GGS:บทที่ 989 ตลาดเทคโนโลยี

 

“ดูเหมือนว่าเพียงแค่สองสามเดือน การวิจัยในสองเรื่องนี้ต้องผลาญเงินไปมากมายขนาดนั้นจนกลายเป็นแบบนี้ได้นี่ นายทำอีท่าไหนเนี่ย” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและก็รู้สึกเหลือเชื่อไปพร้อมๆกัน

ผู้คนมากมายทั่วโลกจำนวนไม่น้อยที่ทำการศึกษาวิจัยในเรื่องระบบประสาทเทียมและระบบอัจฉริยะ พวกเขานั้นไม่ได้ขาดเงิน เทคโนโลยี หรือนักวิจัยหัวกระทิในการวิจัยเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขาก็ยังทำกันไม่สำเร็จเลยสักคนเดียว

 

แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างมาก หากว่าเทคโนโลยีสามารถคิดค้นกันได้ง่ายๆล่ะก็ ไม่มีทางเลยที่แอปเปิ้ลจะสามารถสร้างโทรศัพท์ดีๆได้เพียงรุ่นเดียว และรุ่นถัดๆมาเพียงแค่ปรับเปลี่ยนส่วนประกอบไปได้เพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

นี่คงเป็นเหตุผลที่ซูจิ้งและเฉิงหนานต้องสร้างห้องวิจัยแห่งนี้ แต่คำถามคือทั้งสองทำได้ยังไงถึงได้สามารถตัดผ่านขีดจำกัดของเทคโนโลยีได้เร็วขนาดนี้ แค่โชคดีงั้นเหรอ ไม่มีทาง

“หากเป็นเรื่องนี้คงต้องสอบถามท่านประธานซูแล้วล่ะค่ะ” เฉิงหนานพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“เฮ้อ นี่จะสงสัยเอาโล่รึไงกันเนี่ย” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่มีทางบอกออกมาตรงๆได้อย่างแน่นอนว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เขาเก็บมาได้จากกองขยะฯ

“อีกนานแค่ไหนกว่าเทคโนโลยีทั้งสองนี้จะพร้อมต่อการใช้งาน” หวังจ้าวเลือกที่จะถามออกมาอย่างตรงประเด็น

“ควรจะอีกไม่นานล่ะนะ ฉันได้ลองนำเทคโนโลยีประสาทเทียมไปลองใช้รักษาคนไข้ในคลีนิกพิเศษของฉันแล้ว ผลจากการลองใช้ถือว่าดีเยี่ยมเลย

ฉันขอรออีกสักพักให้การเชื่อมต่อระหว่างประสาทจริงและประสาทเทียมเสถียรเสียก่อนถึงจะประกาศออกไป

ส่วนเรื่องโทรศัพท์นี่อาจต้องทดสอบอีกพักใหญ่น่ะ ตอนนี้นักวิจัยกำลังพยายามพัฒนาฟังชั่นต่างๆที่ช่วยเสริมสมรรถนะของโทรศัพท์ให้สูงขึ้นอีกสักหน่อยก่อน

หากพวกเขาทำได้เร็วพอล่ะก็น่าจะพอใช้ได้จริงๆก็อีกประมาณเดือนนึง”

“ก็หมายความว่านายสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการสร้างชื่อเสียงในฐานะหมอเทวดาแห่งราชวงศ์ฮั่นเพื่อดีงดูดความสนใจ

ในขณะที่อีกทางหนึ่งพวกเราสามารถเตรียมการผลิตภัณฑ์ที่มาจากการวิจัยงานสองชิ้นนี้ได้สินะ และทันทีที่ผลิตภัณฑ์ออกมาพวกเราจะรับทรัพย์กันอื้อซ่า….” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกริ่มจนน่ากลัว

 

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นค่ะ” เฉิงหนานก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างเช่นเดียวกัน

“ใช่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับลูกพี่จ้าวแล้วล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาในขณะที่ยังพาหวังจ้าวเดินออกจากสถานีวิจัย

 

หลังจากแยกย้ายกลับออกไป เฉิงหนานและหวังจ้าวได้ให้คนของพวกเขาจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เบื้องต้นขึ้นมา

เนื้อหาหลักๆก็คือการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความสามารถของซูจิ้งและประวัติของกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศ

