ตอนที่ 1133

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“เจ้าหนู นี่เจ้ายังไม่ออกไปให้พ้นทางข้าอีกงั้นรึ?” ชายทั้งสี่คนตะโกนอย่างเย็นชา

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ก็ไม่เลว”

“อะไร!” ชายคนหนึ่งกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่เจ้านายของข้าเป็นใคร?”

“โอ้ว แล้วเป็นใครล่ะ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มอย่างไม่แยแส

“ฉางตงแห่งตระกูลตง!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาคือฉางตง

หลิงฮันนิ่งไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “งั้นรึ? แล้วเจ้าล่ะ? ให้ข้าเรียกว่าสุนัขตัวที่สองดีไหม?”

“จ…จ…เจ้า-” ชายคนนั้นชี้ไปที่หลิงฮันด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าอยากเจ็บตัวใช่หรือไม่?”

“โอ้ว หรือว่านี่จะเป็นวิธีการของนิกายสวรรค์เยือกแข็งที่จะปฏิบัติต่อแขก?” หลิงฮันถาม

“ผิดแล้ว พวกข้าไม่ใช่ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ดังนั้นพวกข้าจึงไม่อยู่ภายใต้กฎของนิกาย” ชายคนนั้นกล่าว จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วพร้อมกับพูดว่า “สั่งสอนเจ้าเด็กนี่ซะ”

“หึ!” ชายอีกสามคนก้าวออกมาและจ้องมองหลิงฮัน แววตาของพวกเขาเหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยกำลังจ้องมองกระต่ายตัวน้อย

หลังจากที่หลิงฮันสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จ กลิ่นอายของเขาก็เบาบางลงลึกลงเหมือนก้นทะเล จึงเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นความแข็งแกร่งของเขา แล้วนี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ ทำให้เขามีพลังต่อสู้มากถึงเจ็ดดาว!

หลิงฮันจ้องมองฉางตงและพูดว่า “สุนัขของเจ้าเห่ามั่วซั่ว นี่เจ้าไม่คิดจะสั่งสอนมันหน่อยหรือ?”

“เลาะฟันของมันให้หมดปาก!” สีหน้าของฉางตงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและพูดอย่างเย็นชา

เขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขาเป็นผู้ติดตามของหยางเฮ่าแล้วทำไมเขาจะทำตัวหยิ่งยโสไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทราบก่อนว่าแม้แต่ปรมาจารย์สามวิถียังสนใจในตัวหยางเฮ่า

เมื่อใดที่หยางเฮ่ากลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ยังไม่ใครหน้าไหนในนิกายสวรรค์เยือกแข็งที่เขาต้องไว้หน้าอีกหรือไม่?

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายทั้งสี่คนหัวเราะเยาะ ฉางตงเป็นคนที่โหดเหี้ยม พวกเขารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร

ผู้คนที่ยืนดูอยู่บริเวณใกล้เคียงเริ่มถอยหนี เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการต่อสู้

อีกฝ่ายคือฉางตง แล้วใครจะไปอยากมีเรื่องด้วยกัน? นอกจากนั้น พวกเขายังไม่ใช่ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งอีกด้วย แล้วกฎของนิกายจะใช้กับพวกเขาได้อย่างไร?

“หึ่ม พวกเจ้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าคิดว่ามันถูกต้องแล้วอย่างนั้นรึ!” ในขณะนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีฟ้าเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน “เป็นแค่กลุ่มสุนัขรวมตัวกันเป็นฝูง แต่ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก!”

ฉางตงหันไปมองนางทันที และช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยสีหน้าตกตะลึง

สตรีนางนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ผ้าไหมสีฟ้าของนางเป็นเหมือนน้ำตก ผิวพรรณของนางขาวยิ่งกว่าหิมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่กลมโตราวกับมองทะลุจิตวิญญาณของพวกเขาได้

ช่วยไม่ได้ที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปและพูดว่า “ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกแม่นางว่าเช่นไรดี?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนว่าข้าเป็นใคร ข้าแค่เป็นหญิงสาวที่ทนดูเจ้ากลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าไม่ได้!” หญิงสาวชุดฟ้ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจและเชิดหน้าขึ้นเหมือนหงส์

“ศิษย์น้อง!” ชายอีกคนโผล่ออกมาจากกลุ่มฝูงชน เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม แต่ทว่าเขากลับมีนิสัยที่ขี้ขลาดเล็กน้อย เขาพยักหน้าให้กับฉางตงและคนอื่นๆพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษพวกเจ้าแทนศิษย์น้องของข้าด้วยที่พูดแบบนั้นออกไป พวกข้ามีธุระที่ต้องไปทำเช่นนั้นคงต้องขอตัวก่อน”

ในสายตาของทุกคน พวกเขาแอบส่ายหัวอยู่ในใจ

ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้มีบุคลิกนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งกล้าหาญ ส่วนอีกคนหนึ่งขี้ขลาด

ฉางตงแสยะยิ้มและพูดว่า “ขอโทษ? เจ้าคิดว่าขอโทษแล้วจะจบอย่างนั้นรึ?”

