GGS:บทที่ 983 ลอบโจมตี

ห้าวันต่อมา ข่าวความเคลื่อนไหวในส่วนคลีนิกพิเศษของซูจิ้งหลุดออกมาให้ได้ยินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งตอนที่พาผู้ป่วยที่ยอมรับการรักษาโรคALSได้ถูกพาตัวเข้ามาอย่างลับๆโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
แม้แต่หมอที่รักษาอยู่ในคลีนิกทั่วไปก็ยังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเห็นเพียงซูจิ้งที่มาโรงพยาบาลบ่อยๆในช่วงนี้ ถึงขนาดอยู่ที่นี่ 24 ชั่วโมงต่อวันเลยก็มี ราวกับว่าเขานั้นหมกมุ่นในการรักษานี้มากกว่าใคร
ด้วยความทุ่มเทของเขานี้ทำให้เราผู้คนที่แอบลอบสังเกตต้องเอาไปลือต่อๆกัน
“ฉันไม่รู้เหมือนกันนะว่าการรักษาผู้ป่วยโรคALSนั่นไปถึงไหนแล้ว นี่เขาจะรักษาได้จริงๆเหรอ”
“ฉันได้ยินมาว่าคนป่วยALSที่ร่ำรวยคนนั้นยังไม่ได้รับการรักษานะ เห็นเขาลือกันว่าลูกของเขาพาคนที่มีอาการเดียวกันมาทดสอบการรักษาของหมอซูดูก่อนเพื่อจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ด้วยการที่คนๆนั้นถูกพาเข้าไปอย่างลับๆทำให้ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าคนๆนั้นเป็นใคร”
“ดูเหมือนว่าที่หมอนั่นพูดว่าจะรักษานี่คงจะคุยโวไปหน่อยนะ สำหรับเรื่องนี้กฎหมายก็คงจะทำอะไรไม่ได้ซะด้วยสิ”
“มันก็ค่อนข้างจะเกินไปจริงๆล่ะนะที่มีคนสรรเสริญหมอนั่นว่าเป็นหมอเทวดา”

ตอนนั้นเอง เหล่าผู้คนที่ต่อต้านซูจิ้งก็ได้รวมตัวกันได้มากขึ้น พวกเขาออกมาโวยวายซูจิ้งเรื่องค่ารักษาของคลีนิกพิเศษ และการใช้ความแค้นส่วนตัวในการคิดค่ารักษา
รวมถึงการสร้างเรื่องอย่างการที่ซูจิ้งยอมคุกเข่าเลียเท้าคนรวยและเมินเฉยต่อการรักษาคนจน โดยเรื่องสุดท้ายดูเหมือนว่าคนที่ออกมาโวยวายซูจิ้งจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ มันเป็นคนระด้านกับสิ่งที่ว่าการปล้นคนรวยมาช่วยคนจนเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งยังคงนิ่งเฉยไม่ออกมาพูดอะไรออกมา เขาใช้เวลาตลอดช่วงหลายวันในการทุ่มเทรักษาผู้ป่วยที่มีอาการALSคนนั้นอย่างตั้งใจ
“พี่ฉิว หากว่าฉันเข้าไปแอบถ่ายรูปแบบนี้หากโดนพบตัวเข้าจะไม่ถูกจับหรอกเหรอ” ในลานจอดรถโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุน ฉิวจิงและชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่บนรถ และเป็นชายหนุ่มที่ถามออกมาด้วยท่าทีกระวนกระวายพอสมควร

“เอาน่า ยังไงนายก็ไม่ตายหรอก ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของหมอนั่นเอง เขาคงไม่กล้าทำอะไรที่เสียภาพพจน์อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องกังวลเรื่องหลังจากถูกจับได้หรอกน่า”
“แต่…” ชายหนุ่มยังมีท่าทีกังวลใจ
“เอางี้ เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินให้อีกพันนึง จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปฉันจะไปหาคนอื่นแทนก็ได้” ฉิวจิงพูดออกมาเชิงกดดัน
“ไป ไป ขอผมเตรียมใจในสิ” ชายหนุ่มรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาได้สูดหายเข้าลึกๆก่อนทีหนึ่งก่อนที่จะนำโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และทำการเปิดโปรแกรมสตรีมตามด้วยการสตรีมในทันที