หลังจากที่ทั้งสองเห็นชอบก็ได้ดำเนินการในทันที และในทันทีที่ข่าวประชาสัมพันธ์ซูจิ้งออกไปก็สร้างความสนใจเป็นวงกว้าง

“นี่ฉันเข้าใจผิดไปรึเปล่าว่าซูจิ้งกำลังจะลงมามีส่วนในตลาดวงการระบบประสาทเทียมกับโทรศัพท์มือถือ”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันนะ หมอนี่นอกจากจะเพิ่งจะกลายเป็นหมอเทวดาไปนี่ยังคิดจะทำอย่างต่ออีก ไม่เหนื่อยบ้างรึไงกัน”

“ไอ้เรื่องแรกนี่ฉันพอเข้าใจได้นะเพราะมันยังเกี่ยวกับวงการแพทย์ แต่เรื่องสมาร์ทโฟนนี่จะไหวเหรอ”

“นั่นสิ ฉันว่าเขาไม่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้เลยนะ”

“เฮ้เฮ้ ลืมไปแล้วรึเปล่าว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาฯยังมีผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนลียีสุดล้ำอย่างแผงพลังงานแสงอาทิตย์น่ะ แผงพลังงานฯนั่นใช้เทคโนโลยีในการสร้างที่ล้ำหน้าเจ้าอื่นชนิดที่ไม่มีใครเทียบติดเลยนะ

นั่นหมายความว่าต่อให้ซูจิ้งอาจจะไม่เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่เขาก็สมควรจะมีนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิทำงานให้อย่างแน่นอน”

 

“เท่าที่ฉันรู้มามีหลายๆที่เองที่สนใจและกำลังวิจัยระบบประสาทเทียมนี้ไม่น้อยเลยนะ และตอนนี้ที่ดูๆแล้วมีความก้าวหน้ามากที่สุดก็น่าจะเป็นประเทศอเมริกา

และแน่นอนว่าที่นั่นเองก็เป็นหนึ่งเรื่องโทรศัพท์เช่นเดียวกันแถมตลาดมือถือเองก็ยังมีการแข่งขันสูงอีกด้วย คู่แข่งของเขานั้นไม่ได้มีเพียงแอปเปิ้ลเท่านั้น ยังมีฮัวเว่ย วิโว่ เสี่ยวมี่ เม่ยซู และซัมซุงที่ครองตลาดไว้พอๆกัน

แถมบริษัทพวกนี้ยังเริ่มขยายตลาดตัวเองไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นอีก ไม่ง่ายเลยที่จะแข่งด้วยได้”

 

โลกภายนอกตอนนี้กำลังมึนงงกับการกระทำของซูจิ้งมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อยเท่านั้นทั้งๆที่ยังไม่หายตกตะลึงกับข่าวร้อยของซูจิ้งอย่างการที่เขากลายเป็นหมอเทวดาแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก

ส่วนเรื่องที่ทำให้พวกเขานั้นสับสนนั่นก็คือเรื่องที่ซูจิ้งนั้นต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในวงการเทคโนโลยีนั่นเอง หลายๆคนเองตอนแรกยังคิดว่านี่เป็นข่าวที่เกิดจากความเข้าใจผิดอยู่เลย

แต่ทันทีที่พวกเขาได้เห็นที่มาของข่าวนี้จากเว็บไซต์ทางการของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเองถึงจะพอเชื่อได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

 

และนี่ก็ทำให้หลายๆคนยากที่จะเข้าใจว่าซูจิ้งนั้นทำไปทำไมกันแน่ นั่นก็เพราะว่าช่วงเวลานี้ซูจิ้งควรจะช่วงที่ซูจิ้งแสดงฝีมือในฐานะหมอเทวดาฯให้เต็มที่ไม่ใช่การก้าวเข้าไปในด้านเทคโนโลยีแบบนี้

“ลูกพี่ฮัวดูข่าวที่ผมส่งเห็นพี่แล้วรึยังครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังโทรศัพท์คุยด้วยน้ำเสียงสุภาพหลังจากที่เขาได้เห็นข่าวที่ถูกปล่อยออกมาจากกลุ่มทุนห้วงเวลา

