บทที่ 1789 ข้อสงสัย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1789 ข้อสงสัย

 

วังสวรรค์

 

มันเต็มไปด้วยวิหารจํานวนนับไม่ถ้วน

 

ด้านหลังวิหารกลางมีหอคอยสูงที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีขาว

 

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด หอคอยดวงตาสวรรค์

 

รอบๆหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะหลายคนกําลังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

ผู้อมตะที่มีร่างกายแข็งแกร่งราวกับเสาหินกําลังเฝ้ามองอยู่ด้านนอก แม้เขาจะกําลังยืนอยู่ แต่เขาให้ความรู้สึกเหมือนเสาที่สามารถค้ํายันท้องฟ้าทั้งหมด

 

มันคือราชันมังกร!

 

“ท่านราชันมังกร” เทพธิดาจื่อเว่ยเดินเข้ามาหาราชันมังกร

 

“ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ในมือของฟางหยวน นั่นหมายความว่าเขารู้รายละเอียดของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวม ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของวังสววรรค์จําลองมากจากหม้อหลอมรวม ดังนั้นข้าจึงสั่งให้พวกเขาดัดแปลงมัน” ราชันมังกรกล่าว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบด้วยความรู้สึกผิด “ข้าล้มเหลวในหน้าที่….”

 

ก่อนที่นางจะกล่าวจบ ราชันมังกรกลับขัดจังหวะ “ไม่จําเป็นต้องโทษตนเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าทําอย่างดีที่สุดแล้ว อดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เราควรเผชิญหน้ากับปัจจุบันและวางแผนสําหรับอนาคต”

 

ราชันมังกรมองเทพธิดาจื่อเว่ยและถอนหายใจ “ตอนนี้วังสวรรค์สามารถควบคุมสถานการณ์ แต่ดูเหมือนการควบคุมของเราจะลดลงอย่างช้าๆ ฟางหยวน ผู้สืบทอดของเทพปีศาจบัว แดงสามารถต่อต้านพวกเรา เขาทําให้เฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิต ตอนนี้เขายังจับผู้อมตะภาคใต้จํานวนมาก แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่สามารถปฏิเสธจื่อเว่ย เจ้าจะจัดการอย่างไรต่อไป?”

 

ในชีวิตก่อนหน้าราชันมังกรไม่ได้ให้ความสําคัญกับฟางหยวน เขาคิดว่าฟางหยวนเป็นเพียงแมลงที่น่ารําคาญ

 

แต่ตอนนี้ชัยชนะของฟางหยวนทําให้ราชันมังกรตื่นตัว

 

เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและต้องเปิดปากถามแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างใจเย็น “สิ่งแรกคือการค้นหาเขา ตอนนี้ข้าส่งผู้อมตะระดับแปด สามคนไปยังภาคใต้เพื่อค้นหาร่องรอยของเขาแล้ว”

 

“นอกจากนี้เราจําเป็นต้องตอบโต้วิญญาณท่องแดนอมตะของเขา ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณท่องแดนอมตะ ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้ตามความปรารถนา”

 

“ข้าเตรียมการหลอมรวมวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติไว้แล้ว”

 

วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติอยู่กับหลิวห่าวแต่ตอนนี้เขาถูกจับโดยฟางหยวน เทพธิดาจื่อเว่ยมั่นใจว่าวิธีลับของวังสวรรค์จะทําให้วิญญาณผนึกห้วงมิติระเบิดตัวเอง

 

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ พวกเขาจะสามารถต่อต้านวิญญาณท่องแดนอมตะ

 

“หลังจากนี้ข้าจะเตรียมตัวป้องกันวิญญาณกาลเวลาของเขา” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างจริง

 

“ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าฟางหยวนอาจใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่แล้ว”

 

“การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกเราแพ้เพราะท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราถูกทําลาย

 

“เรื่องนี้น่าสงสัยเกินไป ฟงจิวเก้อทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เอาไว้มากมาย เหตุใดฟางหยวนจึงสามารถระบุตําแหน่งและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปิดกั้นพวกเรา?”