“ถ้างั้น…นายน้อยฉางต้องการให้ข้าทำอะไร?” ชายร่างใหญ่ถาม

“เรื่องนั้นง่ายมาก ทำไมพวกเราไม่ไปนั่งพูดคุยกันที่ภัตตาคารเทียนหยวนกันล่ะ?” ฉางตงกล่าวขณะจ้องมองหญิงสาวชุดฟ้าด้วยความลุ่มหลง

“เรื่องนั้นมัน-” ชายร่างใหญ่ดูลังเล

“ศิษย์พี่ พวกเขาเป็นแค่สุนัขที่รวมตัวกันเป็นฝูง ทำไมพวกเราจะต้องหวาดกลัวด้วย?” หญิงชุดฟ้าถาม

“ศิษย์น้อง ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าห้ามสร้างปัญหา!” ชายร่างใหญ่ถอนหายใจ “ใครก็ตามที่ต้องการทำร้ายศิษย์น้องของข้าจะต้องผ่านข้าไปก่อน!”

อย่าน้อยเขาก็มีความกล้าอยู่บ้าง

ฉางตงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “เหลวไหลสิ้นดี!” เขาชี้นิ้วไปที่ชายร่างใหญ่ และเชื่อว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ หญิงสาวชุดฟ้าจะต้องเชื่อฟังที่เขาพูดอย่างแน่นอน

ชายทั้งสี่รับคำสั่ง แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจหลิงฮันอีกต่อไป และกระโจนเข้าหาชายร่างใหญ่แทน

แม้ว่าชายร่างใหญ่จะขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่หลบหนีและยืดหยัดเผชิญหน้า เขากำหมัดแน่นและตั้งท่า ทันใดนั้นก็มีคลื่นพลังที่รุนแรงกระจายออกมา หมัดของเขาในตอนนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าหัวของเขาอย่างน้อยสามเท่าและกลายเป็นสีเงินเหมือนโลหะและมีคลื่นพลังไหลจากไหล่ไปถึงกำปั้นของเขา ทำให้เกิดอักขระศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นและหมัดของเขาก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกัน

หืม? มันเป็นทักษะอะไรกัน ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

หลิงฮันจับตาดูและไม่รีบเข้าไปแทรกแซง

ปัง พวกมันทั้งสี่คนเข้าถึงตัวชายร่างใหญ่แล้วและปล่อยการโจมตี

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม หมัดของชายร่างใหญ่นั้นรวดเร็วมากและโจมตีทั้งสี่คนกระเด็นไปด้านหลังได้ในพริบตา

หลิงฮันจ้องมองอย่างระมัดระวัง ทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดออกไป อักขระศักดิ์สิทธิ์บนหมัดของชายร่างใหญ่จะหายไปและทำให้พลังต่อสู้ของเขาลดลง

มันน่าสนใจมาก ความรุนแรงของหมัดจะลดลงตามจำนวนหมัดที่ต่อยออกไป แต่ถ้าหยุดพักชั่วครู่ พลังหมัดของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ชายร่างใหญ่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูง ในขณะที่อีกฝ่ายสามคนมีระดับบ่มเพาะพลังเท่ากับเขา ส่วนอีกคนแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้นหมัดของชายร่างใหญ่จึงมีผลอย่างมากกับพวกมันสามคน

หลังจากนั้นชั่วครู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ฝูงชนเท่านั้นที่มองทักษะของชายร่างใหญ่ออก แต่ยังรวมถึงพวกมันทั้งสี่คนด้วย

“รีบโจมตีและอย่าปล่อยให้เขามีเวลารวบรวมพลังหมัด!”

การโจมตีของพวกเขาทั้งสี่คนเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ชายร่างใหญ่ปล่อยหมัดออกมาให้ได้มากที่สุด ด้วยวิธีนี้ถึงแม้อักขระศักดิ์สิทธิ์บนหมัดจะก่อตัวโดยอัตโนมัติ แต่ความเร็วในการก่อก็น้อยกว่าที่ใช้ไปและพลังโจมตีก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กลั่นแกล้งศิษย์พี่ของข้า!” หญิงสาวชุดฟ้าชักดาบและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว