บทที่ 2719 การชดเชยที่ตี้ฝูอีต้องการ 3
ชัดเจนยิ่ง เนื่องจากเรื่องราวในอดีตเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น เรื่องราวบางส่วนในภายหลังจึงเปลี่ยนไปด้วย
เรื่องที่กู้ซีจิ่วถูกวังน้ำวนสูบเข้าไป ก็อยู่เหนือความคาดหมายของตี้เฮ่าเช่นกัน
เมื่อไม่มีวิธี ก็ได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว
เขาตามหาดุจแมลงวันไร้หัวอยู่หลายวัน จู่ๆ วันหนึ่งก็ได้ยินเสียงกระซิบของกู้ซีจิ่วแว่วๆ “ฝูอี ข้าคิดถึงท่านแล้ว”
เสียงนั้นแผ่วหวิวเลือนรางอย่างยิ่ง ราวกับสายลมที่พัดผะแผ่วผ่านหู คล้ายฝันคล้ายมายา หากไม่ตั้งใจ ไม่มีทางได้ยินเลย
หลังตี้ฝูอีพยายามตามหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบเงาร่างของนางผู้เป็นที่รักเลย ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว นี่คือเสียงจากหัวใจของนาง ความคิดคำนึงของนาง…
เขาสามารถรับรู้ถึงความคะนึงหาของนางได้!
ตี้ฝูอีไปยังแท่นสังสารวัฏแห่งนั้นอีกครั้ง ด้านล่างมีโลกมนุษย์มีหลายร้อยล้านดินแดน ทวีปซิงเยวี่ยก็คือหนึ่งในบรรดานั้น
เขาย่อมไม่อาจหลับหูหลับตากระโดดลงไปได้ มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะร่วงไปโผล่ที่ใด
โชคดีที่เขาสามารถรับรู้กระแสความคะนึงของนางได้ ขอเพียงนางคิดถึงเขาอีกหลายๆ ครั้ง เขาก็สามารถทำพิธีกำหนดตำแหน่งของนางบนแท่นสังสารวัฏได้…
แน่นอน การทำพิธีนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก การควบคุมค่ายอาคมยิ่งสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากกว่า ตี้ฝูอีเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น จึงปักหลักอยู่บนแท่นสังสารวัฏเสียเลย ทำพิธีทั้งวันทั้งคืน รอคอยเพียงความคะนึงหาของนาง…
ผลคือ เขาจับเจ่าอยู่บนแท่นสังสารวัฏแห่งนั้นถึงหนึ่งเดือน พวกไป๋เจ๋อ คุนเสวี่ยอี๋ล้วนรู้สึกว่าวิธีปักหลักรอคอยของเขาบ้าบิ่นเกินไปแล้ว เพียงแต่ในขณะที่เขาจวนจะสิ้นหวังแล้ว ในที่สุดก็จับกระความคะนึงหาของนางได้อีกครั้ง…
จากนั้นจึงจับตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ทิ้งพิกัดเอาไว้ แล้วลากลูกชายที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้างตลอดทั้งคืนกระโจนลงไป
ในที่สุดเขาก็หวนคืนสู่ทวีปซิงเยวี่ยได้ตามปรารถนาแล้ว ยังไม่ทันได้พักหายใจ คิดวางแนวทางในการตามหาภรรยา ไม่ทราบว่าตี้เฮ่าไปพูดคุยกับผู้ใดมาสองสามประโยค พอทราบถึงวันเวลาปัจจุบันของทวีปซิงเยวี่ย เด็กคนนี้ก็รบเร้าให้เขาช่วยเหลือพวกจิ้งจอกน้อยกับเยี่ยนเฉินอย่างกระวนกระวายใจยิ่ง…
อีกทั้งช่วงหลังก็ยุ่งวุ่นวายอีก เขาจึงไม่ทันได้พักผ่อนเลย สามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ก็แข็งแกร่งมากแล้ว!
ตี้ฝูอีบอกเล่าอดีตออกมาพอสังเขป กู้ซีจิ่วรู้สึกตื้นตัน เขาพยายามเพื่อเธอเกินไปแล้วจริงๆ!
เธอกอดแขนเขาไว้ ขณะที่กำลังจะเอ่ยอันใด ตี้ฝูอีก็หรี่ตามองเธอแล้ว “ระยะเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะคิดถึงข้าแค่สองครั้งเท่านั้น!” ทำเอาเขาแทบนึกว่านางความจำเสื่อมไปอีกแล้ว
“จะเป็นไปได้ยังไง?” กู้ซีจิ่วท้วง “ข้าคิดถึงท่านแทบทุกวัน เพียงแต่สะกดเอาไว้ในใจตลอดเท่านั้น”
“ข้าได้รับแค่สองครั้ง” ตี้ฝูอีจ้องนางอย่างไม่พอใจ “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้ชอบข้ามากขนาดนั้น…”
พูดอะไรอย่างนั้น!
