บทที่ 1786 ผู้สืบทอดสวรรค์ประทาน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1786 ผู้สืบทอดสวรรค์ประทาน

 

“ครืน…”

 

ฟางหยวนลอยอยู่บนท้องฟ้า เขามองไปยังเทือกเขาห้าภูมิภาคที่กำลังพังทลาย

 

“มันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายเทือกเขาห้าภูมิภาค วูหยงประสบความสำเร็จเพราะเขาได้รับงานวิจัยเกี่ยวกับมรดกนี้จากตระกูลเฉียว” ฟางหยวนคิด

 

เพื่อให้ได้รับมรดกห้าภูมิภาคของเต๋จู ฟางหยวนต้องทำลายเทือกเขาห้าภูมิภาค

 

สิ่งนี้จะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องรอจนถึงเวลานี้

 

ประการแรก เขาพึ่งได้รับชัยชนะและสามารถจับผู้อมตะภาคใต้ ประการที่สอง พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้น ประการที่สาม ฝ่ายธรรมะของภาคใต้กำลังสับสน

 

ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด

 

ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นเทือกเขาห้าภูมิภาคพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง

 

หลังจากไม่นานเสาแสงห้าสีก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “เด็กน้อย เจ้าทำได้ดี เจ้าผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายของข้า ตอนนี้มรดกห้าภูมิภาคของข้าเป็นของเจ้าแล้ว ฝึกฝนอย่างเหมาะสม ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะสามารถเดินทางไปทั่วโลกโดยไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง อย่าทำให้ชื่อของข้าต้องมัวหมอง”

 

มันคือเจตจำนงของเต๋จู

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา เขายกแขนขึ้น

 

เจตจำนงของเต๋จูรู้สึกถึงพลังงานอันไร้รูปลักษณ์กำลังคว้าจับเขา

 

ต่อมาเจตจำนงของเต๋จูก็ถูกดึงเข้าไปหาฟางหยวนขณะที่ฝ่ายหลังใช้มือคว้าลำคอของเหยื่อเอาไว้

 

เจตจำนงของเต๋จูทั้งโกรธและอับอาย “เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด อย่าพยายามสร้างอัปยศให้ข้า ข้าเคยเป็นผู้อมตะระดับแปด…อา…”

 

ฟางหยวนจงใจเปิดเผยกลิ่นอายระดับแปดของเขา นั่นทำให้เจตจำนงของเต๋จูเปลี่ยนทัศนคติทันที

 

เขาหัวเราะ “ดังนั้นเจ้าก็เป็นสหายระดับแปด”

เขาลอบคิด “เด็กหนุ่มผู้นี้มีพรสวรรค์แต่เขากลับชั่วร้าย เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่แสร้งทำตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องไม่ใช่คนดี ยืม เขาไม่ใช่คนดี!”

 

ฟางหยวนยิ้ม “ข้าเป็นจักรพรรดิปีศาจของยุคนี้ ตาแก่เด็จู ข้าจะรับมรดกที่แท้จริงของเจ้า”

 

หลังกล่าวจบคำ เขาก็ใช้ท่าไม้ตายที่เตรียมไว้

 

พื้นดินสั่นสะเทือน วิญญาณอมตะที่อยู่ภายในเสาแสงห้าสีบินเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน

 

ต่อมาเสาแสงห้าสีก็เลือนหายไป

 

เจตจำนงของเต๋จูตกตะลึง

 

วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนสามารถขุดค้นข้อมูลจากเจตจนงของเต๋จู นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือฟางหยวนสามารถยึดครองมรดกทั้งหมดโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

การจัดเตรียมของเต๋จูไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

 

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?” เจตจำนงของเต๋จูมองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็น

 

ฟางหยวนมองเจตจำนงของเต๋จูอย่างเย็นชา นั่นทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกราวกับกำลังเปลือกกายอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายและไม่สามารถเก็บความลับๆใดๆเอาไว้

 

ฟางหยวนยิ้ม “ตาแก่เต๋จู”

 

“ข้าอยู่ที่นี่” เจตจำนงของเต๋จูรู้สึกหวาดกลัวมาก

 

