ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 17 ปลอมตัวเป็นผู้ชาย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ไม่นานหวงฝู่เฮ่าก็ถูกรับตัวกลับมา  

 

 

เจียงจิ่นรออยู่ด้านหน้าประตูแล้ว เมื่อหวงฝู่เฮ่าลงมาจากรถม้า ก็พาเขาเข้าไปหาหวงฝู่อี้เซวียนทันที 

 

 

สองแม่ลูกเข้ามาด้านในเรือน หวงฝู่เฮ่าทำความเคารพหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว “คารวะท่านลุง ท่านป้าขอรับ” 

 

 

ทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อย 

 

 

หวงฝู่อวี้พูดขึ้นมาว่า “เฮ่าเอ๋อร์ พี่เย่ว์เอ๋อร์ของเจ้าติดตามท่านแม่ทัพไปยังชายแดน พ่ออยากจะให้เจ้าติดตามนางไป ไปปกป้องนาง เจ้ายินดีหรือไม่” 

 

 

พูดจบ เจียงจิ่นเงยหน้ามองเขา ปากขยับเล็กน้อย ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง  

 

 

ส่วนหวงฝู่เฮ่าหลังจากที่ชะงักไปแล้วตอบพ่อด้วยความเคารพว่า “เรียนท่านพ่อ การปกป้องพี่เย่ว์เป็นหน้าที่ของลูก ลูกยินดีขอรับ” 

 

 

“ดี กลับเป็นเก็บข้าวเก็บของ รีบออกเดินทางเถิด” หวงฝู่อวี้ไม่ได้กล่าวอะไร และไม่ได้สั่งอะไร เพียงแต่สั่งหวงฝู่เฮ่าให้รีบไปดูแลหวงฝู่เย่าเย่ว์ 

 

 

“เซี่ยงกง” เจียงจิ่นอดไม่ได้ จึงพูดออกมา 

 

 

หวงฝู่อวี้มองนางด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่อาจให้ใครมาสงสัยได้  

 

 

เจียงจิ่นอยู่กับเขามาสิบกว่าปี เข้าใจทุกการกระทำของเขา เมื่อเห็นสายตาเช่นนี้ของเขาก็รู้ได้ว่าเขาได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้ คำที่ต้องการปรามเขาถูกกลืนหายไป เปลี่ยนเป็นอีกประโยค “ข้าจะไปช่วยเฮ่าเอ๋อร์เก็บข้าวของเจ้าค่ะ” 

 

 

“ไปเถิด อีกครู่ข้าจะตามไป” 

 

 

สองคนแม่ลูกกลับมายังเรือนของตน เจียงจิ่นจับมือของหวงฝู่เฮ่าเอาไว้ พูดว่า “เฮ่าเอ๋อร์ บอกกับแม่มาตรงๆ เจ้าเต็มใจจะไปชายแดนหรือไม่ หากเจ้าไม่ยินดี แม่จะแอบไปบอกท่านป้าของเจ้าให้ช่วยพูดให้” 

 

 

ในจวนนี้ หวงฝู่อวี้ไม่กลัวอ๋องฉี ไม่กลัวหวงฝู่อี้เซวียน กลัวก็แต่เพียงเมิ่งเชี่ยนโยวเท่านั้น ขอแค่เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดปากพูด ไม่มีทางที่หวงฝู่อวี้จะกล้าขัด 

 

 

หวงฝู่เฮ่ายืดตัวตรง เก็บสีหน้า ตอบอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ ลูกยินดีขอรับ” 

 

 

“เจ้ายินดีจริงหรือ แต่เจ้ายังอายุน้อยอยู่ หากระหว่างทางเจอกับเรื่องอะไรเข้าจะทำเช่นไร” เจียงจิ่นมองลูกชายที่ทำหน้าจริงจังอยู่ตรงหน้า สายตาของนางมีความกังวลและไม่ยินยอม 

 

 

“ท่านแม่ ลูกไม่ใช่เด็กแล้ว หากพบเรื่องใดลูกจะจัดการด้วยอารมณ์สงบ ครานี้ ให้ถือว่าลูกออกไปฝึกฝนนะขอรับ” 

 

 

เจียงจิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กรอบดวงตาแดงก่ำขึ้น 

 

 