 

“ข้าอนุมานเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้งแต่ไม่สามารถหาคําตอบ มีเบาะแสน้อยเกินไป”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

 

“วิญญาณกาลเวลาเป็นปัญหาจริงๆ” ราชันมังกรพยักหน้า “เจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่?”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ท่านราชันมังกร เราจะใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมจัดการวิญญาณกาลเวลา แต่วิญญาณอมตะความเมตตาอยู่กับลั่วเว่ยหยิน”

 

“อืม” ราชันมังกรกล่าวเสียงต่ํา “ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลา เขาอาจไม่ได้ใช้มันเพียงลําพัง เขาน่าจะมีท่าไม้ตายอมตะ การใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมเพื่อจัดการมันเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด”

 

“ถูกต้อง” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าวางแผนที่จะติดต่อลั่วเว่ยหยินในไม่ช้า ข้าจะขอยืมวิญญาณอมตะความเมตตาจากเขา”

 

ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อนหน้า วังสวรรค์ยังไม่ได้ติดต่อลั่วเว่ยหยิน

 

แต่ผลกระทบหยดหมึกทําให้พวกเขาตัดสินใจเข้าหาลั่วเว่ยหยินล่วงหน้า

 

ราชันมังกรพยักหน้า “เจ้าต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทดสอบการกําเนิดใหม่ของฟางหยวนใช่หรือไม่?”

 

“ถูกต้อง หากลั่วเว่ยหยินปฏิเสธ โอกาสที่ฟางหยวนจะกําเนิดใหม่มีสูงขึ้น นั่นเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมของเราได้ตอบโต้ฟางหยวนไปแล้ว”

 

“หากลั่วเว่ยหยินตกลง มันหมายความว่าเราจะมีโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียม หากฟางหยวนกําเนิดใหม่แล้ว เขาไม่น่าจะอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

 

“ในเวลาเดียวกันพวกเราก็สามารถตรวจสอบทัศนคติของผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพรุ่นปัจจุบัน” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างช้าๆ

 

เมื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพถูกกล่าวถึง ราชันมังกรแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ทํามัน”

 

“อย่างไรก็ตามแม้ลั่วเว่ยหยินจะปฏิเสธ เราก็ไม่จําเป็นต้องกังวลว่าเราจะไม่มีวิธีจัดการวิญญาณกาลเวลา”

 

“ตราบเท่าที่เราสามารถควบคุมสถานการณ์และดําเนินการตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าปีศาจฟางหยวนจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์”

 

“ย้อนกลับไปกระทั่งเทพปีศาจบัวแดงยังล้มเหลว ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงฟางหยวน”

 

ราชันมังกรกล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยลังเลเล็กน้อยก่อนถาม “ท่านราชันมังกร มีบางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ด้วยรากฐานของวังสวรรค์ เหตุใดเราต้องยืมวิญญาณเพื่อจัดการวิญญาณกาลเวลา เราขาดวิธีจัดการสิ่งนี้เช่นนั้นหรือ?”

 

รอยยิ้มของราชันมังกรจางหายไป “สาเหตุมาจากเทพปีศาจบัวแดง เขาบอกกับข้าด้วยตนเองว่าเกาะบัวหินจํานวนมากของเขาไม่มีความเชื่อมโยงถึงกัน แต่พวกมันสามารถส่งอิทธิพลพิเศษ และทําให้เกิดเป็นท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง นี่เป็นความภาคภูมิใจของเขา วิธีนี้จะส่งอิทธิพลต่อสายธารแห่งกาลเวลาและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”

 

ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือวิธีการหรือวิญญาณต่างๆที่สามารถต่อต้านวิญญาณ กาลเวลาจะไม่มีวันจบลงในมือของวังสวรรค์

 

ผู้อมตะที่สามารถตอบโต้วิญญาณกาลเวลาค่อยๆตีตัวออกห่างจากวังสวรรค์ ผู้อมตะของวังสวรรค์แทบไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านวิญญาณกาลเวลา

 

“อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปอิทธิพลนี้จะลดลงเรื่อยๆ วังสวรรค์ได้รับวิธีการบางอย่างที่สามารถขัดขวางวิญญาณกาลเวลา เจ้ารู้จักพวกมัน ส่วนใหญ่เป็นวิธีการที่ไม่น่าเชื่อถือและใช้ไม่ได้” ราชันมังกรกล่าว

 

“เป็นเช่นนั้น” เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงออกอย่างสงบแต่นางลอบตกใจอยู่ภายใน วิธีการของเทพปีศาจบัวแดงเกินขีดจํากัดของเส้นทางแห่งกาลเวลาไปแล้ว มันมีร่องรอยของพลังแห่งโชคชะตา

 

เขาไม่เพียงทําลายวิญญาณชะตากรรม แต่เขายังใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเลียนแบบพลังอํานาจของวิญญาณชะตากรรม

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ หลังจากนี้ข้าจะปล่อยข่าวว่าฟางหยวนพยายามเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับแปด”

 

“ในเวลาเดียวกันข้าจะติดต่อวหยงและบังคับให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต่อต้านฟางหยวน”

 

“สุดท้ายข้าจะเลี้ยงดูฟางเจิ้งอย่างเต็มที่ คนผู้นี้เป็นกุญแจสําคัญในการจัดการฟางหยวนที่สวรรค์ประทาน เขากําลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ”

 

ภาคกลาง

 

ฟางเจิ้งลอยอยู่ท่ามกลางฝนเลือดที่ค่อยๆสงบลง

 

เขาประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติและปรับสมดุลพลังปราณทั้งสาม

 

ทันใดนั้นฟางเจิ้งพลันเปิดเปลือกตาขึ้น เขาสูดหายใจลึกก่อนจะโยนวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งเลือดเข้าไปในกลุ่มก้อนพลังปราณ

 

“ยิ้ม!”