“มรดกที่แท้จริงของเจ้าน่าสนใจทีเดียว เมื่อข้าครองโลกและบุกวังสวรรค์ มันจะมีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมาก เพื่อให้รางวัลเจ้า ข้าอนุญาตให้เจ้าค้นหาผู้สืบทอดคนใหม่ในถ้ำสวรรค์ของข้า ข้าจะไม่ทำลายเจตจำนงของเจ้า ข้าจะเติมเต็มและปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป” ฟางหยวนกล่าว

 

เจตจำนงของเต๋จูรู้สึกขมขึ้นแต่ไม่สามารถทำสิ่งใด

 

ร่างหลักของเต๋จูต้องการคัดเลือกและทดสอบผู้สืบทอดที่เหมาะสมเพื่อรับมรดกนี้ เมื่อผู้สืบทอดของเขามีชื่อเสียง เขาจะได้รับชื่อเสียงเช่นกัน

 

แต่ผลลัพธ์คือ?

 

ฟางหยวนทำลายทุกสิ่ง

 

เขาทำลายเทือกเขาห้าภูมิภาคและข้ามขั้นตอนการทดสอบ เขากระทั่งจับเจตจำนงของเต๋จูและรับมรดกอย่างไร้ยางอาย

 

เจตจำนงของเต๋จูรู้สึกคับข้องใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างหลักของเขาต้องการ

 

แต่เขามีทางเลือกงั้นหรือ?

 

เขาเป็นเพียงเจตจำนง

 

“หากข้าจำไม่ผิด แม้แต่ร่างหลักของข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้

 

“จากที่เขากล่าว เขาต้องการบุกวงสวรรค์ หากไม่มีความแข็งแกร่งและความมั่นใจมากพอ เขาจะกล้ากล่าวมันออกมาได้อย่างไร?”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจตจำนงของเต๋จูก็ถอนหายใจ “ลืมมันไปซะ นี่แหละชีวิต”

 

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว มรดกของข้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว เจ้าอาจทำให้เกิดการนองเลือดในอนาคต แต่ไม่ใช่ว่านั่นจะทำให้ห้าภูมิภาคสั่นสะเทือนงั้นหรือ? นี่คือสิ่งที่ร่างหลักของข้าต้องการเห็นเช่นกัน ตราบเท่าที่เจ้าไม่ปกปิดความสำเร็จของร่างหลัก มันก็ไม่เป็นไรที่เจ้าจะได้รับมรดกของข้า”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง

 

หลังจากหัวเราะ เขามองเจตจำนงของเต๋จูอย่างจริงจัง “อย่ากังวล เหตุใดข้าต้องสู้กับคนตาย? หากข้าไม่สามารถปล่อยผ่านสิ่งนี้ ข้าจะก้าวข้ามวังสวรรค์ได้อย่างไร? ข้าจะก้าวข้ามผู้อมตะระดับเก้าและไล่ล่าเป้าหมายชีวิตนิรันดร์ของข้าได้อย่างไร?”

 

เจตจำนงของเต๋จูเบิกตากว้าง เขาคิด “ช่างคุยโตนัก! เขาต้องการเอาชนะวังสวรรค์และผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ? เขาบ้าหรือโง่? โอ้ ไม่ เขาสามารถตรวจจับความคิดของข้า!”

 

ฟางหยวนหัวเราะอีกครั้ง “หากข้าขาดความทะเยอทะยาน ข้าจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? เพื่อเป้าหมาย แม้จะล้มเหลว ข้าก็จะลองอีกครั้งและอีกครั้ง สุดท้ายแม้ข้าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จ แล้วอย่างไร?”

 

เจตจำนงของเต๋จูจ้องมองฟางหยวนด้วยความงุนงง

 

ดวงตาของฟางหยวนดำสนิทราวกับขุมนรก แต่เจตจำนงของเจูสามารถมองเห็นแสงสว่างอันเจิดจ้าอยู่ท่ามกางความมิตอันบริสุทธิ์นี้

 

ทันใดนั้นความทรงจำก็พุ่งผ่านจิตใจของเขา

 

เสียงวิพากษ์วิจารย์และการดูแคลนดังมาจากผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน

 

“สารวจกำแพงห้าภูมิภาค? มันมีสิ่งใดต้องวิจัย?”

