GGS:บทที่ 991 ขยะชุดใหม่

ในกองขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศชุดใหม่นั้น ซูจิ้งได้เห็นขยะมากมายหลากหลายชนิด จากเท่าที่เขาเห็นก็พอจะแบ่งหยาบๆได้เป็นพลาสติก ห่อขยะ เศษกระดาษ เศษเหล็ก และของอย่างอื่นที่ล้วนแล้วแต่บ่งบอกว่าห้วงเวลาฯที่พวกมันจากมานั้นค่อนข้างจะคล้ายกับยุคปัจจุบัน

มีเพียงสิ่งเดียวที่เข้าตาเขา นั่นก็คือร่างที่คล้ายมนุษย์แต่มีรูปลักษณ์ผิวพรรณที่คล้ายโลหะที่คล้ายกับถูกแยกชิ้นส่วนมา
แต่จะบอกว่าพวกมันคล้ายมนุษย์ก็ไม่เชงซะทีเดียวเพราะบางชิ้นนั้นมันช่างดูใหญ่โตกว่ามนุษย์ทั่วไป แขนบางชิ้นก็มีขนาดยาวหลายเมตร ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่ค่อนข้างจะมีชิ้นส่วนครบถ้วนแต่พวกมันก็ดูสูงยาวเกินกว่าสิบเมตรเลยทีเดียว
ซูจิ้งได้ลองให้ฉิงหยุนจำแนกพวกมันตามลักษณะเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่บังคับให้พวกมันลอยอยู่เหนือพื้น
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นเงาดำบางอย่างที่ใหญ่โตห่างไปเกือบริบๆสายตา มันคือหนูตัวใหญ่ที่พยายามดีดตัวออกจากกองขยะห้วงเวลาฯที่พึ่งจะหล่นลงมาเหมือนพยายามที่จะกลับเข้าไปในกองขยะที่ยังไม่ถูกแยก
ทันทีที่ซูจิ้งได้เห็นเจ้าหนูตัวนี้เขามองอย่างตกตะลึงไปเพียงชั่วครู่ นั่นก็เพราะว่าเจ้าหนูนี้ตัวใหญ่มากราวกับกระต่ายยักษ์ที่มีอยู่บนพื้นโลกที่มีตัวสีดำ

เท่าที่ดูแล้วตัวมันนั้นน่าจะหนักราวๆสิบกิโลกรัม หน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัวและมีฟันที่แหลมคมราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง และที่ทำให้ซูจิ้งประหลาดในที่สุดก็คือความเร็ว
ความเร็วที่เขาเห็นเมื่อสักครู่นี้น่าจะเทียบได้พอๆกับเสือชีตาร์เลยทีเดียว แต่ความเร็วเพียงเท่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลให้เขากดดันแต่อย่างใด นั่นก็เพราะตัวเขานั้นมีความเร็วเหนือกว่าเสือชีตาร์ไปมากโขแล้ว ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจัดการได้ไม่ยากนัก แต่อย่างน้อยๆตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าหนูตัวนี้ไม่ใช่หนูธรรมดาอย่างแน่นอน
ซูจิ้งได้ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยการที่อยู่ท่ามกลางสนามพลังของฉิงหยุนทำให้เขารับรู้ได้ถึงแรงต้านอยู่บ้าง แต่ก็เท่านั้น เพียงยังไม่ทันกะพริบตา เขาก็สามารถเข้ามายืนอยู่ข้างๆเจ้าหนูยักษ์ตัวนี้ได้เรียบร้อยแล้ว