 

กลุ่มก้อนพลังปราณระเบิดออกและกลายเป็นมิติช่องว่างอมตะ

 

มิติช่องว่างระดับสูง!

 

วิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งเลือดของเขากลายเป็นวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือด

 

“ฟางเจิ้ง ให้ข้าเข้าไปเร็ว ข้าจะช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติ!” ฟานซื่อหลิวถ่ายทอดเสียงมายังฟางเจิ้ง

 

“หือ?” ฟางเจิ้งขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ มิติช่องว่างเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้อมตะ แต่ฟานซื่อหลิวกลับต้องการเข้าไป นี่ทําให้ฟางเจิ้งรู้สึกโกรธ

 

อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับหยุดขมวดคิ้วอย่างกะทันหันและเปิดทางเข้ามิติช่องว่าง “แน่นอน ฟานซื่อหลิว เชิญเข้ามา”

 

ฟานชื่อหลิวรู้สึกประหลาดใจ ฟางเจิ้งพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ กระบวนการทั้งหมดยังไม่จบสิ้น แต่เขาเปลี่ยนวิธีการพูดและทัศนคติไปแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ

 

“ดูเหมือนวังสวรรค์จะตั้งใจเลี้ยงดูฟางเจิ้งเพื่อจัดการฟางหยวนจริงๆ แท้จริงแล้วข้าค่อนข้างอิจฉา” ฟานซื้อหลิวเต็มไปด้วยความอิจฉา

 

หลายชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติของฟางเจิ้งก็ผ่านพ้นไป ความอิจฉาของฟานซื่อหลิวพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดดวงที่สอง

 

วิญญาณอมตะเลือดเย็น!

 

หลังจากนั้นฟานชื่อหลิวก็มอบทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดจํานวนมหาศาลให้กับฟางเจิ้ง

 

ชัดเจนว่านิกายกระเรียนอมตะใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดูฟางเจิ้ง

 

นี่ทําให้ฟางเจิ้งกลายเป็นผู้อมตะระดับหกที่ร่ํารวยที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

 

“นิกายทุ่มเทกับเจ้าเป็นอย่างมาก ฟางเจิ้ง อย่าทําให้พวกเราผิดหวัง” ฟานชื่อหลิวกล่าวด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง

 

เพียงเห็นการแสดงออกที่ซับซ้อนของฟานชื่อหลิว ฟางเจิ้งก็เข้าใจและยังตกใจที่เขาได้รับกา รดูแลเป็นอย่างดี

 

โดยไม่คํานึงถึงแรงจูงใจของพวกเขา ในที่สุดข้าก็กลายเป็นผู้อมตะฟางหยวน ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้าไม่ใช่ผู้อมตะกับมนุษย์อีกต่อไป”

 

ฟางเจิ้งส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปตรวจสอบมิติช่องว่างของตน “นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า นี่คือรากฐานของข้า!”

 

เขารู้สึกถึงอนาคตที่สดใส มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่สามารถหยั่งถึง

 

“ฟางหยวน แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ยังถูกบังคับให้หลบหนีออกจากภาคกลาง เจ้าไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามาในภาคกลาง

 

“ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา มันไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะสามารถจัดการเจ้า!”

 

“แม้ข้าจะเข้าใจเจ้า แต่ข้าจะไม่อภัยให้เจ้า โชคชะตามักล้อเล่นกับผู้คนเสมอ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ยังเป็นศัตรู!”

 

ชีวิตนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ฟางเพิ่งได้รับความสนใจและความช่วยเหลือมากขึ้น เขาก้าว เข้าสู่ขอบเขตอมตะเร็วกว่าครั้งก่อน

 

ในชีวิตก่อนหน้า ทุกคนรู้จักพลังปีศาจของฟางหยวน

 

แต่ชีวิตนี้วังสวรรค์ปกปิดข้อเท็จจริงเอาไว้ขณะที่สถานการณ์ของภาคใต้ยังไม่ถูกเปิดเผย

 

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงไม่รู้ว่าเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าผู้อมตะของภาคใต้ถูกจับโดยฟางหยวน

 

สิ่งนี้ทําให้เขาเกิดความเข้าใจผิด เขาคิดว่าหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับฟางหยวนได้อีกครั้ง