เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1060
ฉินฝานหัวเราะเบาๆ ไม่พูดอะไร กวาดตามองไปทางด้านล่าง เพื่อหาเงาของลู่ฝานภายในกลุ่มคน

แต่หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่เห็นลู่ฝานเลย

รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป ฉินฝานพึมพำว่า “ลู่ฝานนะลู่ฝาน ถ้าวันนี้นายแพ้ ฉันจะให้นายตายแบบไร้ที่กลบฝัง ฉันจะไม่ส่งคนไปเก็บศพนายเด็ดขาด”

จางกวังกำลังหลับตาพักสายตา อยู่ด้านหลังไท่จื่อ

ไท่จื่อหันมาพูดกับจางกวังว่า “จางกวัง การต่อสู้วันนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แรงทั้งหมด ใช้พลานุภาพของสายฟ้าจัดการลู่ฝาน ทำให้บารมีอำนาจของฉันแข็งแกร่งขึ้น!”

จางกวังลืมตาขึ้น พูดตอบรับเสียงเบาว่า “ครับเตี้ยนเซี่ย”

รอยยิ้มโหดเหี้ยมผุดขึ้นตรงมุมปากของไท่จื่อ เขาจงเกลียดจงชังลู่ฝานเป็นอย่างมาก

ผู้คนเบียดเสียดแออัดกันด้านล่างลานประลอง

จู่ๆ มีคนตะโกนเบาๆ ว่า “นี่เป็นคนของสิบตระกูลใหญ่ไม่ใช่เหรอ พวกเขาก็มากันด้วย!”

คุณชายกลุ่มหนึ่งเดินช้าๆ เข้ามา คนที่นำมาคือเทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียน ข้างๆ เขายังมีลูกหลานตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ด้วย

ด้านซ้ายมือคือสุ่ยสือฉวนแห่งตระกูลสุ่ย

ถือพัดขนนก รอยยิ้มเต็มใบหน้า หน้าตาท่าทางดูหล่อเหลา ใบหน้าละอ่อน ใช้คำว่ารูปงามมาบรรยายได้ ผิวขาวผ่อง ดวงตาเป็นประกายสดใส รอยยิ้มบริสุทธิ์เหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เขาคือคุณชายคนแรกของตระกูลสุ่ย มีฉายาว่าสุ่ยสือฉวนคุณชายบริสุทธิ์

ด้านขวามือคือถานไถเก๋อแห่งตระกูลถานไถ

ชุดแดงยาวลากพื้น แต่งหน้างดงาม ใบหน้าน่าเอ็นดูของผู้หญิงชัดๆ แต่แต่งหน้าจนดูเซ็กซี่มีเสน่ห์ มุมปากดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย เมื่อบิดเอวไปมา ได้ยินเสียงดังขึ้นมาชัดเจน มันเป็นเสียงกระดิ่งตรงเอวของเธอ

เธอคือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลถานไถ ถานไถเก๋อ ชุดแดงหงส์เริงระบำ

คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสามคนจะมาด้วยกัน ผู้คนรีบหลีกทางให้ทั้งสามคนผ่านทันที

บนท้องฟ้า ไท่จื่อก็เห็นสามคนนี้เช่นกัน เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ลูกหลานหัวกะทิของสิบตระกูลใหญ่ พวกเขาไม่ได้รวมตัวกันปลีกวิเวกอยู่เหรอ ทำไมถึงออกมากันหมดแล้วล่ะ”

จางกวังมองคนพวกนั้นด้วยแววตาลุกโชน เขายิ้มแล้วพูดว่า “คงออกจากการฝึกฝนแล้วมั้งครับ เตี้ยนเซี่ย หลังจากผ่านการต่อสู้วันนี้ เตี้ยนเซี่ยได้โปรดอนุญาตให้ฉันไปท้าประลองกับสองสามคนนี้ด้วยนะครับ”

ไท่จื่อขมวดคิ้วพูดว่า “นายมั่นใจเหรอ”

จางกวังส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีครับ แต่ฉันมีหัวใจของนักบู๊”

ไท่จื่อโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ช่างเถอะๆ แล้วแต่นาย ฉันว่าพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรนายหรอก นายไปท้าประลองพวกเขาได้ตามสบาย”

“ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ย!”

ใบหน้าจางกวังแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมาก

เขาคิดว่าคนพวกนี้ ถึงจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ สำหรับลู่ฝาน โดนเขาลืมไม่สนใจไปนานแล้ว

รถม้าคันหนึ่ง ค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตูเมือง

สิบสามหันมาทางตัวรถม้าแล้วพูดว่า “ถึงแล้วครับเจ้านาย!”

ลู่ฝานเปิดผ้าม่าน แล้วค่อยๆ เดินออกมา มองลานประลองที่สร้างเสร็จเรียบร้อยด้านหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “สร้างได้อย่างทรงพลังจริงๆ”

พูดพลาง ลู่ฝานเอาเจ้าดำที่อยู่บนไหล่ วางลงบนมือของสิบสาม แล้วพูดว่า “ดูแลเจ้าดำให้ดี”

สิบสามพยักหน้าแรง

“ลู่ฝานมาแล้ว!”

จู่ๆ ไม่รู้ใครที่จำลู่ฝานได้ ทันใดนั้นผู้คนพากันตะโกนขึ้นมา

ลู่ฝานยืนสองมือไพล่หลังอยู่บนรถม้า มองออกไปไกลๆ

ไท่จื่อและคนอื่น ต่างพากันมองมาทางลู่ฝาน

ขณะนั้นเอง ช่างของเผ่าทรงพลังเอาหินก้อนใหญ่ก้อนสุดท้ายวางลงเสร็จเรียบร้อย จากนั้นทุบอกตะโกนออกมาเสียงดัง

“ขึ้นเวที เซ่นไหว้!”