เธอถูกปรักปรำยิ่งกว่าเดิม เธอชอบเขาจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว!
เธอแค่ยุ่งเกินไป อีกทั้งยังรู้ว่าเขาไม่อาจมาได้ในชั่วขณะ จึงกดความคิดถึงไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ น้อยมากที่จะเอ่ยออกมา มีเพียงช่วงเวลาที่คิดถึงอย่างสุดซึ้งซ้ำยังไม่มีผู้คน ถึงจะอดใจไม่อยู่รำพึงรำพันกับจันทราอยู่ภายในเรือนประโยคสองประโยคเท่านั้น…
เธอใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ดูเหมือนเธอจะเคยรำพันอยู่ใต้จันทราสองครั้ง!
ที่แท้เขาก็รับรู้ถึงคำพร่ำคะนึงหาของเธอได้ ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก เธอจะรำพึงรำพันอยู่ในเรือนทุกวันเลย!
เธอเอ่ยเหตุผลนี้ออกมา ตี้ฝูอีหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนสิ่งที่เขารับรู้ได้ก็คือสองครั้งนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะนางเอ่ยคำคิดถึงในเรือนของเขาที่เหลืออยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ จึงทำให้เชื่อมกระแสจิตกับเขาได้…
อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่ต้องทราบคือ ตี้ฝูอีไม่ได้คิดจะปล่อยนางไป “ข้าคิดว่าเจ้าสมควรจะชดเชยให้ข้าบ้าง”
“ชดเชยยังไง?” กู้ซีจิ่วยินยอมพร้อมใจ เอ่ยถามอย่างจริงจัง
“คิดเองสิ” ตี้ฝูอีกอดอกเสียเลย ยิ้มมุมปากนิดๆ มองดูนาง
กู้ซีจิ่วนวดหว่างคิ้ว เจ้าคนผู้นี้เริ่มคิดบัญชีย้อนหลังอย่างโอหังแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2720 การชดเชยที่ตี้ฝูอีต้องการ 4
เธอจะชดเชยอะไรให้เขาดีล่ะ?
เธอกลอกตาเล็กน้อย เสนอความเห็น “ข้าจะคืนตำแหน่งเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านก็แล้วกัน”
ตี้ฝูอีเหยียดหยาม “คิดเรื่องที่เข้าท่าหน่อย!” เขาเห็นชื่อเสียงลาภยศเป็นเพียงฝุ่นธุลี ไม่มีทางใส่ตำแหน่งนี้ไม่รู้หรือไง?!
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหว “เช่นนั้น…หาสาวงามสักคนมาปรนนิบัติท่านเป็นอย่างไร?”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็เข้าใจเจตนาของนางแล้ว เขายื่นมือไปเชยคางนางขึ้น ยิ้มอย่างเฉื่อยชา “นอกจากสาวงามนางนี้แล้ว สาวงานคนอื่นผู้ทรงสิทธิ์อย่างล้วนไม่ขอรับไว้!”
กู้ซีจิ่วจึงกอดแขนเขาเสียเลย ถามไปตรงๆ “ท่านต้องการข้าหรือ?”
ตี้ฝูอีเงียบไป
เขาย่อมต้องการนาง แต่ว่า ไม่ได้ ลูกสำคัญกว่า! เขาต้องอดทน…
แต่ก็ยังต้องการสิ่งชดเชยอยู่ มิเช่นนั้นเขาจะเสียเปรียบเกินไป!
ดังนั้นเขาจึงเขยิบเข้าหานางเล็กน้อย “แม่โฉมงาม เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสงวนท่าทีบ้างนะ พวกเรายังอยู่ด้วยกันอีกนาน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในตอนนี้”
ที่แท้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการเธอ…
กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เขา…
ในที่สุดเธอก็เปิดฉากแล้ว จะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน!
ตี้ฝูอีหลับตาลงอย่างพึงพอใจ รอให้ริมฝีปากแดงของเธอทาบทับลงมา ผลคือริมฝีปากของเธอหยุดลงในระยะที่ห่างจากปากเขาศูนย์จุดศูนย์สองมิลลิเมตร จากนั้นก็หักเลี้ยว จุมพิตลงบนแพขนตาของเขา “เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
ตี้ฝูอีลืมตาขึ้น มองเห็นรอยยิ้มที่เย้าหยอกของนาง
นางจงใจ!
เขาก็ยิ้มเช่นกัน ใช้มือแตะริมฝีปากของตน “มาแสดงความจริงใจหน่อยสิ!”
