ตอนที่ 883 ต้องขอบใจมาก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นับตั้งแต่พวกเขาได้รู้จักกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์มา สิ่งที่พวกเขารู้ก็คือมนุษย์ทุกคนล้วนแต่ต้องการได้มหาวัตถุศักดิ์เทพนิรันดร์มาครอบครองโดยที่ไม่คำนึงต่อสิ่งใดทั้งสิ้น หากได้รับการยอมรับจากพวกมัน และได้ทำพันธสัญญา เช่นนั้นก็จะได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ต้านสวรรค์แน่นอน

แต่หงส์ดำโบราณตัวนี้กลับให้คนละทิ้งโอกาสนั้น หงส์ดำโบราณกล่าว “ก็เพราะว่า หากได้ทำพันธสัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ เช่นนั้นก็นับว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อเผ่าเทพ มหาวัตถุศักดิ์เทพนิรันดร์ไม่ได้รับการยอมรับจากเผ่าเทพ เพราะว่าพลังของพวกมันนั้นเหนือกว่าเผ่าเทพ มิเช่นนั้นแล้วมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ก็คงจะไม่หายสาบสูญไปอย่างลึกลับเช่นนี้”

“นี่เป็นความลับที่เผ่าสัตว์เทพโบราณของพวกข้าได้รู้มา มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ก็เปรียบดั่งเผือกร้อน ถือเอาไว้ก็มีแต่ลวกมือให้พองเสียเปล่า ๆ การหายสาบสูญไปของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ มีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเทพเป็นอย่างมาก”

“ชิ! เจ้านกน้อยตัวนี้พูดไร้สาระได้มากเสียจริง” น้ำเสียงดูถูกเสียงหนึ่งดังขึ้น

“อาถิง เจ้าตื่นแล้ว!”

“มีนกบ้าตัวหนึ่งส่งเสียงกระซิบข้างหูเจ้าเช่นนี้ ข้าจะไม่ตื่นขึ้นมาได้ยังไง พวกเผ่าสัตว์เทพโบราณใจเสาะสิ้นดี ไม่เหมือนกับพวกข้า” อาถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก

มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้น สิ่งที่มันพูดเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่! เป็นเรื่องจริง นี่ เจ้าผู้หญิงบ้า ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้ไว้นะ หากเจ้ารับชายผู้น่ากลัวอย่างหวงจิ่วเยี่ยผู้นั้นได้ แต่ยอมรับพวกข้าไม่ได้ ข้าจะลากเจ้าให้ตายไปด้วยกัน ให้ดวงจิตดับสลายไปด้วยกันเลยคอยดู” อาถิงกล่าวข่มขู่

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าบอกว่ารับไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ ตั้งแต่ข้าได้มาเหยียบในโลกใบนี้ ได้ทำพันธสัญญากับเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างข้าก็รับได้หมด ไม่ว่าจะเป็นศัตรูกับผู้ใด แต่กับพวกเจ้า ข้าจะไม่ยอมถอดใจละทิ้งไปง่าย ๆ แน่นอน”

เผ่าเทพอย่างนั้นเหรอ สามารถทำให้หงส์ดำโบราณหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำให้อาถิง นิรันดร์ สุ่ยจิงอิ๋งและพวกอ่อนแอถึงเพียงนี้ได้ ตกลงแล้วมันแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน

อาถิงกล่าว “เช่นนี้สิถึงจะน่าฟังหน่อย ข้าขอหลับฟื้นฟูพลังต่อแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ที่เจ้าตื่นขึ้นมาก็เพียงเพราะว่าเรื่องเล็กน้อยนี้นะเหรอ รีบไสหัวกลับไปนอนต่อเลยไป!”

“ก็ข้ากลัวว่าเจ้าจะใจเสาะถูกเจ้านกบ้านี่ทำให้ตกใจจนหาทางออกไม่เจอน่ะสิ”

“เจ้านี่นะ นับวันก็ยิ่งคิดมากเกินไปแล้ว”

“คุณหนูใหญ่ กำลังคิดอันใดอยู่เหรอ?” สื่อสารกับอาถิงผ่านดวงจิต มู่เฉียนซีก็ไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกแล้ว กู้ไป๋อีเห็นมู่เฉียนซีเหม่อลอยไป เขาจึงเอามือสะกิดมู่เฉียนซีเล็กน้อย

มู่เฉียนซีดึงสติกลับมา และกล่าวว่า “หงส์ดำโบราณ ที่เจ้าเตือนข้าเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าเจ้ากลัวว่าลูกของเจ้าจะถูกข้านำความหายนะมาให้ใช่หรือไม่!”