“อื้ม เห็นแล้ว” น้ำเสียงสงบนิ่งได้พูดตอบมาจากอีกฝั่ง

“เจ้าซูจิ้งนี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ ก่อนหน้านี้มันได้เปิดพิพิธภัณฑ์และคลีนิกพิเศษจนทำให้พวกเราต้องรำคาญอย่างมากและยังสร้างความตื่นตะลึงไปทั้งโลก

 

มาตอนนี้มันยังกล้าที่จะเข้ามามีส่วนในตลาดด้านเทคโนโลยีอีก เฮ้ออออ” ชายหนุ่มพูดออกมาพลางส่ายศรีษะและถอนหายใจออกมา

“อื้ม ตัวฉันเองนั้นไม่เก่งทั้งวงการของเก่าและวงการแพทย์ แน่นอนว่าฉันทำอะไรหมอนี่ไม่ได้ แต่กับเรื่องนี้คนละเรื่องกัน หากมันต้องการจะเข้ามาเอี่ยวจริงๆก็คงต้องเจอกันหน่อยล่ะ” ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ

 

“ผมคิดเหมือนกันว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของลูกพี่ฮัวครับ ก่อนหน้านี้ลูกพี่ได้ซื้อห้องวิจัยเฉพาะด้านสมาร์ทโฟนมาได้เกือบปีแล้ว แถมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ยังเป็นไปได้ด้วยดีอีกด้วย

อีกทั้งลูกพี่ยังสำรวจการตลาดมายางดีแล้วว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราตอบโจทย์ตลาดในทุกด้าน ไหนเรายังใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่ามันอีก

ผมได้ข่าวมาว่าซูจิ้งเองเริ่มที่จะมาสนใจตลาดนี้เพียงเดือนถึงสองเดือนนี่เอง ช่างเป็นคนที่ตัดสินใจด่วนได้จริงๆ

 

ลูกพี่ ผมว่าโมบายโฟนของลูกพี่ควรจะปล่อยเวลาเดียวกับหมอนั่นนะครับ ด้วยชื่อเสียงของมันในตอนนี้นี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะประโยชน์จากชื่อเสียงของมันดันเราให้อยู่เหนือกว่าได้ในทันที”

ชายหนุ่มท่าทางสุขุมพูดออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น

พ่อของฮัวหยุนชูนั้นเป็นคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งของเมืองจีน และเขานั้นมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่อันดับต้นๆในกลุ่มตลาดหลักทั้งสี่ได้แก่ ธุรกิจบ้านพัก โรงแรมชั้นสูง ตลาดท่องเที่ยว และเครือข่ายห้างสรรพสินค้า

อย่างไรก็ตามตัวฮัวหยุนชูนั้นคิดจะเติบโตในตลาดอื่นมากกว่าอย่างการทำสมาคมอีสปอร์ตและช่องสตรีม

ด้วยการนี้พ่อของเขานั้นให้เงินมาจำนวนสามร้อยล้านหยวนแล้วสั่งเอาไว้ว่าให้ทำเงินจากทุนก้อนนี้ให้ได้พันล้านหยวน

นี่เองทำให้เขาต้องมาลงเล่นในตลาดที่ใหญ่กว่าอย่างตลาดสมาร์ทโฟนและพวกเขาเองก็ใช้เวลาเตรียมตัวมามากกว่าสองปีแล้ว นี่จึงทำให้พวกเขานั้นมั่นใจอย่างมาก

 

“ทำไมฉันจะต้องไปแข่งด้วยล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันก็เหนือกว่ามันอยู่แล้ว มันจะไม่ดีกว่าเหรอหากเราปล่อยให้หมอนั่นได้ใจไปก่อนแล้วเราค่อยปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าไปตีแสกหน้ามันแทน” ฮัวหยุนชูพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ที่ลูกพี่พูดออกมาก็ดีนะครับ” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ได้รีบพูดออกมาพร้อมยิ้มรับในแผนการของลูกพี่ตัวเองในทันที

เขาได้ทำการดูวันเวลาที่ซูจิ้งจะวางขายโทรศัพท์มือถือแล้วส่งข้อมูลไปให้ลูกพี่ของเขาได้รับทราบเอาไว้ในทันที เขาเองก็อยากจะเห็นใบหน้าของซูจิ้งเมื่อต้องมาขายโทรศัพท์แข่งกับลูกพี่ของเขาเหมือนกัน คงจะน่าขันดีพิลึก

