เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนเห็นสถานการณ์ตรงหน้าพลันรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา ความกังวลใจเมื่อครู่ก็พลอยหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
ทั้งสองเดินไปข้างหน้า ทักทายกับฉู่เหวินเจี๋ยแล้วก็พูดกำชับฉู่เหยาครู่หนึ่ง
จากนั้นก็ไปหาเมิ่งชิงที่ถูกครอบครัวตระกูลเมิ่งห้อมล้อมไว้ ต่างบอกให้เขาระวังตัวและรีบกลับมา
“พี่โยวเอ๋อร์ พี่อี้เซวียน” เมิ่งชิงยังคงขานเรียกเหมือนสมัยเด็กๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยื่นมือออกไปตบไหล่เขาเบาๆ “พี่จะรอเจ้านำชัยชนะกลับมานะ”
เมิ่งชิงยิ้มพยักหน้า ให้สัญญาอย่างหนักแน่นว่า “วางใจเถอะขอรับ ข้าจะกลับมาโดยเร็วขอรับ”
เมื่อถึงเวลา นายทัพเริ่มเคลื่อนขบวน หลังจากมองดูกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจากไป หวงฝู่อี้เซวียนก็เข้าวังทันที ส่วนครอบครัวตระกูลเมิ่งก็ไปหมู่บ้านนอกเมือง อ๋องฉีและพระชายาฉีเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีเพียงหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่รุ่ยสองคนที่มา จึงถามขึ้นว่า “เย่ว์เอ๋อร์ล่ะ”
“เมื่อคืนเย่ว์เอ๋อร์เป็นหวัด ไม่ค่อยสบาย จึงพักอยู่ในจวนเจ้าค่ะ” หวงฝู่สือเมิ่งตอบ
พระชายาฉีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวล รีบสั่งคนม้าเร่งม้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงจวนได้เร็วขึ้น
หลังจากถึงจวน ทุกคนก็ลงจากรถม้า อ๋องฉีและพระชายาฉีเดินสาวท้าวไปที่เรือนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ เมิ่งเชี่ยนโยวหวงฝู่สือเมิ่ง และหวงฝู่รุ่ยตามหลังไป
เมื่อเดินถึงหน้าห้อง อ๋องฉีก็หยุดฝีเท้าลง พระชายาฉีผลักประตูเข้าไป พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “เย่ว์เอ๋อร์ ทำไมเจ้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ เมื่อเห็นเตียงที่ว่างเปล่าก็ชะงักลง จากนั้นก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “เย่ว์เอ๋อร์ล่ะ”
เมื่อนางพูดจบ อ๋องฉีก็เดินสาวเท้าเข้ามาในห้อง เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ขมวดคิ้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวและอีกสองคนที่เดินตามหลังมาเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ชะงัก
“เย่ว์เอ๋อร์ล่ะ พวกเจ้าบอกว่าเย่ว์เอ๋อร์ไม่สบายนอนอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ แล้วนางล่ะ” พระชายาฉีหันกลับไปถามเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก เดินไปข้างเตียง ยื่นมือไปสัมผัสฟูกที่ไร้ซึ่งความอุ่น นัยน์ตาแสดงความฉุนเฉียว ลุกขึ้นยืน ครั้นกำลังจะสั่งชิงหลวนให้เรียกคนดูแลบ้านมา หวงฝู่สือเมิ่งก็เห็นจดหมายบนโต๊ะ นางเดินไปหยิบขึ้นมา เมื่อเห็นเนื้อหาและอ่านอย่างละเอียดแล้ว นางก็ร้องตกใจ “ท่านแม่ เย่ว์เอ๋อร์ไปชายแดนพร้อมกองทัพแล้วเจ้าค่ะ”
ลำตัวพระชายาฉีอ่อนเปลี้ยไปหมด จนนางยืนไม่ไหว อ๋องฉีจึงยื่นแขนไปประคองนางไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา หวงฝู่สือเมิ่งรีบนำจดหมายส่งให้นาง แต่เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันได้อ่าน ก็ถูกพระชายาฉีหยิบไป อ่านได้ความว่า