เขาเป็นสตรีมเมอร์คนหนึ่งที่ทำช่องที่มีเนื้อหาหลากหลายแนวอย่างเช่นการผจญภัยนอกสถานที่ คุยกับสาวสวย และเนื้อหาอื่นๆที่ไม่ได้ตายตัวอะไรนัก มีดีบ้างไม่ดีบ้างต่อก็ถือว่ามีผู้ติดตามไม่น้อยเลยเหมือนกัน
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตัวเขาก็มีแฟนพันธุ์แท้เพียงน้อยนิด คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาดูเขาก็เพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ค่อยมีคนส่งของขวัญให้เขาสักเท่าไหร่นัก รายได้จากช่องจึงไม่ค่อยดีนัก
ในครั้งนี้ ฉิวจิง ให้เงินเขาหนึ่งพันหยวนและขอให้เขาเข้าไปถ่ายรูปกระบวนการรักษาผู้ป่วยALSในคลีนิคพิเศษของโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุน หากถ่ายได้สำเร็จเขาจะได้รับเงินอีกสองพันหยวน และหากเพิ่มอีกหนึ่งพันหยวนนี่คือเขาจะได้รวมทั้งหมดเป็นเงินสี่พันหยวน
เงินจำนวนนี้สำหรับเขาแล้วถือว่าเยอะพอที่จะทำให้เขายอมทำเรื่องแบบนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากการสตรีมในครั้งนี้สำเร็จ ช่องของเขาจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เขามีความรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ลางไม่ค่อยดีเลยสักนิด เขาเคยมีความรู้สึกนี้มาแล้วตอนที่เคยเห็นฉากการฆ่าล้างฝูงชนในสงครามโซเวียตมาแล้ว
ความรู้สึกนี้ทำให้เขานั้นกังวลว่าหากซูจิ้งจับเขาได้ อย่าว่าแต่เงินสี่พันหยวนนี้เลย หนึ่งหมื่นหยวนก็ไม่คุ้ม
แค่ตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้แล้ว เขาได้เพี่ยงแต่ภาวนาว่าคงไม่โดนใครจับได้

หากโดนจับได้ก็หวังได้แค่ให้เป็นไปตามที่ฉิวจิงพูดเท่านั้นว่าเขาไม่กล้าทำอะไรที่รุนแรงต่อหน้าการสตรีมโดยเฉพาะในพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน
“งั้นก็ไปได้แล้ว” ฉิวจิงไล่ตะเพิดชายหนุ่มให้ไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย หลังจากผ่านมาห้าวันนับแต่การเริ่มการรักษาผู้ป่วยโรค ALS เขามีความกังวลว่าซูจิ้งจะแกล้งทำเป็นถ่วงเวลาการรักษาเพื่อที่จะรอให้เสียงของผู้คนที่โวยวายซูจิ้งสงบลงไปเองจนกระทั่งลืมเลือนไป
หากว่าคนที่โวยวายซูจิ้งเหล่านี้จะต้องรอต่อไปแบบนี้อีกสิบวันล่ะก็ ฉิวจิงกลัวว่าคนพวกนี้จะเริ่มไม่อยากที่จะใส่ใจเรื่องนี้อีกต่อไป นี่จึงเป็นเหตุผมที่ฉิวจิงเลือกที่จะเป็นฝ่ายรุกซะเองจึงได้จ้างสตรีมเมอร์คนนี้มา

ในเมื่อก่อนหน้านี้ซูจิ้งเคยใช้การสตรีมพิสูจน์ความสามารถด้านการแพทย์ของตัวเองมาแล้ว ในครั้งนี้เขาก็จะใช้สิ่งนี้ในการทำลายชื่อเสียงของซูจิ้งได้เหมือนกัน
“อย่าเพิ่งรีบน่า รอคนเข้ามาดูให้มากกว่านี้ก่อนดีกว่า ไม่ใช่ว่าการสตรีมนี้หากมีคนได้เห็นเยอะไว้จะดีกว่าไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังออกไปถ่ายรูปตามพื้นที่ต่างๆในโรงพยาบาลราวกับพามารีวิวโรงพยาบาลแห่งนี้
นี่ทำให้คนดูเริ่มสนใจและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปจนทำให้มีผู้เข้ามารอชมแล้วอยู่ที่สามหมื่นคนเข้าไปแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นยอดคนดูที่สูงที่สุดเท่าที่เขาเคยทำการสตรีมมา
“สตรีมเมอร์คนนี้กล้าดีแหะที่จะฝ่าเข้าไปในโรงพยาบาลของซูจิ้งแบบนี้”
“ฉันว่าเขาไม่น่าจะเป็นอะไรนะหากโดนจับได้ ได้ข่าวว่าซูจิ้งเองก็เป็นคนดีอยู่นา”
“เหอะ ทำอย่างนี้ยังไงซะไม่โดนจับได้ก็ถือว่าดีกว่าอยู่แล้ว”
“ช่างเป็นความกล้าที่คุ้มค่านัก ให้พวกเราได้เห็นหน่อยเถอะว่าซูจิ้งจะรักษา โรคALS ดั้งไง”
“จะรออะไรอีกเล่า เข้าไปสักที”

เมื่อชายหนุ่มได้เห็นว่าตอนนี้มีผู้ชมที่รอดูการสตรีมของเขาหลายคนแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะเอาโทรศัพท์ที่กำลังถ่ายภาพสตรีมมิ่งอยู่ใส่ไว้หน่อยกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะนำกระเช้าผลไม้มาถือทำทีว่าเป็นการเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยเหมือนโรงพยาบาลทั่วไป
เขาเองก็ได้ศึกษาแผนผังของโรงพยาบาลนี้มาแล้วจนค่อนข้างจะมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว เขาตรงไปยังพื้นที่ชั้นสาม หลบเลี่ยงเส้นทางที่ต้องผ่านกับกลุ่มนางพยาบาล จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้าไปในพื้นที่คลีนิกพิเศษจนได้