“ใช่ ข้าเห็นแก่ตัว เผ่าเทพนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้มาก แต่ข้าก็รู้ดีว่าเจ้าถูกกำหนดให้เป็นผู้พิเศษที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าเจ้าจะเลือกเช่นไร ข้าก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้!” หงส์ดำโบราณกล่าวอย่างทอดถอนใจ

“เจ้ายังมีคำถามใดจะถามข้าอีกหรือไม่?” หงส์ดำโบราณกล่าวต่อ

“เรื่องที่ข้าอยากรู้มากที่สุด ข้าก็ได้รู้แล้ว ส่วนเรื่องอื่นเจ้าก็รู้ไม่ชัดแจ้ง เช่นนั้นก็ส่งพวกข้าออกไปจากที่นี่เถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าว

“ตกลง!”

ดูเหมือนว่าหงส์ดำโบราณจะพยายามอย่างสุดกำลังที่มีอยู่เพื่อใช้พลังห่อหุ้มมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อี

ตูม!

ลำแสงสีดำพุ่งออกจากพื้นดิน ลำแสงนั้นได้แผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของสัตว์เทพโบราณ ทำให้สัตว์วิญญาณทั่วทั้งทุ่งรกร้างศิลาดำต่างก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ผู้ที่เข้ามาฝึกฝนประสบการณ์ ณ ที่แห่งนี้หลายคนเห็นลำแสงสีดำนั้นก็ตื่นเต้นขึ้น “เป็นพลังของสัตว์เทพ หรือว่าจะมีของล้ำค่าที่สัตว์เทพทิ้งเอาไว้”

“ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งใด ก็ต้องไปดูสักหน่อย!”

“ไป!”

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีถูกส่งออกมาอย่างปลอดภัย มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ไปหาตัวเจ้านั่นมาให้ได้”

แอบนางมาถึงสองครั้งสองคราแล้ว ครั้งนี้จะต้องจัดการเจ้านั่นอย่างโหดเหี้ยมให้ได้

“ขอรับ!” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงรีบไปอย่างรวดเร็ว

ระยะทางที่พวกเขาอยู่กับถ้ำของราชาสัตว์ศิลาดำนั้นไม่ได้ไกลกันมากนัก มันนึกไม่ถึงเป็นแน่ว่ามู่เฉียนซีจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ และมันคิดว่าจะไม่ถูกมู่เฉียนซีจับได้อีกต่อไป

สีหน้าของราชาสัตว์ศิลาดำพลันเปลี่ยนไป “เหตุใดถึงเป็นเจ้า นี่เจ้ายังไม่ตาย!”

มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ใช่ เป็นข้าอีกแล้ว!”

ราชาสัตว์ศิลาดำคิดจะหนี แต่กลับถูกเสี่ยงหงกับอู๋ตี้ขวางเอาไว้เสียก่อน อู๋ตี้กล่าว “คิดจะหนีเหรอ น่าจะหนีไม่รอดแล้วล่ะ!”

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น “ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีมาก หากไม่ใช่เพราะเจ้าวางแผนลอบทำร้ายข้า ให้ข้าตกลงไปในสถานที่แห่งนั้น ข้าก็คงจะไม่ได้รู้เบาะแสที่สำคัญถึงเพียงนั้นได้”

“เพราะฉะนั้น ข้าต้องขอบใจเจ้าสิถึงจะถูก เจ้าว่าหรือไม่!”

ปากกล่าวขอบใจ แต่กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีนั้นถูกชักออกมาแล้ว จากนั้นก็เริ่มโจมตีทันที

“มังกรเพลิงสังหาร!”

“เพลิงเผาสวรรค์!”

“ทักษะเทียนซวน!”

“……”

ตูม!

ครั้งนี้ราชาสัตว์ศิลาดำเรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากไม่มีผู้ใดช่วย ถูกรุมจนไร้ทางหนี ร้องขอชีวิตก็เป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า

ฉึก!