‘ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อพวกท่านเห็นจดหมายฉบับนี้ ข้าแอบหนีออกไปชายแดนพร้อมกับกองทัพแล้ว ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องโกรธที่ข้าทำเช่นนี้ แต่ข้าอยากออกไปดูเจ้าค่ะ ได้โปรดให้อภัยความเอาแต่ใจของลูกด้วยเถอะ และได้โปรดวางใจ ข้าจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่เป็นอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ แล้วก็ขอท่านพ่อและท่านแม่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านปู่และท่านย่าด้วยนะเจ้าคะ บอกพวกท่านว่าเย่ว์เอ๋อร์จะกลับมาโดยเร็ว ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ’ สุดท้าย ข้างล่างยังเขียนหมายเหตุไว้เล็กๆ ว่า ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะไม่เข้าไปอยู่ในกองทัพ ดังนั้นไม่ต้องส่งคนมาตามหาข้านะเจ้าคะ’
ปิดท้าย เย่ว์เอ๋อร์
เมื่ออ่านจบ พระชายาฉีก็เงยหน้าขึ้น พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “โยวเอ๋อร์ เร็วเข้า ให้องครักษ์ลับรีบไปตามเย่ว์เอ๋อร์กลับมา นางอายุยังน้อย หากพบคนไม่ดีแล้วเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งไม่ขยับ
อ๋องฉีออกคำสั่งว่า “ไป รีบตามท่านหญิงน้อยกลับมาเดี๋ยวนี้”
มีคนขานรับ และกำลังจะเดินจากไป เมิ่งเชี่ยนโยวก็ห้ามไว้ “เสด็จพ่อ ช้าก่อนเจ้าค่ะ”
อ๋องฉีมองไปที่นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ในเมื่อเย่ว์เอ๋อร์อยากออกไปเผชิญโลก ก็ปล่อยนางไปเถอะเจ้าค่ะ”
“มิได้” พระชายาฉีโต้กลับเสียงสูง “เย่ว์เอ๋อร์ยังเด็ก ไม่รู้ว่าข้างนอกอันตราย หากเจอคนร้ายเข้า จะทำอย่างไร” พูดจบก็เร่งอ๋องฉี “เร็วเข้า สั่งคนไปตามเย่ว์เอ๋อร์กลับมา”
“เสด็จแม่” เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ห้ามปรามนางอีกครั้ง “ในเมื่อเย่ว์เอ๋อร์มีความคิดเช่นนี้ แม้เราจะตามนางกลับมาวันนี้ วันข้างหน้าหากมีโอกาสอีก นางก็จะหนีออกจากจวนไปอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราปล่อยให้นางได้ทำตามความต้องการไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ นางอยากตามกองทัพไป ก็ให้นางไปเถอะเจ้าค่ะ หากพบเจออุปสรรคอะไร นางก็จะกลับมาเอง”
พระชายาฉีจะพูดอะไรขึ้นอีก อ๋องฉีกลับเอ่ยปากขึ้นก่อน น้ำเสียงเคร่งขรึม ถามเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความน่าเกรงขามว่า “เจ้าคิดดีแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “แต่ไหนแต่ไรมามารดามีเมตตา มักมากด้วยบุตรล้างผลาญ แต่เย่ว์เอ๋อร์ถูกประคบประหงมเลี้ยงดูแต่เล็ก ไม่รู้ถึงภัยอันตรายและความลำบากภายนอก การได้ออกไปเผชิญโลก ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายเจ้าค่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่คนในครอบครัวมีความเห็นที่แตกต่างกันในการเลี้ยงดูลูก
สายตาอ๋องฉีเยือกเย็น จ้องเขม็งไปที่นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หลบสายตา แววตาแน่วแน่ มุ่งมั่น ไม่ไหวติง
ผ่านไปครู่หนึ่ง อ๋องฉีก็มองกลับมา พูดกับพระชายาฉีด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโมโหว่า “ไปเถอะ กลับเรือนของเรากัน ต่อไปเราอย่ายุ่งเรื่องของเด็กๆ อีกเลย”
“ท่านอ๋อง!” พระชายาฉีร้องอย่างไม่เห็นด้วย