หวงฝู่เฮ่าปลอบใจ “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลแทนข้า ลูกจะดูแลตัวเองให้ดีขอรับ” 

 

 

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หวงฝู่เฮ่ายังอายุน้อย ยังไม่เคยจากบ้านไปไกล เจียงจิ่นไม่วางใจ 

 

 

หวงฝู่อวี้เดินเข้ามา เห็นภาพเช่นนี้ จึงพูดว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ได้เตรียมการณ์เอาไว้แล้ว เย่ว์เอ๋อร์และเฮ่าเอ๋อร์จะต้องไม่เป็นอะไร” 

 

 

ในมือของหวงฝู่อี้เซวียนมีองครักษ์มือดีหลายคน อย่างไรเสีย พวกเขาไม่มีทางให้เฮ่าเอ๋อร์เดินทางผู้เดียว เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงจิ่นจึงได้คลายกังวลลงบ้าง ค่อยๆ ช่วยหวงฝู่เฮ่าเก็บข้าวของด้วยสายตาแดงก่ำ 

 

 

หวงฝู่อวี้อยากจะสั่งอะไรบางอย่าง แต่หลายปีมานี้ ตัวเขาเคยได้ไปไกลที่สุดก็เพียงอำเภอชิงเหอเท่านั้น ซ้ำแล้วยังมีองครักษ์มากมายคอยดูแล ไม่มีอะไรจะสั่งเสียจริงๆ จึงได้เดินไปตบบ่าของหวงฝู่เฮ่าเบาๆ พูดว่า “พ่อเชื่อใจเจ้า” 

 

 

หลังหวงฝู่อวี้จากไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนได้ปรึกษากับเมิ่งเชี่ยนโยว ปรับเปลี่ยนคน สั่งให้โจวอันไปเลือกองครักษ์มือดีมา เพื่อคุ้มกันส่งหวงฝู่เฮ่าไปยังชายแดน 

 

 

ทางนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อยดี หวงฝู่สือเมิ่งก็เดินเข้ามา 

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เมิ่งเชียนโยวรู้ว่านางต้องการกล่าวอะไร ขมวดคิ้ว “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าคิดดีแล้วหรือ ระยะทางไปชายแดนแสนไกล ไม่รู้ว่าจักเกิดเรื่องอันตรายอะไรขึ้นบ้าง” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเงยหน้าน้อยๆ ขึ้นมา เพื่อให้หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้านางให้ชัด “ท่านแม่ ข้าเป็นพี่ หน้าที่ดูแลเย่ว์เอ๋อร์เป็นหน้าที่ของข้า ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ เมื่อไรที่ข้าเจอนาง ข้าจะพาตัวนางกลับมาทันที” 

 

 

“เย่ว์เอ๋อร์จากไปโดยไม่บอกกล่าว ท่านปู่ท่านย่าของเจ้ารับเรื่องนี้ไม่ไหว หากเจ้ายังอยากติดตามไป ก็ไปบอกพวกเขาเองเถิด หากพวกท่านยินดี พ่อและแม่ก็ไม่ขัด” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกัดปากตนเองเล็กน้อย หันหลังเดินออกไป 

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าหวงฝู่สือเมิ่งที่น่ารักและเชื่อฟังมาตลอดจะมาขอไปชายแดน หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี  

 

 

และไม่รู้ว่าหวงฝู่สือเมิ่งไปอ้อนวอนขอร้องท่านอ๋องฉีและพระชายาได้อย่างไร ครึ่งชั่วยามต่อมา พระชายาเดินจูงมือหวงฝู่สือเมิ่งมาด้วยดวงตาแดงก่ำ ถามว่า “พวกเจ้าจัดการกันเรียบร้อยแล้วหรือไม่” 

 

 

“เตรียมการณ์เรียบร้อยแล้วขอรับ มีองครักษ์ติดตามตลอดเวลา เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนตอบ 

 

 

พระชายากุมมือของหวงฝู่สือเมิ่งไม่ยอมปล่อย พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้าเป็นพ่อแม่ประเภทใดกัน ลูกสาวจะไปที่ที่อันตรายเพียงนั้น แต่กลับไม่ห้ามปรามกันเลย” 

 

 