กู้ซีจิ่วยิ้มละไม “ที่แท้ก็อยากให้ข้าเป็นฝ่ายจูบท่านก่อนนี่เอง จริงๆ เลยนะ ท่านอยากได้ก็บอกแต่แรกสิ ท่านไม่พูดแล้วข้าจะเดาออกได้ยังไง…”
ขณะที่เธอกำลังพูดพล่ามอยู่ ก็เคลื่อนเข้ามาหา กำลังจะเอ่ยท่อนหลังอีกสองสามประโยค ตี้ฝูอีก็ทนไม่ไหวแล้วเข้าขัดขวางเธอ โดยใช้ปาก…
หลังจากจุมพิตกันไปครั้งหนึ่ง หัวใจของทั้งสองล้วนเต้นแรงขึ้นมาหายใจถี่กระชั้น ค่อนข้างมีอารมณ์ยิ่งนัก ปรารถนาจะโถมเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างยิ่ง
แต่เพื่อลูก…
ยังคงต้องอดทน
ภายในห้องค่อนข้างเงียบเชียบไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสอง
ความเงียบงันเช่นนี้ทำให้เกิดความกระอักกระอวนขึ้นมาได้ง่ายดายยิ่ง กู้ซีจิ่วจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปเสีย เลือกหัวข้อบางอย่างที่ปลอดภัย “ฝูอี ชาวดาวจิ้งจอกครามก่อกรรมทำชั่วกับทวีปซิงเยวี่ยไว้มากมาย สังหารประชาชนไปนับไม่ถ้วน จะปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
เธอไม่ใช่แม่พระ ไม่อาจใช้รอยยิ้มสยบแค้นได้ เธอไม่ยินดีจะปล่อยคนเหล่านี้ไปเช่นนี้!
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิด ถอนหายใจเบาๆ “ซีจิ่ว มิใช่ว่าข้ามีใจเมตตา แต่ชาวดาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นไม่อาจอยู่ที่ทวีปนี้ต่อได้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นตามกาลเวลา”
“หือ?”
ตี้ฝูอีจึงแถลงไขให้นางกระจ่างยิ่งขึ้น “เมื่อก่อนทวีปซิงเยวี่ยไม่เคยมีคนนอกรุกรานเข้ามาได้เลย มิใช่เพราะโชคหนุนบุญส่งอันใด แต่เป็นเพราะทวีปซิงเยวี่ยมีเขตแดนคุ้มกันที่ถือกำเนิดขึ้นโดยธรรมชาติอยู่ชั้นหนึ่ง เขตแดนคุ้มกันชั้นนี้ทำให้คนนอกไม่มีทางหาที่นี่พบ ดังนั้นทวีปซิงเยวี่ยถึงได้อยู่เย็นเป็นสุข แต่การคงอยู่ของเกราะคุ้มกันนี้มีเงื่อนไขอยู่สองข้อ หนึ่งคือเทพศักดิ์สิทธิ์สืบทอดรุ่นต่อรุ่น สองคือบนทวีปซิงเยวี่ยต้องไม่มีคนนอกอยู่ ”เมื่อหนึ่งปีก่อนเกราะคุ้มกันนี้เกิดทรุดตัวลง ถึงได้ทำให้คนนอกรับสัญญาณของเผ่าจิ้งจอกครามที่ถ่ายทอดออกไปยังนอกโลกได้…หากว่าต้องการซ่อมแซมเกราะคุ้มกันนั้นให้สมบูรณ์ ก็ต้องสังหารคนนอกทั้งหมดหรือไม่ก็ขับไล่ออกไป…”
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแบบนี้ด้วย!
“ไม่ถูกสิ ท่านบอกว่าทวีปซิงเยวี่ยไม่อาจมีคนนอกอยู่ได้ แต่เผ่าจิ้งจอกครามก็เป็นคนนอกมิใช่หรือ? แล้วทำไม…”
“เผ่าจิ้งจอกครามมาถึงทวีปซิงเยวี่ยเมื่อกว่าหมื่นปีก่อนแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีเกราะคุ้มกันนี้เลย ต่อมาเผ่าจิ้งจอกครามฝึกฝนวิถีพลังวิญญาณของทวีปนี้ ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของร่างกาย ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้ ดังนั้นต่อมาเมื่อเกราะคุ้มกันถือกำเนิดขึ้น จึงไม่ได้นับว่าพวกเขาเป็นคนนอกที่ต้องขับออกไป”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
“เช่นนั้นเกระกำบังนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อข้ามาถึงแผ่นดินนี้ได้ไม่นาน”
“คงมิใช่ว่ามันปรากฏขึ้นเพราะท่านกระมัง?”
“เรื่องนี้…มีความเป็นไปได้จริงๆ” ตี้ฝูอีก็มีข้อสงสัยนี้เช่นกัน
กู้ซีจิ่วหมดคำพูดแล้ว ถอนหายใจเบาๆ “แต่ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปเช่นนี้ง่ายดายเกินไป”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง “เด็กโง่ เจ้านึกว่าตอนนี้พวกเขายังเหลืออยู่พร้อมหน้าหรือไง?”
“หา?”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างสบายๆ “ข้าพนันได้เลยว่าคนของพวกเขาเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน