ตอนที่ 1348 เป็นลม โดย Ink Stone_Fantasy
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอลองบ้างได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” เคโม ชูอีลรีบถามขึ้นมา
“ได้สิ” โรแลนด์ตอบๆ ยิ้มๆ “ครั้งนี้เจ้าเป็นคนส่งข้อความ”
หัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเขียนสัญลักษณ์สั้นๆ ยาวๆ เป็นแถว จำนวนรวมแล้วมีอยู่ยี่สิบกว่าตัว ถ้าบอกว่าขีดสามขีดกับจุดสองจุดมันอาจจะมีโอกาสเดาถูกอยู่ อย่างนั้นข้อความตรงนี้ก็แทบจะตัดปัจจัยเรื่องความโชคดีที่จะเดาถูกไปได้เลย
คนที่รับข้อความยังคงเป็นบารอฟ
เห็นได้ชัดว่าเขายังอยากจะสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้อยู่ เขารีบหยิบเอาผ้าปิดตามาปิดตาตัวเองโดยไม่รอให้โรแลนด์บอก
ประกายไฟแลบขึ้นมาตรงช่องสปาร์คอีกครั้ง
ครั้งนี้ บารอฟใช้เวลาฟังนานกว่าปกติ
ในตอนที่เขาเขียนคำตอบลงบนกระดาษให้ทุกคนดู ในกลุ่มคนพลันมีเสียงปรบมือระเบิดขึ้นมา
ถึงแม้ในสัญลักษณ์ยี่สิบกว่าตัวจะเขียนผิดอยู่สองตำแหน่ง แต่จำนวนกลับไม่ขาดไปแม้แต่ตัวเดียว เรียกได้ว่าเหมือนกับข้อความที่เคโมเขียนขึ้นมาทุกอย่าง
นี่ไม่มีทางจะเดาขึ้นมาได้แน่
นี่ก็หมายความว่าข้อความได้วิ่งไปกลับระหว่างเมืองเนเวอร์วินเทอร์กับเมืองซิลเวอร์ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที มีแค่แบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเคโมส่งข้อความอะไรออกไป
“ฝ่าบาท หอเหล็กมันส่งข้อความออกไปได้ไกลเท่าไรพ่ะย่ะค่ะ?” บารอฟถามอย่างตื่นเต้น
“ขอเพียงเพิ่มปริมาณกระแสไฟฟ้า ตามหลักแล้วสามารถส่งออกไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตร”
“อย่างนั้นมันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสี่อาณาจักรใหญ่หรอกเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนพากันกระซิบกระซาบขึ้นมา
“มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ นี่มันรวมที่ราบลุ่มบริบูรณ์เข้าไปด้วยแล้ว”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในอีเทอร์นอลวินเทอร์ เกรย์คาสเซิลสามารถรู้ได้ในวินาทีต่อมา นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
“นั่นสิ นี่ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ว่านี่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมา…”
แต่บารอฟกำลังครุ่นคิดไปไกลกว่านั้น
“ฝ่าบาท ถ้าพวกเรากำหนดความหมายให้กับสัญลักษณ์เหล่านี้ บางทีพวกเราอาจจะส่งข้อความที่มันซับซ้อนมากกว่านี้ได้ อย่างเช่นคำสั่งหรือพระราชโองการ…”
แค่เห็นเทคโนโลยีอันใหม่ก็สามารถคิดได้ทันทีว่าจะใช้อย่างไร ต้องยอมรับเลยว่าความรู้และความคิดของหัวหน้าสำนักบริหารนั้นกว้างไกลกว่าในตอนแรกมาก เห็นได้ชัดว่าในหลายปีมานี้ เขาเองก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่น้อยเพื่อปรับตัวเข้ากับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารของอาณาจักรใหม่ โรแลนด์ยิ้มชมเชยให้เขา “เกือบถูกแล้ว แต่มันทำได้ดีกว่านั้น”
“พระองค์หมายความว่า…”
“เราจะไม่ไปกำหนดความหมายให้กับสัญลักษณ์ หากแต่จะกำหนดสัญลักษณ์ให้กับตัวอักษรที่ใช้อยู่ในตอนนี้แทน แบบนี้่ต่อให้ไม่ได้ยินเสียง เราก็ยังสื่อสารกันได้”
บารอฟครุ่นคิดเล็กน้อย สายตาพลันเป็นประกายขึ้นมา
เขาเองก็รู้ถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของ ‘ตัวอักษรใหม่’ นี้แล้ว