ทันทีที่เจ้าหนูยักษ์รู้สึกตัวได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ข้างๆ มันก็ได้ตกใจกระโดดจนตัวโยนก่อนจะพยายามแว้งมาทางทิศที่มันรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ แล้วพยายามขบกัดไปที่ต้นคอของซูจิ้งในทันที
แต่ทันทีที่เจ้าหนูยักษ์ได้กระโดดจนตัวลอยนั้น มือข้างหนึ่งของซูจิ้งที่ใส่ถุงมือเตรียมเอาไว้แล้วได้คว้าจับเข้าไปที่คออย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบและบีบคอของหนูยักษ์เอาไว้อย่างแน่นหนา
เจ้าหนูยักษ์ที่ตกอยู่ในสภาพนั้นก็ได้พยายามจะใช้กรงเล็บจับซูจิ้งเช่นเดียวกัน ในตอนนั้นเอง ซูจิ้งได้ปลดปล่อยกระแสจิตออกมาอย่างรวดเร็ว
มีเสียงดังคลิ๊กเกิดขึ้น ทันใดแขนขาของหนูยักษ์ก็ดูไร้เรี่ยวแรงในทันที ซูจิ้ง พยายามเต็มที่ที่จะไม่ฆ่าเจ้าหนูตัวนี้ หากเขาใช้ตราประทับมังกรตั้งแต่แรกล่ะก็ แน่นอนว่าหนูยักษ์ตัวนี้คงระเบิดเป็นจุลไปเรียบร้อยแล้ว

มาถึงตอนนี้ หนูยักษ์ตัวหนึ่งที่แอบจ้องมองเหตุการณ์อยู่ก็ได้วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และพยายามซ่อนตัวอยู่ในกองขยะส่วนที่เหลือ
แต่ครั้งนี้ ซูจิ้งไม่ได้พยายามจะจับมันเหมือนหนูตัวแรก เขาได้ปลดปล่อยกระแสจิตออกมาแล้วส่งกระแสจิตเข้าไปโจมตีสมองโดยตรงจนกระทั่งเจ้าหนูยักษ์ตัวที่สองก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอีกต่อไป มันได้รีบวิ่งเข้ามาหาซูจิ้งในทันที เจ้าหนูยักษ์ตัวที่สองนี้ไม่ได้มีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวแต่อย่างใด แถมมันยังดูฉลาดเสียด้วย

ตอนที่ซูจิ้งส่งกระแสจิตเข้าไปควบคุมหนูยักษ์ตัวนี้ก็ได้รู้ว่ามันนั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่งมากกว่าหนูบนโลกอย่างมาก และไม่ได้ด้อยไปกว่าคนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอต่อการฝืนทนต่ออำนาจจิตของซูจิ้งอยู่ดี
ซูจิ้งได้ทำพันธสัญญากับหนูยักษ์ตัวอยู่ในมือของเขา นอกจากนั้นเขายังพบว่ามีหนูอีกหลายตัวที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากวังวนมิติ
ส่วนใหญ่พวกมันก็ตกตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนตัวที่ยังไม่ตาย ซูจิ้งก็ได้ใช้การทำพันธสัญญากับพวกมันทั้งหมด ดูเหมือนว่าเจ้าหนูยักษ์พวกนี้จะเป็นสัตว์ถิ่นของกองขยะห้วงเวลาฯจากที่ที่พวกมันจากมาอย่างแน่นอน

“ขยะฯชุดนี้มาจากที่ไหนกันหว่า แค่หนูยังทรงพลังขนาดนี้” ซูจิ้งได้นึกขึ้นอยู่ในใจ ทันใดนั้น สายตาของซูจิ้งก็ได้สังเกตุว่ามีวัตถุขนาดใหญ่ที่หล่นลงจากวังวนมิติที่ดูแปลกแยกกว่าขยะฯอื่นๆที่หล่นลงมาพร้อมกัน
เขาได้จ้องมองมันด้วยสายตาที่หรี่จนแทบจะปิดราวกับเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่าง ทันทีที่เขามันชัดๆกระพริบตาถี่ๆ หัวใจของเขาเต้นแรง และตกใจจนสะเดื้องเฮือกไปเล็กน้อย
หากว่านี่เป็นสัตว์ร้ายทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะมีท่าทางเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ปรากฎตรงหน้านั้นมันใหญ่มากจนเขานั้นเก็บอาการตกใจไม่ไหวจริงๆ