 

พลางนึกในใจว่าด้วยการที่ตอนนี้หมอนี่มีชื่อเสียงจากพิพิธภัณฑ์และได้รับฉายาว่าเป็นหมอเทวดาแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมาทำให้ได้ใจเกินไปสินะ จึงคิดจะใช้เพียงชื่อเสียงในการลงตลาด ตราบใดที่มีลูกพี่ของเขาอยู่ไม่มีทางจะสำเร็จโดยง่ายอย่างแน่นอน

 

นักวิทยาศาสตร์ในอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี และประเทศอื่นๆเองก็รับทราบข่าวนี้เช่นเดียวกัน

“หากว่าข้อมูลที่เราได้รับมาเชื่อถือได้ล่ะก็ ดูเหมือนว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาและอวกาศที่อยู่ในเมืองจีนกำลังจะทำอวัยวะเทียมออกขายอยู่นะ นั่นหมายความว่าที่นั่นก็มีการวิจัยระบบประสาทเทียมอยู่เหมือนกัน”

“แล้วยังไงล่ะไม่เห็นจะหน้าแปลกใจตรงไหนเลย อีกอย่างยังไงซะเทคโนโลยีของจีนก็ล้าหลังกว่าเรามากเลยนะ”

“มันก็จริง แต่ประเด็นคือผู้พัฒนาคือกลุ่มทุนห้วงเวลาฯนั่นต่างหาก ที่นั่นมีซูจิ้งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่น่ะ”

“….เดี๋ยวนะ กลุ่มทุนห้วงเวลาฯนี่ใช่ผู้นำเทคโนโลยีด้านพลังงานแสงอาทิตย์นั่นรึเปล่า ถึงจะใช่แล้วยังไง พวกนั้นก็มีดีแค่เรื่องพลังงานสะอาดเท่านั้น ไม่เคยเห็นมีข้อมูลเกี่ยวกับระบบประสาทเทียมออกมาเลยสักนิด

แล้วไหนจะคนที่ชื่อซูจิ้งนั่นอีก ฉันคุ้นๆว่าเขาเป็นหมอราชวงศ์อะไรนั่นไม่ใช่เหรอ รู้สึกจะเป็นคนที่รักษาฮอว์กิ้งใช่ไหม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหมอนั่นล่ะ”

 

“ใช่ ซูจิ้งคนนั้นเป็นหมอที่รักษาฮอว์กิ้ง เขานั้นเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มทุนห้วงเวลาฯและริเริ่มการสร้างแผงพลังงานแสงอาทิตย์นั่น

และนั่นก็หมายความว่าพวกเขานั้นมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีมากกว่าใครได้เช่นเดียวกัน การที่มีชื่อหมอนี่อยู่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่ทำเล่นๆอย่างแน่นอน”

“ฉันว่าพวกนั้นแค่ตีข่าวให้เวอร์ๆจะได้ถูกพูดถึงกันก็เท่านั้นเองแหล่ะน่า และไม่ว่าจะเป็นวงการไหนก็ตามฉันก็เชื่อว่าประเทศของเรานั้นล้ำหน้าในทุกด้าน รวมถึงการสร้างระบบประสาทเทียมนั่นด้วย”

 

เมื่อเหล่าแบรนด์ยี่ห้อสมาร์ทโฟนดังๆทั้งหลายได้ยินข่าวนี้ต่างก็ไม่ใส่ใจเรื่องที่ว่าซูจิ้งจะเข้ามาลงเล่นในตลาดสมาร์ทโฟนแม้แต่น้อย

พวกเขานั้นถือว่าตัวเองได้ครองตลาดส่วนนี้อย่างสมบูรณ์อย่างแน่นอนแล้ว แถมยังมีการพัฒนาโทรศัพท์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ต่อให้มีแบรนด์ใหม่มามากมายขนาดไหนก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะกระเทือนได้อย่างแน่นอน ขนาดแบรนด์ใหญ่ๆจากตลาดอื่นมาลงเล่น พวกเขายังไม่สนใจเลย นับประสาอะไรกับแบรนด์โทรศัพท์ใหม่แกะกล่องแบบนี้