เนื่องจากตัวหนังสือในโลกนี้ใช้ระบบการออกเสียงและการสื่อความหมายที่ไม่เหมือนกับโลกก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเอารหัสโทรเลขของอีกโลกหนึ่งมาใช้ร่วมกันได้ แต่ภายใต้หลักการที่ยังเหมือนกัน ขอเพียงยอมเสียเวลานิดหน่อยก็จะสามารถสร้างรหัสโทรเลขที่เหมาะสมขึ้นมาได้ เมื่อมีตารางรหัส ไม่ว่าจะเป็นข้อความแบบไหนก็จะสามารถแปลงให้เป็นสัญญาณโทรเลขและส่งไปทั่วทั้งทวีปได้ในพริบตา
ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะเป็นผู้สร้างรหัสโทรเลขนี้ โรแลนด์มีคิดเอาไว้ในใจแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้บันทึกข้อมูลของทั้งสองโลก ไม่มีใครที่จะเหมาะกับหน้าที่นี้เท่ากับบุ๊คอีกแล้ว
“ฝ่าบาท…” เชนจ์ ดาร์ลีหัวหน้ากองเกษตรรีบยกมือขึ้นมา “กระหม่อมขอลองเครื่อง…โทรเลขนี้ได้หรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
“ได้สิ” โรแลนด์มองดูทุกคน “พวกเจ้าถ้าใครอยากลองก็มาลองดูได้เลย”
เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะกรูกันมาล้อมโต๊ะโทรเลขไว้ทันที
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ อันนาจึงเดินมาข้างๆ โรแลนด์ ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ
โรแลนด์ย่อมต้องรู้ว่ารอยยิ้มของเธอมันหมายความว่าอะไร เครื่องส่งวิทยุโทรเลขแบบสปาร์คกับเครื่องตรวจจับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าแบบแร่นั้นเป็นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีต่ำที่สุดในแผนการการสื่อสารแบบไร้สาย เครื่องส่งวิทยุโทรเลขแบบสปาร์คนั้นสามารถส่งข้อความข้ามน้ำข้ามทะเลไปได้เต็มช่องสัญญาณความถี่ ส่วนเครื่องตรวจจับสัญญาณก็รับความถี่เอาไว้ได้ทั้งหมด ทั้งสองอย่างดูเหมือนเกิดมาคู่กัน แต่มันกลับทำให้ในพื้นที่ๆ หนึ่งสามารถส่งข้อความได้หนึ่งกลุ่มในเวลาเดียวกันเท่านั้น ความจริงแล้วหลังจากที่เครื่องส่งวิทยุโทรเลขแบบสปาร์คถูกเครื่องส่งวิทยุโทรเลขแบบหลอกสุญญากาศเข้ามาแทนที่ มันก็ยังใช้งานในพื้นที่ที่มีการรบกวนไปได้อีกระยะหนึ่งอันเนื่องมาจากลักษณะพิเศษของมัน ซึ่งผลการใช้งานก็ถือว่าค่อนข้างทีเดียว
อีกทั้งระบบนี้จำเป็นต้องมีสายอากาศขนาดใหญ่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่มากระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงยากที่จะลดขนาดและน้ำหนักของมันได้ ทำให้มันติดตั้งในเมืองสำคัญๆ ได้แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น
เมื่อไรที่เครื่องส่งสัญญาณวิทยุแบบหลอดสุญญากาศสร้างเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็จะสามารถส่งเสียงสัญญาณออกไปโดยไม่รบกวนกระจายเสียงและการรับสัญญาณวิทยุ ซึ่งเมื่อนั้นก็จะทำให้การสื่อสารแบบไร้สายก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้เป็นครั้งแรก
ไม่รู้ว่าตอนนั้น พวกเขายังจะแสดงสีหน้าประหลาดใจแบบนี้อยู่หรือเปล่า
เขารู้ว่าอันนาก็กำลังรอคอยสิ่งนี้อยู่เหมือนกัน
ต้องยอมรับเลยว่าเขากับอีกฝ่ายมีความชื่นชอบที่ใกล้เคียงกันอย่างมากทีเดียว
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกอยู่กับการลองพูดคุยกับทางเมืองซิลเวอร์ๆ จู่ๆ โรแลนด์ก็รู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียนอย่างรุนแรง
มันมาอย่างรวดเร็วจนทำให้เค้าโครงสิ่งของต่างๆ ภายในห้องเกิดภาพซ้อนขึ้นมา เขารีบหลับตาเพื่อสะกดอาการวิงเวียนนั้นไม่ให้ลุกลสใ แต่ร่างกายเขากลับเหมือนสูญเสียศูนย์ถ่วงไป
อันนาสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาเป็นคนแรก เธอยื่นมือไปจับแขนของเขาไว้ “โรแลนด์ พระองค์ทรงเป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ?”