พอมานึกถึงว่าพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่พิเศษจริงๆชนิดที่แม้แต่หมอหรือนางพยาบาลสักคนก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนนั่นก็เข้าใจได้ว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีคน
แต่การที่ไม่มีแม้แต่หน่วยรักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่แบบนี้ แน่นอนว่าไม่ยากเลยที่จะมีคนลักลอบเข้ามาสืบความลับได้
“อ้าก อ้าก อ้าก” อยู่ๆในพื้นที่คลีนิกพิเศษก็ได้มีเสียงร้องโหยหวนออกมา
ชายหนุ่มที่แอบเข้าไปแม้แต่ผู้ชมในช่องของเขาในตอนนี้ที่ได้ยินเหมือนกัน ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นจนใจตุ้มๆต่อมๆ
“เข้าไปอีก เข้าไปอีกเซ่”
“นั่นมันเสียงร้องไม่ใช่เหรอ ช่างโหยหวนยิ่งนัก”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นผลมาจากการทดลองรักษาที่ไม่ได้รับการยอมรับจริงๆสินะ”
“แค่ได้ยินก็หลอนจนไม่อยากจะเห็นแล้ว”
“คนชั่วเลยที่เอาคนยากจนมาทดลอง”
ชายหนุ่มสตรีมเมอร์ไม่ได้ว่าอะไรออกมา เขาทำเพียงกลั้นใจก่อนที่จะเดินเข้าไปเพื่อหาต้นตอเสียง

ในขณะเดียวกัน ซูจิ้งและลูฉินหมิง กำลังทำการตรวจประเมินการรักษาคนไข้ โรคALS ทั้งสองคนที่ลูกชายของคนไข้รายแรกพามาอยู่ในพื้นที่คลีนิกพิเศษ ทันใดนั้นซูจิ้งหันไปมองยังทิศทางที่น่าจะเป็นประตูทางเข้าพื้นที่คลีนิกพิเศษพร้อมทั้งใบหูที่กำลังกระดิกราวกับได้ยินอะไรบางอย่าง
“ฮืม มีอะไรเหรอ” ลูฉินหมิงที่เห็นท่าทางของซูจิ้งก็ได้ถามออกมา
“ไม่มีอะไรครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามีใครบางคนได้เข้ามายังพื้นที่คลีนิกพิเศษของเขา และยังรู้อีกว่าคนๆนี้กำลังทำการสตรีมมิ่งผ่านกล้องโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ

ด้วยทักษะการได้ยินและกระแสจิตที่เขาคอยปลดปล่อยออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าคนที่ก้าวร่วงเข้ามาในพื้นที่ของเขาจะเงียบเฉียบขนาดไหน แต่การที่จะรอดพ้นไปจากการรับรู้ของเขานั้นคงเป็นไปได้เพียงความฝันเท่านั้น อย่าว่าแต่คนเลย หากเขาตั้งในจะตรวจสอบจริงๆล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นนก หนู หรือมด เขาก็ยังรู้ว่ามีกี่ตัว
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งไม่ได้สนใจว่าคนที่แอบเข้ามาจะใกล้เข้ามาถึงพวกเขาแม้แต่น้อย เหตุผลที่เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็เพียงเพราะว่าเขาเกรงว่าคนไข้จะเครียดเกินไปหากต้องอยู่ท่ามกลางความสนใจจากชาวโลกก็แค่นั้น
ด้วยการที่ โรคALS นี้ไม่ใช่โรคที่จะรักษาได้ทั่วไป และแน่นอนว่าการรักษาของเขาในแต่ละครั้งต้องห้ามผิดพลาดเป็นอันขาด
แต่การรักษาผู้ป่วยรายนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว เขาเองก็ว่าจะประกาศให้ผู้คนรับรู้ได้พอดี แต่ในเมื่อมีคนอยากจะเสนอตัวซะขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาก็ยินดีที่จะปล่อยเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นจัดการ

ชายหนุ่มสตรีมเมอร์ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองถูกเจอตัวแล้ว เขาตรงมายังหน้าต่างห้องผู้ป่วยคลีนิกพิเศษอย่างเงียบเฉียบที่สุด
เขาค่อยๆเปิดหน้าต่างออกอย่างระมัดระวังก่อนที่จะหยิบมือถือที่กำลังสตรีมมิ่งอยู่มาไว้ในมือก่อนที่จะถ่ายออกไปให้ผู้ชมเห็นบรรยากาศในห้องอย่างช้าๆ
ทันทีที่ทุกคนได้เห็นสถานการณ์ภายในห้องพักแห่งนี้ ชายหนุ่มและผู้ชมต่างก็ตกตะลึงและสับสนไปพร้อมๆกัน