ของในมือของหลินหันเยียนร่วงลงบนพื้น สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่น ต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่พูดอะไรไม่ออก 

 

 

หลินจ้งเข้าใจความรู้สึกของนาง รู้ดีว่านางต้องการพูดอะไร จึงได้กล่าวว่า “ท่านหญิงน้อยเย่ว์เอ๋อร์แห่งจวนอ๋องใช้โอกาสตอนกองทัพเดินทางมายังชายแดนหนีตามมาด้วย ซื่อจื่อไม่วางใจ จึงได้ส่งท่านหญิงน้อยเมิ่งเอ๋อร์และคุณชายเฮ่ามาดูแล แต่ว่าพวกเขาคงพลัดหลงกัน จนวันนี้ก็ยังไม่พบตัว” จากนั้นเสริมอีกคำว่า “คุณชายเฮ่าเอ๋อร์เป็นลูกชายของคุณชายรอง” 

 

 

หลินหันเยียนผุดลุกขึ้นมาทันที แรงลุกทำให้เก้าอี้หงายล้ม ถามด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “เขา เขา เขา…” 

 

 

“หน้าตาเหมือนคุณชายมาก เหมือนเขาตอนเด็กๆ ไม่มีผิด” 

 

 

หลินหันเยียนเดินเข้าไปหาหลินจ้ง กอดแขนเขาเอาไว้แน่นถามด้วยความร้อนใจว่า “พวกเขาอยู่ที่ใด พาข้าไปพบที” 

 

 

“เด็กทั้งสองเดินทางมาหลายวัน ร่างกายเหนื่อยล้า ข้าสั่งให้คนพาพวกเขาไปห้องรับรองแขก หากเจ้าอยากพบ ก็รอให้พวกเขาตื่นแล้วค่อยว่ากันเถิด” 

 

 

มือของหลินหันเยียนที่กอดแขนของหลินจ้งออกแรงมากกว่าเดิม หลินจ้งเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว “เยียนเอ๋อร์” 

 

 

เมื่อสังเกตได้ว่าตนเองผิดปกติ หลินหันเยียนจึงปล่อยมือของตนลง ฝืนยิ้มเล็กน้อย “ข้ารู้แล้ว รอให้พวกเขาตื่นแล้วข้าค่อยไปดีกว่า” พูดจบ เดินไปยังเก้าอี้อย่างไรวิญญาณ โน้มเอวลง จับเก้าอี้ไว้แน่น สายตาจับจ้องไปที่ใดที่หนึ่ง สติล่องลอย 

 

 

หลินจ้งขมวดคิ้ว เดินไปหานาง ก้มมองนาง “น้องเล็ก! ”  

 

 

หลินหันเยียนเงยหน้า มองเขาอย่างไร้สติ 

 

 

“เรื่องระหว่างเจ้าและคุณชายรองมันผ่านไปแล้ว บัดนี้เขามีลูกมีเมียไปแล้ว ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข เจ้า…” 

 

 

เขายังพูดไม่จบ ก็ถูกหลินหันเยียนตัดบท “พี่ใหญ๋ ท่านวางใจเถิด ข้าเพียงแต่ได้ยินข่าวเช่นนี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งตัว จึงทำให้ตกใจเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดอื่นใด” 

 

 

หลินจ้งมองนาง อยากจะมองแววตาของนางดูว่าที่นางพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่  

 

 

หลินหันเยียนจ้องเขาตอบ ด้วยสายตาแน่นิ่ง 

 

 

ครู่ใหญ่ หลินจ้งถอนหายใจออกมา “น้องเล็ก พี่รู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าอยู่อย่างทรมาน แต่ว่าเรื่องเหล่านี้มันผ่านไปแล้ว เจ้าเก็บมาคิดอีกก็ไร้ประโยชน์ เจ้าและคุณชายรองไม่มีวาสนาได้ครองคู่กัน” 

 

 

หลินหันเยียนเผยรอยยิ้มอันเจ็บปวดออกมา ก้มหน้า พูดเสียงต่ำว่า “ข้ารู้ ข้าลืมเขาไปแล้ว” 

 

 