ความหมายโดยนัยนั้น หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจแล้ว หมายความว่าจะให้ทั้งสองปรามหวงฝู่สือเมิ่ง ไม่ให้นางไป แต่ว่าทั้งสองได้สัญญาไปแล้วว่า จะกลับคำได้อย่างไรกัน จึงจำต้องแกล้งโง่ แกล้งเป็นไม่เข้าใจความหมายของนาง 

 

 

บอกใบ้ชัดเจนเพียงนี้ทั้งสองยังไม่เข้าใจ พระชายาก็รู้แล้วว่าทั้งสองได้ตัดสินใจไปแล้ว จึงได้จ้องมองทั้งสองด้วยสายตาโหดเ**้ยมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  

 

 

ทั้งสองไม่กล้าปริปาก ก้มหน้าลง หลบสายตานางพร้อมกัน 

 

 

พระชายาจนปัญญา จึงทำได้เพียงเก็บสายตา บ่นเจื้อยแจ้ว สั่งเสียวนไปวนมานานกว่าครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งหวงฝู่สือเมิ่งเกือบจะนำคำพูดของนางมาพูดย้อนกลับได้แล้ว นางจึงได้หยุดลง ไปยังห้องของนางและช่วยนางเก็บของด้วยตัวเอง 

 

 

หวงฝู่เฮ่าเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว หวงฝู่อวี้และเจียงจิ่นพาเขามาบอกลาทั้งสอง เมื่อได้ยินว่าหวงฝู่สือเมิ่งต้องการจะไปด้วย จึงได้ชะงักไป จากนั้นหวงฝู่อวี้ก็ถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกท่านช่างใจกล้าเหลือเกิน เย่ว์เอ๋อร์แอบหนีไปชายแดน พวกเราไม่รู้เรื่องมาก่อน ก็จนปัญญา แต่เหตุใดพวกเจ้าจึงยอมให้เมิ่งเอ๋อร์ไปลำบากที่นั่นด้วย” 

 

 

“ลูกๆ โตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเราห้ามมิได้หรอก” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเบาๆ  

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่ยอม กำลังจะอ้าปากโต้กลับไป แต่เจียงจิ่นแอบดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ บอกเขาว่าอย่าใจร้อนไป 

 

 

หวงฝู่อวี้สูดหายใจลึก และสูดหายใจเข้าไปอีกครั้ง ขอเพียงแค่ไฟในใจมอดดับไปเท่านั้น เย่ว์เอ๋อร์และเมิ่งเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของเสด็จพ่อเสด็จแม่ คนหนึ่งไปยังชายแดน ก็เพียงพอจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงแล้ว หากไปกันทั้งสอง แล้วเสด็จพ่อและเสด็จแม่จะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อคิดถึงตรงนี้ ไฟโกรธในใจก็ไม่สามารถมอดหายไปได้ แต่กลับลุกโชนยิ่งกว่าเดิม พูดเสียงดังและเสียงแข็งเป็นครั้งแรกว่า “ข้าไม่สน พวกเจ้าจะต้องห้ามให้เมิ่งเอ๋อร์ไปด้วย” 

 

 

“เสด็จพ่อและเสด็จแม่ตอบตกลงแล้ว ข้าและพี่ชายของเจ้าจะห้ามได้อย่างนั้นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม 

 

 

หวงฝู่อวี้ชะงักไป ถามย้อนไปว่า “เสด็จพ่อและเสด็จแม่ยินดีให้เมิ่งเอ๋อร์ไป?” 

 

 

“ไม่อย่างนั้นจะเป็นอย่างไรเล่า เจ้าคิดว่าข้าและพี่ใหญ่ของเจ้าตกลงกันเองอย่างนั้นหรือ ตอนนี้วิธีการลงโทษของเสด็จพ่อเชี่ยวชาญขึ้นทุกวัน อย่าว่าแต่พี่ใหญ่ของเจ้าเลย แม้แต่ข้าก็คงมิอาจเลี่ยงได้” 

 

 

เสด็จพ่อและเสด็จแม่ยอมแล้วเช่นนั้นหรือ หวงฝู่อวี้อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก 

 

 

