บทที่ 2721 เป็นเดือดเป็นร้อน
“ก่อนที่ข้าจะไล่ตามฟั่นเชียนซื่อมา ได้ทำลายเขตแดนของดินแดนจิ้งจอกครามอย่างสิ้นเชิงแล้ว และทำลายยานรบส่วนใหญ่ของพวกเขาไปแล้ว และได้ติดต่อไปหาพวกมู่เฟิงแล้ว สั่งให้พวกเขารวมตัวกันเข้าโจมตีตอบโต้ได้เลย ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว คาดว่าพวกมู่เฟิงคงลงมือแล้ว กองโจรจากดาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นน่าจะสิ้นชีพไปพอสมควรแล้ว”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ ดีแล้ว! ยังคงเป็นท่านเทพใหญ่ผู้เลิศล้ำ! ที่แท้เขาก็จัดการไว้ก่อนแล้ว
ชาวดาวจิ้งจอกครามที่ไม่มียานรบก็เหมือนพยัคฆ์เฒ่าไร้คมเขี้ยว ไม่ควรค่าให้หวั่นเกรง
เธออดไม่ได้ที่จะมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง “ท่านไม่เคยเห็นยายรบเหล่านั้นมาก่อนเลยกระมัง? ไยจึงทำลายได้รวดเร็วขนาดนี้?”
เดิมทีเธอคิดว่าการทำลายยานรบของตนนับว่ารวดเร็วพอแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะเร็วยิ่งกว่า!
ตี้ฝูอีลูบศีรษะนางเบาๆ “เด็กน้อย รู้สึกว่าสามีเจ้าเก่งกาจยิ่งนักใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เอาเถอะ! ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็เป็นร่างอวตารของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ พอความทรงจำและพลังยุทธ์ทั้งหมดของตี้ฝูอีกลับคืนมา วรยุทธ์นั้นย่อมเหนือชั้นจนน่าพรั่นพรึง เวทวิชาทั้งหมดที่เขาใช้กล่าวได้ว่าครอบคลุมกว้างขวาง บางทีในบรรดานั้นอาจจะมีวิชาที่สามารถทำลายระบบของยานรบได้อยู่ล่ะมั้ง…
เธอถอนหายใจเบาๆ
ดีจริงๆ ที่เขากลับมาแล้ว! ในที่สุดเธอก็สามารถผลักภาระทั้งหมดไปให้เขารับช่วงต่อได้แล้ว เธอจะได้พักผ่อนดีๆ สักที
ง่วงเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วซุกเข้าหาเตียง เอนกายนอนเสียเลย “ข้าจะงีบหน่อย ถึงพื้นแล้วปลุกข้านะ”
ตี้ฝูอีก็ทราบเช่นกันว่านางเหนื่อยล้า จึงห่มผ้าให้นาง “ได้!”
เขาได้ยินความเคลื่อนจากด้านหน้ารางๆ คล้ายว่าสหายเก่าจะมาแล้ว…
ก่อนที่เขาจะก้าวออกประตูไป กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้อีกครั้ง เอ่ยถามเขาประโยคหนึ่ง “ความจริงแล้วพวกมู่เฟิงยังไม่ทราบเรื่องที่ท่านคืนชีพแล้ว พวกเขาได้รับกระแสเสียงจากท่านแล้ว…มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?”
“ตอนแรกไม่เชื่อ ภายหลังถูกข้าด่าไปยกหนึ่ง จากนั้นก็ปิติยินดีจนโง่งมไปเลย ไม่ทราบเช่นกันว่าหัวเราะหรือร่ำไห้ พูดจาก็ติดๆ ขัดๆ”
กู้ซีจิ่วเงียบไป
ช่างบรรยายได้เห็นภาพจริงๆ!
ในไม่ช้านางก็หลับใหลไป ตี้ฝูอีนั่งอยู่หน้าเตียงของนางครู่หนึ่ง จับชีพจรให้นางอีกครั้ง แล้วค่อยก้าวออกไป
จากนั้น เขาก็ได้พบคนคุ้นเคยหลายคน
คุนเสวี่ยอี๋ พวกเฟิงหรูฮั่วองครักษ์ทั้งสี่จากแดนอสุรา ยังมีอวิ๋นเยียนหลีกับเจ้าวังน้อยหูเตี๋ยลูกน้องของเขาด้วย…
อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา!