 

“เขายโสมาก คำถามนี้มีมาตั้งแต่อดีตกาล เต๋จูผู้นี้คิดว่าตนเองเป็นผู้ใด”

 

“ผู้บ่มเพาะสันโดษระดับหก เขาธรรมดามาก”

 

เขาถูกปราบปรามโดยฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

“เต๋จูหยุดค้นคว้าได้แล้ว” คนที่เตือนเขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า ใบหน้าของคนผู้นี้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง

 

“เพราะเหตุใด? ข้าไม่ได้ยั่วยุเจ้า!” เต๋จูกล่าวด้วยความโกรธ

 

“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้กล่าวเสียงเย็น “เจ้าเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของกำแพงภูมิภาคหรือไม่?”

 

“ตอนนี้ภาคกลางแข็งแกร่งที่สุด หากงานวิจัยของเจ้าประสบความสำเร็จ มันจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นบนโลกใบนี้ ห้าภูมิภาคจะเข้าสู่สงคราม มันจะกลายเป็นหายนะ!”

 

“เพื่อประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ เราจะนำงานวิจัยของเจ้าไป”

 

“ไม่!”

 

“บึม!”

 

“โง่เขลา หากไม่ใช่เพราะนาง เจ้าจะสามารถมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้งั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้มองเต๋จูอย่างเย็นชาก่อนจะจากไป

 

คนรักของเขาจากไป

 

“เต๋จู เราเข้ากันไม่ได้ จบกันที่นี่เถอะ”

 

เต๋จูเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ถูกต้อง ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษขณะที่เจ้าเป็นบุตรสาว ของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเหยา”

 

“ไม่ นั่นไม่ใช่ปัญหา เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ? เต๋จู ตัวเจ้าคือเหตุผล! เจ้าค้นคว้าความลึกลับ ของกำแพงภูมิภาคทุกวัน เจ้าใช้เวลากับข้ามากเพียงใด? ถามตัวเจ้าเอง เจ้าห่วงใยข้าบ้างหรือ ไม่? เจ้ารักงานวิจัยของเจ้ามากกว่าข้า!” ผู้อมตะหญิงสะอื้นให้

 

เต๋จูพูดไม่ออก

 

ผู้อมตะหญิงเช็ดน้ำตาและมองเต๋จู “นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะถามเจ้า เจ้าต้องการข้าหรืองานวิจัยของเจ้า?”

 

เต่จูก้มศีรษะลง

 

ผู้อมตะหญิงเดินเข้าไปหาเขา “อยู่กับข้า แต่งงานเข้าสู่ตระกูลเหยา เราจะอยู่ด้วยกันและมีลูกของเราอย่าคิดเกี่ยวกับกำแพงภูมิภาคอีก ตระกูลเหยาจะจัดหาทรัพยากรทั้งหมดที่เจ้าต้องการ มีท่านพ่อของข้าอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือความยากลำบากใดๆ ที่รัก…”

 

คำกล่าวของผู้อมตะหญิงทำให้หัวใจของเต๋จูสั่นไหว

 

เขามองนางก่อนจะค่อยๆก้าวถอยหลังราวกับถูกผลัก

 

“ข้าข้า…” เขากำหมัด กลืนน้ำลาย เขาต้องการกล่าวบางคำแต่ไม่สามารถกล่าวมันออกมา

 

เขาไม่ต้องการโกหกคนรัก เขาไม่ต้องการโกหกตนเอง

 

ใบหน้าของผู้อมตะหญิงซีดลงเรื่อยๆ

 

ในที่สุดความหวังในดวงตาของนางก็สูญหายไป

 

นางเผยรอยยิ้มบาง

 

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางก่อนที่นางจะหันหลังกลับและบินจากไป

 

ไม่นานหลังจากนั้นตระกูลเหยาก็ประกาศการแต่งงานระหว่างผู้อมตะหญิงผู้นี้กับผู้อมตะจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้อีกผู้หนึ่ง

 

“เต๋จูช่างโง่เขลานัก เพื่อค้นคว้าความลับที่ไร้สาระ เขากระทั่งล้มเลิกการแต่งงานครั้งนั้น!”