แกนวิญญาณสีดำนั้นถูกอู๋ตี้กัดลง

อู๋ตี้แสยะปากและกล่าวว่า “ไม่อร่อยเอาซะเลย หากนี่ไม่ใช่แกนวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้วล่ะก็ ข้าไม่ทนกินหรอก”

เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าก็เป็นแค่เจ้าแมวโง่ที่รู้จักแค่กิน มีให้เจ้ากินก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว”

“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”

ครั้นแล้วแกนวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกแมวน้อยตัวหนึ่งกัดกินเข้าไปแล้ว

มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว กลับมา!”

อู๋ตี้กับเสี่ยวหงกลับเข้าไปในมิติ มู่เฉียนมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากทุ่งรกร้างศิลาดำนี่กัน”

กู้ไป๋อีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เจ้าเรียกชื่อข้าไม่ได้หรือไง?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “แต่ข้าว่าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวไป๋มันง่ายดี และมันก็ดูน่ารักด้วย เจ้าว่าไหมล่ะ?”

กู้ไป๋อีมองหน้ามองหน้ามู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกพลางกล่าวว่า “แล้วแต่เจ้า!”

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อียังคงเดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็ได้เห็นกับคนหลายกลุ่มกำลังพรวดเข้ามา มียอดฝีมือขั้นจักรพรรดิ แม้กระทั่งยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิก็มี

พวกเขาได้เห็นกับชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกล การได้เห็นผู้ที่หน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ในทุ่งรกร้างศิลาดำกลับทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาถึงตรงหน้ามู่เฉียนซี พวกเขาเอ่ยปากกล่าวว่า “มีกลิ่นอายของสัตว์เทพแผ่ซ่านอยู่ในทุ่งรกร้างศิลาดำแห่งนี้ พวกเจ้าได้พบเห็นกับสัตว์เทพหรือไม่?”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่เห็น”

พวกเขากล่าวด้วยความฉงนสงสัยว่า “ไม่เห็นจริง ๆ เหรอ?”

“ไม่เห็น ก็คือไม่เห็น!” กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชา

“พี่ใหญ่ อย่าเสียเวลาพูดไร้สาระกับพวกมันเลย รูปร่างหน้าตาของสาวน้อยผู้นี้กับชายหนุ่มผู้นี้ดูไม่เลวเลย หึหึหึ!”

ทุ่งป่ารกร้างใหญ่แห่งนี้ช่างเป็นสถานที่ที่ใครอยากจะทำสิ่งใดก็ได้จริง ๆ

ความงามจะก่อให้เกิดความหายนะอันใหญ่หลวง หากมีพลังความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ก็ทำได้เพียงถูกพวกเขากดขี่ข่มเหง

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าจะรนหาที่ตายอย่างนั้นเหรอ?”

กู้ไป๋อีไม่มีพลังความแข็งแกร่งใด แต่ความน่าเกรงกลัวของเขายังคงอยู่ น้ำเสียงอันเย็นชานั้นทำให้คนเหล่านี้สะดุ้งกลัวเล็กน้อย

ทุ่งรกร้างศิลาดำแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย ชายหญิงคู่หนึ่งดูท่าทางแล้วอายุยังไม่มาก แต่กลับกล้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ หรือว่าพวกมันจะเป็นยอดฝีมือ

มีคนสงสัยแล้ว แต่ในทุ่งรกร้างที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ส่วนมากจะเป็นผู้ที่ไม่เกรงกลัวความตายใดใดทั้งสิ้น

“มีอันใดที่ต้องกลัว พวกมันก็แค่คนสองคน แต่พวกเรามีพี่น้องมากมายถึงเพียงนี้ ยังจะกลัวทำอะไรพวกมันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”

“นั่นน่ะสิ จะไปกลัวพวกมันทำไม ลงมือ!”

ขวับ!

จากนั้นคนเหล่านี้ก็พุ่งเข้าหาพวกเขาทันที มู่เฉียนซีขยับฝีเท้าและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ ดูแลตัวเองให้ดี แขนหักขาหักไม่เป็นไร แต่อย่าให้ใบหน้าของเจ้าเป็นอะไรไปเด็ดขาด”