อ๋องฉียื่นมือไปจับมือนางไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไร ลากนางเดินสาวเท้าออกไป
เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่รุ่ยเห็นอ๋องฉีแสดงท่าทีเช่นนี้กับเมิ่งเชี่ยนโยว พวกเขาตกใจจนยืนนิ่งอยู่ข้างหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไป เห็นสีหน้าของทั้งสองคน ก็ยื่นมือออกมาลูบศีรษะทั้งสอง ยิ้มพูดว่า “แม่แค่มีความคิดเห็นต่างจากท่านปู่เท่านั้นเอง พวกเจ้าอย่ากลัวเลยนะ”
ทั้งสองพยักหน้าเงียบๆ
“เมิ่งเอ๋อร์ เก็บที่นอนเย่ว์เอ๋อร์ให้เรียบร้อย” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง จากนั้นก็เดินออกไป ส่งคนไปส่งข่าวให้หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ในวัง
หวงฝู่อี้เซวียนทราบข่าวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือจากงานทั้งหมด แล้วรีบกลับจวนทันที เมื่อเข้ามาถึงในห้องก็ถามขึ้นว่า “ส่งคนไปตามหาหรือยัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะ “ยัง”
“เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย ข้าจะสั่งคนเดี๋ยวนี้ ไม่เกินสองวัน จะพาเย่ว์เอ๋อร์กลับมา” หวงฝู่อี้เซวียนปลอบใจนาง เมื่อกำลังจะหันหลังเดินออกไปสั่งโจวอันส่งองครักษ์ลับไปตามหา
“ไม่ต้องหรอก ให้นางออกไปเผชิญโลกบ้างก็ดี” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนชะงัก หันกลับไปมองนางอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้า มองตาเขา “เย่ว์เอ๋อร์สิบสามขวบแล้ว ข้าในตอนนั้นก็ดูแลการงานของคนในบ้านทุกคนแล้ว ตอนนั้นเจ้าเองไม่เพียงต้องอดกลั้นความคิดถึงที่มีต่อข้า ยังต้องแบกรับภาระหน้าที่ของจวนอ๋อง เย่ว์เอ๋อร์เป็นลูกสาวของเรา ข้าไม่อยากให้นางเป็นเหมือนคุณหนูในหอสูงอย่างในเมืองหลวงทุกคน ที่เติบโตภายใต้การปกป้องดูแลของผู้ใหญ่ตลอดชีวิต หวังรอแต่ออกเรือนมีลูก มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไร้อุปสรรคขวางกั้นใดๆ ฉะนั้น ครั้งนี้เราปล่อยมือเถอะ ปล่อยตามใจนางให้นางได้สัมผัสประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่งบ้างเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดอะไร มองนางเงียบๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็มองเขาเงียบๆ
ผ่านไปนาน หวงฝู่อี้เซวียนจึงค่อยๆ ยื่นมือที่สั่นเทาออกมา โอบกอดนางไว้ในอ้อมกอด ให้ดวงใจสองดวงใกล้ชิดกันมากขึ้น เมื่อสัมผัสถึงจังหวะหัวใจที่เต้นระส่ำระส่ายอย่างกังวลใจอยู่เช่นกัน เขาก็พูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าพูดถูก ลูกสาวของเราควรออกไปใช้ชีวิตแบบอื่นบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลับตา น้ำตาไหลลงมา ความกังวลใจที่มีมาตลอดนั้นสุดท้ายก็ได้ปลดปล่อยออกมา นางพิงอกของหวงฝู่อี้เซวียนอย่างเงียบๆ
เจียงจิ่นก็ได้ข่าวเช่นกัน นางตกใจใหญ่ รีบส่งคนไปเรียกหวงฝู่อวี้กลับมา แล้วบอกเรื่องนี้แก่เขา
หวงฝู่อวี้ได้ยินดังนั้น ก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรทันที เขาเดินพลางสั่งพลางว่า “สั่งคนไปกั๋วจื่อเจี้ยน บอกว่าในจวนมีธุระ ให้รับเฮ่าเอ๋อร์กลับมา”
เจียงจิ่นไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตาม แล้วสั่งบ่าวรับใช้ไป