 

“เขาเป็นคนบ้า ข้ามักเห็นเขาไปที่กำแพงภูมิภาคเพื่อทำวิจัยเสมอ เขามักได้รับบาดเจ็บและอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ”

 

คืนวันแต่งงานของผู้อมตะหญิง เต๋จุอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง เขากำลังมองค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ที่อยู่ด้านหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

มันเป็นค่ายกลวิญญาณระดับสองเท่านั้น แต่นี่เป็นงานวิจัยตลอดชีวิตของเขา

 

เขามองมันและคิดถึงผู้อมตะหญิง รอยยิ้มของนางช่างงดงาม

 

เขาหัวเราะกับตนเองด้วยเสียงที่แหบแห้ง

 

เขายังค้นคว้าต่อไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

 

ความพยายามทั้งหมดของเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์ ธรรมชาติที่ดื้อรั้นของเขาทำให้เขาได้รับความสำเร็จบางอย่าง

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเหยามาหาเขาและสอบถาม “ข้าได้ยินมาว่างานวิจัยของเจ้ามีความคืบหน้าเมื่อเร็วๆนี้งั้นหรือ?”

 

“ข้าค่อนข้างโชคดี” เต๋จูเย้ยหยัน “ท่านมาที่นี่เพื่อแย่งชิงงานวิจัยของข้างั้นหรือ?”

 

ชายชราส่ายศีรษะ “เจ้าพึ่งกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ข้าไม่ต้องการรังแกเด็กที่อ่อนแอ

 

เต๋จุกล่าวเสียงเย็น “ท่านอาจสามารถหลอกเด็กไร้เดียงสา แต่อย่าหวังว่าจะสามารถหลอกลวงข้า!”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเหยายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ข้ายอมรับ” เขาถอนหายใจ “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดได้จริงๆ หากข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้ากับบุตรสาวของข้าอย่างลับๆ ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าและทำทุกวิถีทางให้พวกเจ้าสองคนได้อยู่ด้วยกัน แม้เจ้าจะหมกมุ่นกับสิ่งนี้หรือกระทั่งเจ้าจะไม่สามารถมอบความสุขให้กับบุตรสาวของข้า ข้าก็ยังจะทำมันเพื่อประโยชน์ของตระกูลเหยา”

 

เมื่อคิดถึงหญิงคนรัก สายตาของเต๋จูกลายเป็นมืดมน

 

“อย่างไรก็ตาม…” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเหยากล่าวเสริม “ข้าจะไม่อนุญาตให้ เจ้าค้นคว้าความลับของกำแพงภูมิภาคต่อไป”

 

การแสดงออกของเต๋จูกลายเป็นเย็นชามากขึ้น “ท่านคิดว่ามันจะสร้างความโกลาหลและสงครามห้าภูมิภาคนั้นหรือ? ข้อแก้ตัวเดิมๆ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าการถอดรหัสความลับของกำแพงภูมิภาคจะนำความรุ่งโรจน์มาสู่โลกใบนี้ กำแพงภูมิภาคเป็นอุปสรรคใหญ่ของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างห้าภูมิภาค หากมันหายไป ผู้อมตะจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เราจะสามารถแบ่งปันความรู้แก่กันและกัน”

 

“แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามมีมากกว่า ถูกต้องหรือไม่?” ชายชราขัดจังหวะ

 

เต๋าจูเงียบและไม่สามารถโต้แย้ง

 

ห้าภูมิภาคมีความแตกต่างกันมากเกินไป เมื่อกำแพงภูมิภาคหายไป ความสมดุลจะพัง ทลายลง

 

“ท่านมาที่นี่เพื่อหยุดข้างั้นหรือ?” เต๋จูหัวเราะ “ท่านรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”

 

ชายชรากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าต้องยอมรับว่าการฆ่าผู้อมตะระดับแปดมีความเสี่ยงสูง มันยากสำหรับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“หากมีทางเลือก เราก็ไม่ต้องการต่อสู้ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อบอกความลับแก่เจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเก็บมันเป็นความลับหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับมันเรียบร้อยแล้ว”

 

“เหตุใดข้าต้องฟังท่าน?” เต๋จูหัวเราะ

 

ชายชราหัวเราะเช่นกัน เพราะความลับนี้เกี่ยวกับกำแพงภูมิภาค เจ้าไม่อยากรู้งั้นหรือ?”