หากลืมเขาได้คงไม่มีท่าทางเช่นนี้หรอก หลินจ้งรู้ดีว่านางโกหก แต่ก็หาคำมาปลอบใจนางไม่ได้ จึงได้ถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “เจ้าทำงานต่อเถิด รอพวกเขาตื่นแล้วข้าจะส่งคนมาบอกเจ้า” 

 

 

หลินหันเยียนพยักหน้า  

 

 

หลินจ้งหันหลังเดินสาวเท้ายาวออกไปด้านนอก แอบถอนหายใจไม่หยุด คิดว่ามาถึงชายแดนออกห่างจากเมืองหลวง ก็คงจะหลุดพ้นจากคนและเรื่องเหล่านี้ ใครจะคิดว่าผ่านไปสิบกว่าปีแล้วกลับยังมาพานพบกันได้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกว่าร่างกายเย็นเฉียบ ราวกับว่านอนอยู่บนพื้นน้ำแข็ง ตาปิดอยู่ ยื่นมือออกมา หวังจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาห่มกายและนอนต่อ แต่ควานหาอย่างไรก็ไม่พบ รู้สึกผิดปกติ จึงลืมตาขึ้น สิ่งที่ตาเห็นคือเพดานซอมซ่อ ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นแปลกปลอม ในใจหนักหน่วงมาก รีบลุกขึ้นนั่งทันที พบว่ามึนหัวเล็กน้อย จึงสะบัดหัวแรงให้ตนเองตื่นขึ้น จากนั้นจึงได้กวาดตาไปรอบๆ ห้อง จึงพบว่า นอกจากนางแล้ว ในห้องยังมีเด็กหนุ่มหน้าตาตระหนกอยู่หลายคน ขมวดคิ้ว ถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ที่นี่ที่ใดกัน” 

 

 

ไม่มีใครตอบนาง 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์กวาดตามองอีกครั้ง พูดเสียงดังขึ้น ถามว่า “ตกลงว่าที่นี่มันที่ใดกัน” 

 

 

“ชิง…ชิง…ชิงเฟิงโหลว” เด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้นางน้อยที่สุด ตอบอย่างลนลาน  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ขมวดคิ้วติดกัน “ชิงเฟิงโหลว เป็นที่แบบใดกัน” 

 

 

สีหน้าของเด็กชายคนนั้นแดงขึ้น พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “ก็…ก็…ก็คือ…ที่ที่มีไว้สำหรับสร้างความบันเทิงให้ผู้ชายที่มีรสนิยมแปลกๆ อย่างไรเล่า” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม ที่ที่สร้างความบันเทิงให้ชายคือชิงโหลวนางเข้าใจ แต่ที่ทำให้นางไม่เข้าใจคือเหตุใดจึงไม่จับตัวเด็กผู้หญิงมา เหตุใดในห้องจึงมีแต่ผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกัน  

 

 

จากนั้นก็ถามต่อว่า “อย่างนั้นพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่”  

 

 

ใบหน้าของเด็กชายเหล่านั้นเผยความตระหนกออกมา แต่กลับไม่มีใครตอบคำถามนาง  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์อยากจะถามอีก แต่มีคำถามที่น่าสำคัญยิ่งกว่า จึงได้ถามทุกคนว่า “ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าควรอยู่ที่ที่พักไม่ใช่หรือ” 

 

 

เด็กทั้งหมดมองนางด้วยความเวทนา  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เมื่อกำลังจะถามอีกครั้ง เสียงเปิดกุญแจที่หนาแน่นก็ดังขึ้น จากนั้นชายฉกรรจ์หน้าตาอัปลักษณ์ รูปร่างกำยำเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่านางตื่นแล้ว ไม่พูดอะไร พาร่างของนางออกไปด้วย 

 

 

ขณะที่ชายฉกรรจ์กำลังบุกเข้ามา หวงฝู่เย่าเย่ว์ปัดมือเขาออกมาโดยสัญชาติญาณ แต่ก็รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย นางรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย หากลงมือตอนนี้ จะต้องเสียเปรียบเป็นแน่ จึงไม่คิดจะต่อสู้ ยอมให้เขาลากตัวออกไปแต่โดยดี 

 

 

แม่เล้าตื่นแล้ว แต่งหน้าแต่งตัวสะสวย ยืนอยู่ด้านนอก 

 

 

หลังชายฉกรรจ์ลากหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมา ก็วางไว้ตรงหน้านาง 

 

