เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1059
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ถึงเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีแล้ว

กวาดหิมะ เซ่นไหว้ ปีนเขา ล้วนเป็นประเพณีของเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีที่เมืองหลวง

แต่ละบ้านวางกระถางธูปไว้หน้าประตู วางไก่ แพ และหัวหมูเอาไว้ ประชาชนประเทศอู่อานไม่บูชาผีสางเทวดา บูชาแต่ฟ้าดิน

ด้วยเหตุนี้ ของพวกนี้จึงไม่วางไว้บนที่สูง ล้วนวางไว้หน้าประตูประมาณสามฟุต คนจนที่เดินผ่านมาสามารถหยิบไปได้ ขอทานก็กินได้ตามสบาย มีคนบอกว่าคือของขวัญจากฟ้าดิน

ทุกสิ่งเกิดมาเพื่อหล่อเลี้ยงผู้คน ผู้คนนับถือสวรรค์ด้วยความจริงใจ

เสียงประทัดดังต่อเนื่อง ประดับประดาโคมไฟ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหน้าร้านเหล้าทุกแห่ง จะวางโอ่งขนาดใหญ่ที่มีเหล้าเต็มโอ่งเอาไว้สามโอ่ง

โอ่งแรกเคารพฟ้า โอ่งสองเคารพดิน โอ่งสามเคารพมนุษย์

โอ่งฟ้า ดิน มนุษย์ ขนาดใหญ่สามโอ่ง เหล้าต้องสะอาด ห้ามปนเปื้อน คนที่มาสามารถดื่มได้ตามใจชอบ ดื่มจนกว่าจะหมด

ร้านเหล้าทั้งหมดภูมิใจที่โอ่งเหล้าของพวกเขา ถูกดื่มโดยผู้คนที่ผ่านไปมาในเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี เป็นการยืนยันว่าเหล้าของร้านตัวเองเป็นเหล้าดี

เมื่อผ่านวันนี้ไป โอ่งใหญ่หน้าร้านของใครเห็นก้นโอ่ง ยืนยันว่าร้านเหล้าแห่งนี้มีระดับ มีคนรู้จักเยอะ ปีต่อไปการค้าต้องดีแน่นอน

ร้านค้าอื่นก็มีกิจกรรมเหมือนกัน อย่างเช่นร้านขายอาหาร จะวางโต๊ะจีน ภูมิใจกับการที่มีผู้คนมากินเยอะ

ร้านขายเสื้อผ้า โปรยเสื้อผ้าลงบนถนน ไม่เพียงแต่รูปแบบที่ต้องสวย คุณภาพยังต้องดีอีกด้วย

การเฉลิมฉลองต่างๆ เยอะจนไม่สามารถพูดออกมาได้หมด

มีเพียงร้านขายอาวุธ ที่วันนี้จะปิดร้าน อาวุธทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังคลังสินค้า ใครมาก็ไม่ขาย

นี่เรียกว่าหยุดอาวุธ ฉลองปีใหม่

บรรยากาศสงบสุขอบอุ่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โลกอู่อาน!

ประตูหลักทั้งสี่ด้าน เริ่มสร้างลานประลอง ช่างฝีมือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แนะนำโดยผู้คน ต้องการให้สร้างตอนอาทิตย์ขึ้น และเสร็จตอนเที่ยง หลังผ่านวันนี้ไป ค่อยรื้อมันออก

ลานประลองสี่แห่ง เซ่นไหว้ฟ้าดินทั้งสี่ทิศ

ในบรรดานั้น ทุกปีลานประลองที่สร้างตรงประตูอู่เซิ่งจะทรงพลังยิ่งใหญ่ที่สุด เหตุผลง่ายดายมาก เพราะช่างที่สร้างลานประลองตรงประตูอู่เซิ่ง ล้วนเป็นชายร่างกายกำยำของเผ่าทรงพลัง

ความสูงแค่ 30 กว่าเมตรสำหรับพวกเขา มันดูเตี้ยเกินไป ทุกปีพวกเขาจะสร้างลานประลองที่สูงอย่างน้อย 300 กว่าเมตร

กลุ่มคนเบียดเสียดกัน ผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่ง

คนนับไม่ถ้วนเบียดกันอยู่นอกประตูอู่เซิ่ง มองลานประลองถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถ้าตามปกติ คนที่มาดูการสร้างลานประลองไม่ได้เยอะขนาดนี้

แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ปีนี้ลานประลองแห่งนี้ไม่ได้ใช้แค่เซ่นไหว้ แต่ใช้ประลองด้วย

จางกวัง อันดับหนึ่งในแปดผู้โดดเด่นของจวนไท่จื่อ สู้กับลู่ฝาน นักกระบี่แห่งตงหวา!

คนนับไม่ถ้วนรอคอยศึกใหญ่ครั้งนี้!

เมื่อมองดูที่ว่างอีกครั้ง มีที่นั่งขนาดใหญ่เป็นแถวถูกเตรียมไว้แล้ว

ในบรรดานั้นมีบัลลังก์ที่ทรงพลังที่สุดสองบัลลังก์ มีองค์ชายสองพระองค์นั่งอยู่

ถูกต้อง วันนี้มีองค์ชายสองพระองค์มารับชมการต่อสู้ องค์ชายรองฉินฝานนั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว ช่างของเผ่าทรงพลังที่มาสร้างลานประลองในปีนี้ ล้วนเป็นคนที่เขาหามา ดูสุดยอดกว่าปีก่อนๆ มาก ความเร็วในการสร้างลานประลอง บรรยายได้เพียงว่าเร็วราวกับบิน มองผู้ชายรูปร่างกำยำของเผ่าทรงพลัง เอาหินขนาดใหญ่ขึ้นมา ใช้มือลูบไปลูบมา หินก็กลายเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสงดงาม จากนั้นกองไว้ด้านบน ทุกคนส่งเสียงอุทานอย่างตกใจออกมาไม่หยุด

ส่วนเตี้ยนเซี่ยอีกพระองค์ ถ้าไม่ใช่ไท่จื่อแล้วจะเป็นใครได้อีก ไท่จื่อที่โดนเตี้ยนเซี่ยลงโทษขังไว้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะปรากฏต่อสายตาทุกคนอย่างสง่าผ่าเผย

ขนาดตอนที่ฉินฝานเห็นไท่จื่อ พาพวกจางกวังมา ยังอดขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ ความหวาดระแวงผุดขึ้นมาในใจ

แต่ภายนอกเขาพูดกับไท่จื่ออย่างนอบน้อมว่า “ยินดีด้วยที่เสด็จพี่ออกมาแล้ว ดูเหมือนเสด็จพี่อยู่ที่เขาอู่จิ้ง มีการทะลุระดับอย่างยิ่งใหญ่”

ไท่จื่อทำเพียงปรายตามองฉินฝาน หลังจากนั้นพูดว่า “ไม่ได้ทะลุระดับหรอก แต่พ่อเห็นว่าฉันซื่อสัตย์จริงใจ เลยอนุญาตให้ฉันออกมาเป็นพิเศษเท่านั้น ลู่ฝานยังไม่มาเหรอ ฉันรอดูเลือดเขาเซ่นไหว้ปีใหม่เลยนะ!”