 

เต๋จูถูกล่อลวงทันที

 

ชายชรากล่าวต่อ “ความลับนี้อาจโหดร้ายต่อเจ้า ในอนาคตเส้นโลหิตปฐพี่จะรวมห้าภูมิภาคเป็นหนึ่ง กำแพงภูมิภาคจะหายไปด้วยตัวของมันเอง”

 

“อันใด!?” เต๋จูตกใจมาก

 

นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก ความลับนี้ทำลายเป้าหมายทั้งชีวิตของเต๋จู

 

กำแพงภูมิภาคจะหายไปในอนาคต แล้วงานวิจัยของเขา? เขาทำงานหนักมาตลอดชีวิต เขาเสี่ยงอันตรายและยอมแพ้ต่อคนรัก เขาเสียสละทุกสิ่งเพื่อมัน แต่ความลับนี้กลับเย้ยหยันเขาอย่างโหดร้าย

 

“เป็นไปไม่ได้ ท่านโกหกข้า!” เสียงของเต๋จูกลายเป็นตื่นตระหนก

 

“นี่คือมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพที่เราได้รับมาก แม้เจ้าจะไม่เชื่อข้า แต่เจ้าจะไม่เชื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพด้วยงั้นหรือ?”

 

ชายชรายิ้ม “นอกจากนี้เจ้ายังค้นคว้าเกี่ยวกับกำแพงภูมิภาคและเส้นโลหิตปฐพีมาทั้งชีวิต เจ้าจะไม่รู้สึกถึงบางสิ่งได้อย่างไร? งานวิจัยของเจ้าควรจะสามารถพิสูจน์ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต ถูกต้องหรือไม่?”

 

เต๋จูก้มศีรษะลงด้วยความกังวล

 

แม้ชายชราจะดูใจดีแต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนเลือดเย็นและโหดร้าย

 

ชายชราหันหลังกลับและกล่าวก่อนจะจากไป “อย่าค้นคว้าเกี่ยวกับกำแพงภูมิภาคอีก มันจะหายไปเองในอนาคต งานวิจัยของเจ้าไร้ความหมาย”

 

“แน่นอนว่าเจ้าสามารถดำเนินการต่อ แต่ข้ามั่นใจว่าในเวลาที่เจ้าประสบความสำเร็จ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะร่วมมือกันกำจัดเจ้า”

 

“นี่คือทั้งหมดที่ข้าต้องการกล่าว เต๋จู คิดให้ดี”

 

เต๋จูยืนนิ่งด้วยความมึนงงอยู่ที่เดิม

 

ทุกอย่างเหมือนความฝัน

 

ปัจจุบันเต๋จูเสียชีวิตขณะที่เจตจำนงของเขาถูกจับโดยฟางหยวน

 

แม้มรดกของเขาจะถูกพรากไปแล้ว แต่คำกล่าวของฟางหยวนส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เจตจำนงของเต๋จูหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

 

หลายปีหลังจากร่างหลักของเขาฟื้นตัวจากผลกระทบทางจิตใจ เขาตระหนักถึงมันเช่นกัน

 

“แม้สุดท้ายข้าจะล้มเหลว แล้วอย่างไร?”

 

“แม้กำแพงภูมิภาคจะหายไปในอนาคต แล้วอย่างไร?”

 

“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการทำ!”

 

“ทุกคนสามารถเรียกข้าว่าคนบ้า เรียกข้าว่าคนโง่ เรียกข้าว่าคนดื้อรั้น…”

 

“แต่ข้ายังต้องการทำมัน!”

 

“นี่คือชีวิตของข้า”

 

“นี่คือความหมายในชีวิตของข้า”

 

เจตจำนงของเต๋จรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็นทัศนคติของฟางหยวน “ฟางหยวน ข้าจะมอบ มรดกที่แท้จริงของข้าให้เจ้า ข้าจะมอบความหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ให้เจ้าเช่นกัน!”

 

“ร่างหลักของข้าไม่มีพลังการต่อสู้ นั่นคือความเสียใจของเขา แต่ข้ารู้สึกว่าหากข้ามอบมรดก ที่แท้จริงนี้ให้เจ้า ความเสียใจทั้งหมดของร่างหลักจะถูกเติมเต็ม! เจ้าคือผู้สืบทอดสวรรค์ประทานอ ย่างแท้จริง!”

 

ริมฝีปากของฟางหยวนยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มมั่นใจ

 

“เช่นนั้นข้าก็จะรับมรดกที่แท้จริงของเจ้าและมาทำให้โลกตกตะลึงด้วยกัน!”