 

แม่เล้ามองนางอย่างพิจารณา ทำเสียง จิ๊จิ๊ ในปาก จีบคอ ในเสียงที่ทำให้หวงฝู่เย่าเย่ว์ฟังแล้วกระอักกระอ่วนพูดว่า “เถ้าแก่โรงแรมซีเฉิงไม่ได้โกหกจริงๆ ด้วย เจ้าหนุ่มคนนี้มีดวงตายั่วยวนคนเสียจริง แต่เสียดาย ผิวคลำไปหน่อย มิเช่นนั้น ข้าใช้เวลาสอนสักหน่อย ก็สามารถเป็นอันดับต้นๆ ของชิงเฟิงโหลวได้เลย” 

 

 

พูดจบ ก็ยื่นมือออกมา ก็ลูบไล้แขนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจว่า “อัยหยา ข้าได้ของดีหรือนี่ ผิวของพ่อหนุ่มนี่นุ่มนิ่มยิ่งกว่าเด็กสาวเสียอีก” พูดจบ ก็ลูบไล้อีกอย่างอดไม่ได้ 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์อดใจไม่ให้เตะนางจนกระเด็น ยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม เพียงแต่ว่านางยังเล็ก ไม่สามารถสะกดอารมณ์ได้ดีเพียงนั้น บัดนี้ไฟโกรธในแววตาของนางได้บ่งบอกถึงความรู้สึกในใจแล้ว 

 

 

แต่ว่าสายตาเช่นนี้ แม่เล้าเห็นจนชินตาเสียแล้ว จึงได้บิดกาย เดินรอบตัว และหยุดนิ่งตรงหน้านาง ใช้นิ้วม้วนผมตัวเองด้วยหลงตัวเองว่าสวย พูดเชื่องช้าว่า “ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ เข้ามาที่ชิงเฟิงโหลวของข้าแล้ว เจ้าจงอย่าคิดจะหนีไป เพราะหากข้าจับตัวได้แล้วล่ะก็ เจ้าจะเสียใจที่พ่อแม่ทำให้เจ้าได้เกิดมา” 

 

 

ในเมื่อนางมองออกแล้ว หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ไฟในตาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม  

 

 

แต่แม่เล้ากลับยื่นมือมาหยิกหน้านางทีหนึ่ง “อั้ยหยา พ่อหนุ่มนี่อารมณ์ร้อนจริงๆ ดูทีแล้ว ข้าคงต้องเหนื่อยสอนยกใหญ่เลยล่ะ” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์เปิดปาก เสียงแหบทุ้ม “พวกเจ้าค้ามนุษย์ ทางการไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่” 

 

 

แต่แม่เล้ากลับทำเหมือนว่าได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต หัวเราะเล็กน้อย “ทางการ? พวกเราอยู่ไกลเพียงนี้ มีทางการที่ใดมาใส่ใจเล่า พ่อหนุ่ม ข้าจะบอกเจ้าให้ ที่หมู่บ้านหมิงเหอนี่เป็นถิ่นของ แม่เล้าเหอ เป็นถิ่นของข้า! ในเมื่อเจ้าตกมาอยู่ในมือข้าแล้ว ก็จงอย่ามีความคิดที่ไม่ควรมีเลย” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หรี่ตาลง ดูเหมือนว่าตกใจไม่น้อย ไฟโกรธในดวงตามลายหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือแววตาหวาดกลัวและลำตัวสั่นเทา 

 

 

แม่เล้าเห็นท่าทางของนาง จึงได้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “รู้ว่าอะไรควรไม่ควรก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก” 

 

 

พูดจบ สั่งชายฉกรรจ์ว่า “เอาคนพวกนั้นออกไปด้วย เปลี่ยนเป็นห้องดีๆ เอาของดีให้กินด้วย อีกไม่กี่วันแขกพิเศษของเราก็จะมาถึงแล้ว อย่าเอาพวกผอมโซ ไม่มีน้ำยาไปปรนนิบัติท่านๆ” 

 

 

ชายฉกรรจ์ไม่พูดอะไร เดินตรงไปในห้อง เปิดประตูกว้าง ตะโกนไปด้านในด้วยเสียงแหบแห้ง “ออกมาให้หมด” 

 

 

เด็กหนุ่มเหล่านั้นเดินออกมาด้วยความหวาดกลัว 

 