ช้าไม่เป็นไร…เดิมโรแลนด์อยากจะตอบเช่นนี้ แต่สิ่งที่ออกมาในตอนที่เขาอ้าปากกลับกลายเป็นการไออย่างรุนแรง เขาเอามือปิดปาก กลิ่นคาวเลือดกระจายเต็มคอของเขา
บ้าเอ้ย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หนังตาของเขาเริ่มหนักอย่างรวดเร็วเหมือนกับมีอะไรมาถ่วงเอาไว้ ฝ่ามือของเขาที่กางออกมีจุดแดงแต้มเป็นจุดๆ ถึงแม้จะพยายามฝืนบอกให้ตัวเองตื่นเอาไว้ แต่สติกำลังออกห่างจากเขาไปอย่างรวดเร็ว อันนาเหมือนกำลังตะโกนอะไรใส่เขา แต่นอกจากเสียงที่ฟังดูสับสนแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
ร่างกายเอนล้มไปข้างหลังอย่างไม่อาจควบคุมได้ สิ่งสุดท้ายที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาคือภาพไนติงเกลและหมอกมายาที่กางออกอย่างรวดเร็ว
….
ในตอนที่โรแลนด์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองได้กลับมายังห้องนอนในปราสาทแล้ว
“ฝ่าบาทตื่นแล้ว!”
เขายังไม่ทันจะลุกขึ้นมา ข้างกายเขาก็มีเสียงเรียกเของบุ๊คดังขึ้นมา
จากนั้นก็เป็นเสียงฝีเท้าที่ฟังดูเร่งรีบ อันนามาปรากฏตัวอยู่ตรงหัวเตียงในพริบตา เห็นได้ชัดว่าเธอคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้องตลอดเวลา
“เป็นยังไงบ้างเพคะ?” เธอโน้มตัวลงมาจับหน้าผากเขา ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ว่า “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเพคะ?”
“อืม..” โรแลนด์สังเกตดูตัวเองอยู่ครู่ “ไม่มีนะ ข้ารู้สึกสบายมากเลย เหมือนได้หลับไปตื่นใหญ่อย่างนั้นแหละ สมองรู้สึกโล่งกว่าก่อนหน้านี้มาก”
เมื่อมองดูสายตาที่สงสัยของทั้งสองคน เขาก็ผายมืออย่างจนปัญญาขึ้นมา “ข้าพูดจริงๆ ยกเว้นแต่…”
“ยกเว้นอะไรเพคะ?” อันนากับบุ๊คถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ยกเว้นแต่ว่าตอนนี้รู้สึกค่อนข้างหิวน่ะ..” โรแลนด์เอามือลูบท้องตัวเอง “ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้ว?”
สีหน้าอันนาดูผ่อนคลายลง “ประมาณ 6 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นสลบไปที่สั้นที่สุดของพระองค์แล้วเพคะ หม่อมฉันจะไปแจ้งทางห้องครัวให้เตรียมอาหาร แต่ว่า…พระองค์ทรงไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมเพคะ?”
“ดีสุดๆ ไปเลย” โรแลนด์ยักไหล่ “เออใช่ ไนติงเกลก็อยู่ไม่ใช่เหรอ นางแค่ฟังดูก็รู้แล้วว่าข้าพูดจริงหรือเปล่า”
พอพูดจบ ไนติงเกลปรากฎตัวออกมา แต่เธอไม่ได้เข้ามาใกล้เตียง แล้วก็ไม่ได้รีบตอบทันที หากแต่นิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนจะพยักหน้าออกมา “…ฝ่าบาททรงพูดความจริง”
“เห็นไหม” โรแลนด์มุ่ยปาก ในเวลานี้เขาไม่มีความรู้สึกไม่สบายจริงๆ คำพูดที่พูดออกไปก็ย่อมต้องเป็นความจริง แต่คำตอบของไนติงเกลกลับช้ากว่าปกติมาก ถึงแม้เขาจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมาก “ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงเป็นลมไป ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอล่ะมั้ง”
……………………………………………………………………..