ทันทีที่คุนเสวี่ยอี๋เห็นเขาก็ยิ้มดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิทันที “นายท่าน ของเล่นนี่เป็นสิ่งของในทวีปซิงเยวี่ยหรือ? ดูน่าประหลาดใจยิ่งนัก” ของเล่นที่เขาเอ่ยถึงก็คือยานรบลำนี้
ตี้ฝูอีมองกวนย่าหนิงแวบหนึ่ง กวนย่าหนิงหดตัวลงเล็กน้อย ในที่สุดก็เอ่ยตอบอ้อมแอ้ม “ของเล่นนี้เป็นของพวกเรา ไม่เกี่ยวข้องกับทวีปซิงเยวี่ย”
คุนเสวี่ยอี๋เบิกตาในทันใด “พวกเจ้าเป็นผู้รุกรานรึ?!”
กวนย่าหนิงไม่กล้าปฏิเสธ เพียงตอบรับเบาๆ ว่า ‘ใช่’
คุนเสวี่ยอี๋แทบจะกระชากคอเสื้อเขาแล้ว “พวกเจ้าช่างใจกล้านักนะ! ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ามารุกรานอาณาเขตของนายท่านของพวกเรา!”
กวนย่าหนิงได้แต่ยกมือยอมแพ้ “ผมผิดไปแล้ว ไม่กล้าอีกแล้วครับ!”
เขามองกำปั้นของคุนเสวี่ยอี๋ที่มีประกายแสงก่อตัวขึ้นมา กลัวว่าเขาจะซัดหมัดเข้าใส่ รีบร้อนอธิบาย “เทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณรับปากแล้วว่าจะปล่อยพวกเราไป คุณ…คุณอย่าอาละวาดนะ!”
“หาซีจิ่วพบหรือไม่?” อวิ๋นเยียนหลีที่ทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา
“แน่นอน ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่ส่วนหลังของยาน” ตี้ฝูอีไม่ปกปิดเรื่องนี้
อวิ๋นเยียนหลีเม้มปาก เขาทราบว่าความปลอดภัยของกู้ซีจิ่วไม่จำเป็นต้องให้เขามากังวลแล้ว
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ไม่เอ่ยวาจาอีก
….
————————————————————————————-
บทที่ 2722 เป็นเดือดเป็นร้อน 2
การกลับมาของคู่สามีภรรยาตี้ฝูอีย่อมสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปซิงเยวี่ย ประชาชนต่างเดือดพล่านขึ้นมา
ส่วนกวนย่าหนิง หลังจากเขาขับยานกลับมา ถึงได้พบว่ากระแสเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนที่เขาถูกตี้ฝูอีบังคับให้ไล่ตามท่านจอมพลไป ก็ไปอย่างไม่ได้หันกลับมามองเลย
ลูกน้องเหล่านั้นของเขาเห็นเพียงว่าเขาถูกท่านเทพใหญ่ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งผู้นั้นลักพาตัวไป ทว่าไม่ทราบว่าถูกพาไปทำอะไร แต่เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะนึกว่าเขาคงไม่ได้กลับมาแล้วแน่นอน…
ท่านจอมพลหนีเอาตัวรอดไปแล้ว ผู้นำลำดับที่สองก็จะคงไม่ได้กลับมาแล้ว ส่วนสองเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งทวีปซิงเยวี่ยก็หวนคืนแล้ว เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็จะไม่มีผลดีต่อพวกเขาเลย!