พระชายาช่วยหวงฝู่สือเมิ่งเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมายังเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน เมื่อเห็นข้างของของหวงฝู่เฮ่า ก็ตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้กล่าวห้ามอะไร และสั่งเสียยกใหญ่เช่นเคย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเตรียมจัดยาเอาไว้ แบ่งให้ทั้งสองเก็บเอาไว้ พูดว่า “ยาพวกนี้ พวกเจ้ารู้ดีว่าคืออะไร ข้าก็จะไม่พูดมาก ต้องจำเอาไว้ว่าห้ามมีความคิดจะไปทำร้ายคน แต่ต้องไม่ลืมปกป้องตนเอง” 

 

 

ทั้งสองตอบรับ 

 

 

แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวได้มอบเงินร้อยตำลึงให้พวกเขา จากนั้นก็นำเศษเงินใส่เข้าไปในกระเป๋าของทั้งสอง สั่งว่า “ใจคนโหดร้าย โลกนี้มีคนอยู่ทุกรูปแบบ จำไว้ว่า เงินทองอย่าบอกให้ใครรู้ จะได้ไม่พาเรื่องเดือดร้อนมาหาตัว” 

 

 

ทั้งสองตอบรับ 

 

 

หลังจากสั่งเสียเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินออกจากจวนไป 

 

 

ส่วนอ๋องฉีก็เดินไพล่หลังอยู่หน้าประตู 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งวิ่งไปด้านหน้า โอบแขนของอ๋องฉีไว้ พูดปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านปู่ ท่านมิต้องเป็นกังวลไป ไม่ช้าข้าจะพาเย่ว์เอ๋อร์กลับมาให้ได้เจ้าค่ะ” 

 

 

อ๋องฉีไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ยื่นมือที่สั่นเทามาลูบหัวของนาง ฝืนยิ้มออกมา “รีบไปรีบกลับนะ” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า ปั้นยิ้มออกมา “ข้าไม่เพียงแต่จะพาเย่ว์เอ๋อร์กลับมาด้วย แต่ยังจะเอาของมาฝากท่านปู่ท่านย่าอีกด้วยเจ้าค่ะ” 

 

 

กรอบตาของอ๋องฉีร้อนผ่าวขึ้นมา เพื่อไม่ให้ตนน้ำตาไหลออกมา จึงได้เก็บมือลง พูดเสียงทุ้มว่า “ไปเถิด” 

 

 

หลังจากหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าได้ทำการร่ำลาทุกคนแล้วนั้น ก็หันหลังขึ้นม้าไป แซ่ม้าหวดขึ้น ม้าได้วิ่งจากไป 

 

 

องครักษ์ลับนับสิบติดตามไปด้านหลัง 

 

 

พร้อมกันนั้นอ๋องฉีก็ได้พูดกับอากาศว่า “ดูแลท่านหญิงน้อยให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาแม้แต่น้อย พวกเจ้าก็จงหิ้วหัวมาพบข้า” 

 

 

มีเสียงตอบรับมาจากในที่มืด มีเงาดำหลายเงากระโดดออกมาจากมุมลับ ขึ้นรถม้าที่เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ติดตามไปด้วย 

 

 

จนกระทั่งเหล่ารถม้าแล่นลับตาไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนจึงได้เบนสายตามา พูดว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ กลับเข้าด้านในเถิดขอรับ” 

 

 

มองค้อนเขาเล็กน้อย จากนั้นอ๋องฉีก็เดินเข้าจวนไป พระชายาเดินตามด้านหลัง 

 

 

เดินได้ไม่ไกล เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของอ๋องฉีดังขึ้นมา “นับแต่วันนี้ไป พวกเจ้ากินข้าวที่เรือนของตนเองเถิด อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกเลย” 

 

 

พูดจบ ก็เร่งฝีเท่าเดินไป 

 

 

พระชายาก้มหน้าลง เดินติดตามไป ไม่มองพวกเขาแม้แต่น้อย 

 

 

ทั้งสี่คนหยุดฝีเท้าลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มองร่างของทั้งสองหายลับไปในทางโค้งของทางเดิน หวงฝู่อวี้จึงได้ถามลองเชิงว่า “พวกเรา…ถูกรังเกียจเช่นนั้นหรือ” 

 

 