สิ่งที่เขาเห็นนั้นก็คือกิ้งก่า ที่มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ราวกับเป็นเนินเขาย่อมๆ ลำตัวของมันนั้นมีขนาดไม่น่าจะต่ำกว่าสิบเมตรอย่างแน่นอน ที่หางของมันนั้นมีก้อนกลมๆใหญ่โตราวกับถังน้ำ ทั่วทั้งร่างของมันมีเกล็ดสีฟ้าที่ดูมันวาวราวกับเป็นชุดเกราะเลยทีเดียว
ด้วยพลังงานของสนามแม่เหล็กของฉิงหยุนทำให้กิ้งก่ยักษ์ตัวนี้ค่อยร่วงหล่นสู่พื้นดินอย่างช้าๆ แต่ทันทีที่มันถึงพื้น มันก็แสดงท่าทางอันบ้าคลั่งออกมาก่อนที่จะหันรีหันขวางราวกับว่าหาต้นตอที่ทำให้มันมีสภาพแบบนี้
ทันทีที่มันเห็นซูจิ้งก็ได้พุ่งเข้าใส่ในทันทีราวกับว่ามันเป็นรถถังหุ้มเกราะที่เห็นคนตรงหน้าแล้วเร่งเครื่องเพื่อบดขยี้

ปฏิกิริยาเช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์ที่อยู่มีฐานะเป็นผู้ล่าของห่วงโซ่อาหาร อย่างพวกหนูยักษ์ที่มีอันตรายก็พยายามหลบซ่อนตัวและหลบหนีนั่นเอง พวกมันอยู่ในระดับล่างๆของห่วงโซ่อาหารที่ทำให้มันนั้นถูกไล่ล่าอยู่เป็นประจำ
แต่กับเจ้ากิ้งก่าตัวนี้ ด้วยปฏิกิริยาของมันนั้นทำให้รู้ได้เลยว่ามันนั้นอยู่ในระดับบนๆ เพราะว่ามันเพียงแค่เห็นซูจิ้งก็พุ่งเช้าใส่ในทันที
กิ้งก่ายักษ์ไม่ได้สนใจขยะฯที่ลอยลงมาขวางหน้ามันแม้แต่น้อย มันพุ่งชนเข้ามาราวกับว่าขยะพวกนั้นเป็นเพียงแค่ฝุ่นผง
ขนาดมันเจอหินก้อนยักษ์ที่ลอยมาขวางอยู่ตรงหน้ามันก็ยุ่งพุ่งชนให้แตกออกได้อย่างไม่ยากเย็นและไม่ได้มีท่าทีชะงักหรือเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ร่องลอยบนเกล็ดของมันก็ไม่มี นี่แสดงให้เห็นว่าเกล็ดของมันนั้นแข็งพอดูเลยทีเดียว
“ความเร็ว ความแข็งแกร่ง การป้องกัน ทั้งหมดล้วนยอดเยี่ยม เจ้ากิ้งก่ายักษ์นี่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” สมองของซูจิ้งในตอนนี้กำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว และเขาก็รับรู้แล้วว่ากิ้งก่ายักษ์ตัวนี่น่าจะยากในการจัดการ
ซูจิ้งได้ปล่อยกระแสจิตพุ่งโจมตีไปยังสมองของกิ้งก่ายักษ์โดยตรง แต่ในครั้งนี้แทนที่เขาจะสะกดจิตมัน เขากลับใช้การโจมตีทางกระแสจิตอันหนักหน่วง