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงหารือกันเล็กน้อย เตรียมการจะขึ้นยานหลบหนีไปด้วยกัน
เนื่องจากติดพันอยู่ที่มีจำนวนคนมากเกินไป พวกเขาต้องรวมพล ประกาศให้ทราบ แล้วเตรียมการ…
ล่าช้าไปเพียงน้อย คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่พวกมู่เฟิงพามาก็ไล่ล่าสังหารมาถึงแดนเผ่าจิ้งจอกครามแล้ว
และในยามนี้เอง ชาวดาวจิ้งจอกครามถึงได้พบว่าเขตแดนที่อยู่เหนือฐานทัพนี้ได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยอดฝีมือของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์รุกไล่เข้ามา…
ทหารชาวดาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นมีทักษะปืนที่ยอดเยี่ยม มียุทโธปกรณ์สมัยใหม่ที่เลิศล้ำ แต่สมรรถภาพร่างกายของพวกเขาธรรมดามาก เมื่อปะทะกับยอดฝีมือพลังวิญญาณของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่ถืออาวุธแบบเดียวกันแล้ว ไม่มีทางต่อสู้รับมือได้เลย
คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ย่อมชิงชังกองโจรกลุ่มนี้อย่างยิ่ง ลงมืออย่างไร้ซึ่งความปราณี
หลังจากสังหารห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ทหารชาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นก็แทบจะมอดม้วยไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงสิบกว่าคนที่ชิงหนีขึ้นยานรบของบ้านตน หลบหนีไปได้
เมื่อกวนย่าหนิงกลับมาถึง ฐานทัพจิ้งจอกครามก็ถูกยึดครองไว้เบ็ดเสร็จแล้ว ยานรบนับไม่ถ้วนพังเสียหาย ซากศพของทหารชาวดาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นเกลื่อนพื้น ภายในป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดเขาพบลูกน้องที่รอดพ้นจากหายนะมาได้เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี
กวนย่าหนิงปวดใจจนกระอักเลือดออกมาทันที แต่ก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว
เขาถึงขั้นที่ไม่อาจโกรธแค้นตี้ฝูอีได้เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ตี้ฝูอีจะรับปากสัญญากับเขา…
กรรมที่ก่อ สุดท้ายก็ต้องชดใช้
หนี้เลือดก็ต้องต้องล้างด้วยเลือด ตอนนั้นพวกเขาเข่นฆ่าชาวทวีปซิงเยวี่ยอย่างไร ตอนนี้พวกเขาก็ถูกผู้อื่นเข่นฆ่าเช่นนั้น
มาถึงยามนี้พวกกวนย่าหนิงไม่มีอันใดจะเอ่ยแล้ว ทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้พวกเขารั้งอยู่ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมพรรคพวกที่หลงเหลืออยู่ในทวีปซิงเยวี่ย มีทั้งหมดสี่สิบห้าสิบคน เร่งจากไปดั่งควันสายหนึ่ง
ส่วนชาวเผ่าจิ้งจอกคราม เนื่องจากมีคนนอกที่ทราบความจริงที่น้อยนิดยิ่ง มีเพียงคู่เยี่ยนเฉินสามีภรรยาและคู่เทพศักดิ์สิทธิ์สามีภรรยาเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆ ต่างไม่ทราบว่ากองโจรเหล่านั้นถูกเผ่าจิ้งจอกครามดึงดูดมา
ส่วนปัญหาที่ว่าพวกเขาจะอยู่หรือจะไป ตี้ฝูอีได้ไปหาหลานเยวี่ยโดยตรง หลานเยวี่ยก็ซื่อตรงยิ่งนัก บอกเล่าต้นกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดออกมา
เขาบอกว่าบรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกครามมีตำนานเล่าขานกันมาตั้งแต่อดีตจริงๆ บอกว่าพวกเขามาจากดินแดนอื่น แต่เนื่องจากเวลาล่วงเลยมานานเกินไป ทุกคนจึงฟังๆ ไปเท่านั้น ไม่มีใครถือเป็นจริงเป็นจัง สมควรใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ไปอย่างนั้น แต่จู่ๆ ชาวดาวจิ้งจอกครามก็บุกมาที่เผ่าจิ้งจอกคราม ทำให้พวกหลานเยวี่ยตกตะลึง!
โชคดีที่พวกตวนมู่เหยี่ยนเพียงต้องการใช้แดนเผ่าจิ้งจอกครามเป็นฐานทัพเท่านั้น ไม่ได้คิดจะล้างสังหารชาวเผ่าจิ้งจอกคราม เพียงแต่ตวนมู่เหยี่ยนก็มอบเงื่อนไขอย่างหนึ่งให้หลานเยวี่ย จะยอมปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ให้ชาวเผ่าจิ้งจอกครามสร้างฐานทัพให้พวกเขา หรือจะให้พวกเขาล้างบางชาวเผ่าจิ้งจอกคราม
หลานเยวี่ยต้องปกป้องคนในเผ่า จึงเลือกเงื่อนไขแรก ใช้ชีวิตอย่างกล้ำกลืนต่อความอัปยศอดสู
หลานเยวี่ยเป็นประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม ถูกกักตัวไว้ในปราการที่สร้างขึ้นมาหลังนั้น เป็นได้เพียงหุ่นเชิดที่ออกมาร้องป่าวต่อหน้าชาวเผ่าจิ้งจอกครามเป็นครั้งคราว ให้ชาวเผ่าสามารถสงบใจเกื้อหนุนเขตแดนของเผ่าจิ้งจอกครามต่อไป
————————————————————————————-