หวงฝู่อวี้มาถึงเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน รอหลังจากชิงหลวนรายงานเสร็จแล้วก็เดินเข้าไป ยังไม่ทันยืนนิ่งก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้เรื่องของเย่ว์เอ๋อร์แล้ว ไม่ทราบว่าพวกพี่มีแผนจะทำอย่างไรขอรับ”
ตอนนี้อารมณ์ของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวสงบลงแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น หวงฝู่อี้เซวียนก็ตอบกลับว่า “ข้าเขียนจดหมายให้ท่านน้าแล้ว ให้เขาคอยสังเกตการณ์ในกองทัพ เมื่อใดที่พบเย่ว์เอ๋อร์ในกอง จะรีบส่งข่าวกลับมา”
“ว่าแล้วว่าพวกพี่จะทำเช่นนี้” หวงฝู่อวี้พูดอย่างมั่นใจ “ข้าก็เลยส่งคนไปกั๋วจื่อเจี้ยน เพื่อรับเฮ่าเอ๋อร์กลับมา อีกประเดี๋ยวจะให้เขาเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย และออกตามเย่ว์เอ๋อร์ไป เพื่อคอยคุ้มกันนางตลอดทางขอรับ”
“ไม่เป็นไร เราคาดเดากันแล้วว่า อย่างมากสองวัน เย่ว์เอ๋อร์ก็จะไปหาท่านน้าในค่ายทหาร ถึงตอนนั้นท่านน้าจะจัดแจงดูแลนางเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
หวงฝู่อวี้ส่ายศีรษะ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกพี่ไม่รู้จักลูกสาวตัวเองเลย เจ้าเด็กน้อยเย่ว์เอ๋อร์นั้นมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงเป็นยอด นางจะเดาไม่ได้หรือว่าพวกพี่จะเขียนจดหมายให้ท่านแม่ทัพ จากการคาดเดาของข้า นางอาจจะตรงไปที่ชายแดนทันที หลังจากถึงที่นั่นแล้วค่อยไปหาท่านแม่ทัพ เมื่อนั้น เขาอยากจะส่งนางกลับมาก็ไม่ทันเสียแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวชะงัก พวกเขาทั้งสองคนก็คิดไม่ถึงว่าเย่ว์เอ๋อร์อาจจะตรงไปที่ชายแดนทันที
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคน หวงฝู่อวี้ก็รู้ว่าทั้งสองไม่ได้คิดถึงตรงนั้นจริงๆ เขารู้สึกได้ใจเล็กน้อย พูดต่อว่า “ข้าก็เลยจะส่งเฮ่าเอ๋อร์รีบตามออกไป ไม่แน่ว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ตามเย่ว์เอ๋อร์ทันแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้คอยปกป้องและส่งนางไปชายแดนอย่างปลอดภัย พวกพี่จะได้วางใจด้วยขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะ ปฏิเสธว่า “ไม่ได้ เฮ่าเอ๋อร์ไปไม่ได้”
“ทำไมขอรับ” หวงฝู่อวี้ถามอย่างสงสัย
“เจ้ามีเฮ่าเอ๋อร์ลูกเพียงคนเดียว หากเขาเป็นอะไรขึ้นมา ข้าและพี่ใหญ่ของเจ้าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างตรงไปตรงมา พูดสิ่งที่กังวลในใจออกมาตามตรง
จู่ๆ หวงฝู่อวี้ก็พ่นหัวเราะออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไม่พอใจว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะขอรับ เย่ว์เอ๋อร์ก็ยังเด็กอยู่ พวกพี่ยังไว้ใจให้นางไปเลย แต่เหตุใดลูกชายของข้าจึงไปด้วยไม่ได้ล่ะขอรับ”
“เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ข้ารู้ว่าพี่สะใภ้ไม่ได้หมายความเช่นนั้น พี่สะใภ้ใหญ่แค่คิดว่าเฮ่าเอ๋อร์เป็นลูกในสายเลือดของข้า หากระหว่างที่ออกไปคุ้มกันเย่ว์เอ๋อร์แล้วเป็นอะไรไป พี่สะใภ้และพี่ใหญ่จะไม่สบายใจเอา แต่พี่สะใภ้ใหญ่อย่าลืมไปสิขอรับ ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เฮ่าเอ๋อร์เป็นผู้ชายที่โตที่สุดในเรือน การปกป้องเย่ว์เอ๋อร์พวกนางเป็นหน้าที่ของเขา ไม่ใช่แค่ตอนนี้ ต่อไปเติบใหญ่ขึ้นก็เช่นกันนะขอรับ”