รังเกียจที่ใดกัน ถูกโกรธต่างหากเล่า เด็กทั้งสองห่างบ้านไกลที่สุดคือเมื่อปีที่แล้วที่ติดตามเมิ่งซื่อไปยังบ้านที่ชิงเหอ ใช้เวลาทั้งหมดราวครึ่งเดือน แต่ถึงกระนั้น พระชายาและอ๋องฉีก็ทำราวกับไร้วิญญาณอยู่ครึ่งเดือน ครั้งนี้ ไปยังชายแดน และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด หากอ๋องฉีไม่โกรธก็แปลกแล้ว โทษหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวที่ไม่ได้ห้ามปรามเด็กทั้งสอง โทษหวงฝู่อวี้ที่คิดสั่งการณ์ให้หวงฝู่เฮ่าไปตามหาหวงฝู่เย่าเย่ว์ 

 

 

ไม่ว่าคนในจวนจะเป็นอย่างไร แต่ขณะที่ทุกคนไม่ได้ในใส่ใจนั้น หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่แอบหนีออกมาจากจวน ทำตัวราวกับม้าที่ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ นางสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด เดินสบายใจอยู่บนท้องถนน 

 

 

แต่ท่าทางของนางเช่นนี้ ต่อให้เป็นฉู่เหวินเจี๋ยก็คงดูไม่ออก เพราะว่านางใส่เสื้อผ้าของเพศชาย มวยเกล้าผมสูง ใช้วิธีแต่งหน้าที่เมิ่งเชี่ยนโยวสอนนาง ทาใบหน้าและคอของตนให้ดำคล้ำ มองเผินๆ ก็เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ไม่มีคราบของเด็กสาวเลย 

 

 

แม้ว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะตื้นเต้นเพียงใด แต่ว่านางก็ยังมีสติอยู่ ควบม้าเล่นอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ปลดปล่อยอารมณ์ของตนแล้วนั้น ก้าวเดินช้าลง รอนายทหารเดินมาถึง จะได้เดินไปพร้อมกับเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าทางไปชายแดนนั้นไกล นางไม่รู้ทาง เพราะแค่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทาง นางคงไม่มีวิธีจัดการได้ แต่นางก็ไม่ได้เสียสติจนจะต้องไปถึงค่ายทหาร เพื่อไปหาท่านอาน้อยและท่านน้าชิงเอ๋อร์ พ่อและแม่จะต้องส่งคนมาส่งข่าวให้พวกเขาแล้วเป็นแน่ ถึงตอนนั้นหากพวกเขาส่งตัวนางกลับไป ที่นางพยายามมานานก็คงสูญเปล่า อย่างน้อยก็ต้องรอจนกว่าจะใกล้ถึงชายแดนแล้ว ค่อยไปหาพวกเขา ถึงตอนนั้น ต่อให้พวกเขาอยากส่งนางกลับก็ไม่มีเวลาแล้ว 

 

 

คิดไปพลาง ก็ให้ม้าเดินไปอย่างช้าๆ รอจนเหล่านายทหารมาถึง เดินกันให้ฝุ่นตลบนั้น นางก็ดีใจขึ้นมา ติดตามไปด้านหลังทันที 

 

 

เป็นเช่นนี้ เมื่อถึงยามค่ำคืนแล้ว เมื่อเหล่าทหารหยุดทัพไว้ที่ใดแล้ว หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงได้ควบม้าไปยังเมืองเล็กใกล้ๆ หาที่พักสะอาดๆ ค้างคืน 

 

 

ออกจากบ้านวันแรก อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น กินข้าวเย็นง่ายๆ จึงนอนลงบนเตียง พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับเสียที กระทั่งได้ยินเสียงบอกเวลาแว่วๆ จึงได้มีอาการง่วงขึ้นมา นอนหลับลงไปในที่สุด 

 

 

การหลับครั้งนี้หลับสนิท ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งฟ้าก็สว่างแจ้งแล้ว แสงสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามา 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ตกใจรีบลุกขึ้นมา รีบสวมใส่เสื้อผ้า เก็บข้าวของ จากนั้นวิ่งออกจากห้องไป รีบไปจ่ายเงินค่าห้อง หยิบเชือกม้ามา รีบควบม้ามายังที่ตั้งค้างแรมของทหารเมื่อคืน 

 

 

ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเหล่าทหาร หวงฝู่เย่าเย่ว์ตบหัวของตนเองด้วยความโมโห