เขียวระบุรายละเอียด ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับอย่างเรียบง่าย หลังจากที่ทั้งสองกวาดสายตามองวัสดุสิ่งหลอมที่เรียงรายบนโต๊ะ อู๋หมิงก็เดินตรงไปที่เตาหลอมในขณะที่ฉินอวี้โม่ปล่อยเพลิงลุกโชนออกมาเป็นเตาหลอมของนางก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว

หานโม่ฉือก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างเพื่อช่วยปกป้องคุ้มกันทั้งสองขณะจับตาดูสถานการณ์ของฉินอวี้โม่อย่างไม่ละสายตา

ภายในเวลารวดเร็วราวกับชั่วพริบตา เวลายี่สิบวันก็ผ่านพ้นไปแล้ว

ตลอดช่วงยี่สิบวันที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่ อู๋หมิงและหานโม่ฉือเก็บตัวอยู่ในเขตต้องห้ามของเกาะวายุนิ่งเพื่อจดจ่อกับการหลอมกระสวยข้ามมิติ

ต้องกล่าวเลยว่าสิ่งที่ผู้นำอู๋หมิงกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเลย หากต้องการหลอมกระสวยข้ามมิตินี้ สิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือการถ่ายเทพลังวิญญาณอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

หลังจากจดจ่อกับมันมานานกว่ายี่สิบวัน แม้ฉินอวี้โม่จะแกร่งกล้าเพียงใด นางก็อดรู้สึกเหนื่อยไม่ได้และพลังวิญญาณก็เริ่มอ่อนแรงลงเล็กน้อย

หานโม่ฉือมองนางด้วยความเป็นห่วง ทว่ามิอาจช่วยอะไรได้ เขาทำได้เพียงเช็ดเหงื่อที่โชกหน้าผากและจับตาดูสถานการณ์ของนางต่อไปเพื่อคอยเฝ้าสังเกตในกรณีที่นางทนไม่ไหวอีกต่อไป

ทันใดนั้น คลื่นพลังหนาแน่นโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกัน สภาวะพลังธาตุทองและธาตุไฟที่อุดมสมบูรณ์ก็พุ่งตรงเข้าเตาหลอมที่เกิดจากเปลวเพลิงลุกโชนในมือของฉินอวี้โม่

หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เตาหลอมเหนือเมฆของอู๋หมิงก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเดียวกันซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความสำเร็จของการหลอมอุปกรณ์

“แม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ นางหลอมได้เร็วกว่าข้าเสียอีก”

เมื่อสังเกตเห็นสถานการณ์ของฉินอวี้โม่ อู๋หมิงก็อดทอดถอนหายใจให้กับความสามารถของนางไม่ได้ เป็นจริงดังที่คิดไว้ สุดท้ายแล้วคลื่นรุ่นใหม่ก็ย่อมซัดคลื่นลูกเก่าจริง ๆ เขาเชื่อมาตลอดว่าเขาคือช่างหลอมอันดับหนึ่งของดินแดนเทพมายา ทว่าตอนนี้ดูเหมือนตำแหน่งดังกล่าวจะถึงเวลาส่งต่อแล้ว

* 长江后浪推前浪 คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า ความหมายคือ คนรุ่นใหม่ที่ความสามารถมากกว่าและเข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าที่แก่ลง

หลังจากหายนะครั้งใหญ่เมื่อพันปีก่อน ชิงเหอผู้มากพรสวรรค์ได้ล้มหายตายจากเพราะอุปสรรคบางอย่างที่ต้องเผชิญ ทว่านางก็กลับมาประกาศศักดาได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยทักษะการหลอมที่น่าหวาดหวั่นกอปรกับกายเทพมายา รวมถึงการมีเทพอสูรเป็นอสูรประจำตัวนั้น ต้องกล่าวเลยว่าฉินอวี้โม่ในตอนนี้แกร่งกล้ากว่าชิงเหอในอดีตหลายเท่าตัวนัก

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฉินอวี้โม่ในวันนี้ก็มีลักษณะนิสัยและเสน่ห์เฉพาะตัวที่ชัดเจนอย่างไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวใจผู้ใด มันก็คือสิ่งที่เรียกว่าลักษณะความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติซึ่งทำให้ผู้คนต้องการจำนนต่อนางโดยไม่รู้ตัวและต้องการเป็นมิตรสหายหรือผู้ร่วมทางไปกับนาง