 

จากนั้นชายฉกรรจ์ก็ปิดประตู เสียงปิดประตูดังสนั่น ทำเอาเด็กหนุ่มเหล่านั้นตัวสั่นไปตามๆ กัน  

 

 

เมื่อได้กลิ่นเหม็นจากตัวพวกเขา แม่เล้าก็บีบจมูกตัวเอง โบกมือ “รีบเอาออกไป เอาออกไป! ” 

 

 

“ตามข้ามา!” ชายฉกรรจ์พูดอีกครั้ง เดินนำด้านหน้า 

 

 

เด็กหนุ่มเหล่านั้นเดินตามไปด้านหลัง 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หันหลัง เดินตามไปหลังสุด  

 

 

“จัดการให้ดีล่ะ เตรียมน้ำร้อนให้พวกมันอาบ เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย” แม่เล้าตะโกนตามด้านหลัง 

 

 

เสียงทุ้มต่ำของชายฉกรรจ์ลอยตามมา “เข้าใจแล้ว” 

 

 

จากนั้นก็พาทั้งหมดมายังหน้าห้องห้องหนึ่ง ชายฉกรรจ์หยุดฝีเท้าลง เปิดประตู บอกให้ทุกคนเดินเข้าไป  

 

 

ทุกคนไม่กล้าขัดคำสั่ง เดินเข้าไปโดยดี เมื่อเห็นห้องโถงกว้าง หน้าต่างโปร่งแสง และเตียงนอนนุ่มๆ หลายหลัง สีหน้าก็ดีใจขึ้นมา 

 

 

“อยู่กันดีๆ ล่ะ ข้าจะไปสั่งให้คนเอาน้ำมาให้พวกเจ้า” ชายฉกรรจ์พูดด้วยเสียงต่ำ 

 

 

เด็กหนุ่มพยักหน้า  

 

 

ชายฉกรรจ์ไม่ได้ปิดประตู หันหลังเดินออกไป  

 

 

เด็กหนุ่มไม่กล้านั่งลง ยืนกระสับกระส่ายอยู่ในห้อง  

 

 

อาจเป็นเพราะเมื่อคืนดมยาสลบมากไป บัดนี้หวงฝู่เย่าเย่ว์ยังคงมีอาการมึนหัวอยู่ เดินมาข้างเตียง นั่งลง  

 

 

เด็กหนุ่มอีกคนเบิกตาโต มองนางด้วยความอิจฉา  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ตบเตียง พูดกับทุกคนว่า “มองข้าด้วยเหตุใดกัน รีบมานั่งกันสิ” 

 

 

ทั้งหมดส่ายหน้า ไม่มีใครกล้าขยับ  

 

 

เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดของพวกเขา หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงไม่ได้ชวนต่อ เอนหลัง นอนลงบนเตียง 

 

 

ชายฉกรรจ์กลับมา เมื่อเห็นท่าทางของหวงฝู่เย่าเย่ว์ จึงได้ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อนึกถึงคำขอแม่เล้า คำที่จะต่อว่าก็ได้ถูกกลืนลงไป โบกมือ คนด้านหลังจึงได้ยกน้ำร้อนสองถังเข้ามา 

 

 

ชายฉกรรจ์โยนชุดใหม่ไว้บนเตียง “อาบน้ำให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วค่อยเรียกข้า” 

 

 

เด็กหนุ่มเหล่านั้นตอบรับด้วยความกลัวอีกครั้ง  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ขยับแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

มือของชายฉกรรจ์กำแน่น กดทับความคิดที่จะไปยตัวนางขึ้นมา หันหลังเดินออกไป จากนั้นก็ปิดประตูลง 

 

 

เด็กหนุ่มมองหน้ากันไปมา เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเอง  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ได้ยินเสียงซู่ซ่า ปิดตาลงแน่นกว่าเดิม กลัวว่าจะได้เห็นภาพที่ไม่ควรเห็น 

 

 

เสียงอาบน้ำดังอยู่ราวหนึ่งก้านธูป จึงได้หยุดลง ในขณะที่หวงฝู่เย่าเย่ว์กำลังนอนงัวเงียอยู่นั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอยู่ตรงหน้านางว่า “ถึงตาเจ้าอาบน้ำแล้ว”