“สำเร็จ !”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเพียงสั้น ๆ และเตาหลอมที่ทำจากเพลิงตรงหน้าก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพที่มองไม่เห็นและหายไปในอากาศ จากนั้นในมือของฉินอวี้โม่ก็มีวัตถุขนาดเท่าฝ่ามือที่ดูเหมือนเป็นปลอกแคปซูลครึ่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ในขณะเดียวกันนั้น อู๋หมิงก็หยุดการเคลื่อนไหวของตนเช่นกันและวัตถุเล็ก ๆ ลอยออกมาจากเตาหลอมเหนือเมฆก่อนตกลงมาบนมือของเขา

สิ่งที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้และวัตถุในมือฉินอวี้โม่เป็นสิ่งที่เข้าคู่กันและมีขนาดที่ไม่แตกต่างกันเลย

“คิดไว้ไม่มีผิด ข้ามองเจ้าไม่ผิดเลยจริง ๆ !”

ผู้นำเกาะวายุนิ่งเดินตรงเข้าไปข้างฉินอวี้โม่และยิ้มอย่างมีความสุข

แม้เขาต้องสูญเสียพลังไปมากกับการหลอมสิ่งนี้ แต่อู๋หมิงก็รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด

ความสามารถด้านการทำความเข้าใจของฉินอวี้โม่น่าจะช่วยให้นางเข้าใจถึงแก่นสำคัญของกระสวยข้ามมิติได้อย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ต้องอธิบายสิ่งใดให้มากความ ฉินอวี้โม่ตระหนักได้ง่ายดายและหลอมมันได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้มาก็สามารถเข้าคู่กับวัตถุอีกครึ่งหนึ่งของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ฉินอวี้โม่ยื่นส่วนในมือของตนให้กับอู๋หมิงเพื่อประกอบมันเข้าด้วยกัน เมื่อรับมันมา อู๋หมิงก็ไม่รอช้าและต่อชิ้นส่วนแคปซูลทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันเพื่อรวมกันกลายเป็นรูปร่างแคปซูลที่สมบูรณ์

เพียงแต่ในตอนนี้กระสวยข้ามมิติมีขนาดเท่ากับสองฝ่ามือเท่านั้น ครึ่งบนของมันเป็นสีม่วงส่วนครึ่งล่างก็เป็นสีน้ำเงินซึ่งดูเป็นภาพที่ประหลาดพิกล

“มันทำงานอย่างไรรึ ?”

ซิวปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่และมองดูกระสวยข้ามมิติลักษณะประหลาดพร้อมเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“ฮ่า ๆ ๆ เชิญชมเถอะ”

อู๋หมิงหัวเราะเบา ๆ และโยนวัตถุคล้ายแคปซูลออกไปกลางอากาศ จากนั้นมันก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งหยุดลงเมื่อมีความสูงหลายสิบฉื่อและกว้างหลายฉื่อ

* 1 ฉื่อ – ประมาณ 1 ฟุต

เวลานี้กระสวยข้ามมิติตรงหน้าทุกคนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับคนนับสิบได้โดยไม่แออัด หลังจากที่ขยายใหญ่ขึ้น ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏด้านล่างของมันซึ่งน่าจะเป็นจุดทางเข้าของกระสวยข้ามมิตินี้

ฉินอวี้โม่และทุกคนเดินตรงเข้าไปสำรวจมันอย่างใกล้ชิดทันที ข้างในกระสวยข้ามมิตินี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่นและมีข่ายอาคมไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ซึ่งดูลึกลับอย่างมาก

“เยี่ยมเลย เป็นสิ่งที่ทรงพลังทีเดียว”

ซิวอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้และรู้สึกได้ถึงวิกฤตที่ยากจะอธิบาย ด้วยพลังที่หนาแน่นของมัน หากกระสวยข้ามมิตินี้ระเบิดขึ้นมา มันและคนอื่น ๆ ในที่แห่งนี้คงต้องตายอย่างแน่นอน แม้แต่คฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่ก็มิอาจต้านทานแรงระเบิดของมันได้

“น่าเสียดาย…ยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้หากเราต้องการจะใช้งานกระสวยข้ามมิตินี้…และตอนนี้เราก็ยังไม่มีสิ่งนั้น เฮ้ออ…”

อู๋หมิงกล่าวและถอนหายใจด้วยความเสียดาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ยังขาดไปทำให้เขารู้สึกจนปัญญาไม่น้อยทีเดียว

.