เขาประเมินได้ในทันทีเลยว่าจิตใจของกิ้งก่าตัวนี้ต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอนจึงไม่คิดจะเสียเวลาเพื่อเพิ่มความเสี่ยงแต่อย่างใด
แต่เจ้ากิ่งแก่นี่ก็เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง มันได้ทำการดีดตัวถอยหลังออกไปอย่างสุดกำลัง ทันทีที่เห็น ซูจิ้งก็ได้ตัดสินใจบอกฉิงหยุนออกมาในทันทีว่า “ฉิงหยุน ส่งมันไปในพื้นที่ทั่วไป”
“รับทราบ” ฉิงหยุนรับคำสั่งพร้อมกับส่งกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ไปยังพื้นที่ทั่วไปในทันที แต่นี่กับเหมือนเป็นการยั่วยุมัน มันได้ทำการโจมตีกำแพงมิติอย่างบ้าคลั่ง
ถึงแม้กำแพงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังเกิดเสียงอันดังลั่นจนเกิดคลื่นกระแทกจนซูจิ้งสัมผัสได้
ฉากที่ซูจิ้งได้เห็นนี้ทำให้เขาเองก็ต้องตกใจไม่น้อยเหมือนกัน พลางคิดขึ้นมาว่าหากโดนเข้าไปสักทีคงกระดูกหักไปหลายชิ้นเป็นแน่

ทันใดนั้นซูจิ้งได้ย้ายตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ทั่วไปเช่นเดียวกัน เขาได้ซัดมีดบินจำนวนหนึ่งออกไปพร้อมกับเสริมความเร็วโดยใช้กระแสจิตของเขาจนเกิดเสียงกรีดร้องในอากาศ
มีดบินได้ก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องอยู่ในอากาศนานพอดีก่อนที่จะเกิดเสียงกระแทกที่ดังสนั่นตามมา
ด้วยความเร็วขนาดนี้ถึงแม้กิ้งก่ายักษ์จะไม่สามารถหลบได้ก็ตาม แต่มีดบินก็ไม่สามารถทำอะไรเกล็ดของมันได้แม้แต่จะทำให้เกิดร่องรอย
มีเพียงเสียงกระทบระหว่างมีดบินและเกล็ดดังเคร้งที่ดังมากๆเท่านั้น และนั่นเพียงแค่ทำให้เกิดประกายไฟสีฟ้าขึ้นมาเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่ามีดบินนี้จะทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
กิ้งก่ายักษ์เองที่รู้สึกตัวว่าโดนทำร้ายก็ได้คำรามออกมาและพุ่งตรงเข้าหาซูจิ้งในทันที แต่ซูจิ้งก็ได้หายไปกับพื้นที่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เขากลับมาอยู่ภายในบ้านของเขาเรียบร้อยแล้ว ด้วยความสามารถในการโยกย้ายของฉิงหยุนนี้ก็เปรียบได้กับเขานั้นมีสูตรโกงของเกมอยู่กับตัว

ซูจิ้งยังได้ทดลองโจมตีกิ้งก่ายักษ์อยู่อีกหลายครั้งแล้วก็ได้พบอะไรบางอย่าง เกล็ดของกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้แข็งมากแม้แต่มีดอีกาของเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้
มีเพียงเข็มขนของซุนหงอคงทั้งสามเล่มเท่านั้นที่พอจะสร้างร่องรอยได้บ้างแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายเกล็ดของมันได้
แต่อย่างน้อยๆในตอนนี้ซูจิ้งก็ได้พบจุดอ่อนของมันนั่นก็คือบริเวณลำคอ ด้วยการที่มันนั้นต้องเอี้ยวคอไปมาทำให้เกล็ดบริเวณนี้อ่อนกว่าส่วนอื่นๆจนเกือบเรียกได้ว่ามีแต่เนื้อเลยก็ว่าได้ พื้นที่ส่วนนี้ แม้แต่มีดธรรมดาก็ยังแทงเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่กิ้งก่ายักษ์เองมันก็รู้จุดอ่อนของมันเป็นอย่างดี มันคอยใช้สายตาอันว่องไวของมันจับทิศทางของมีดเอาไว้ ทันทีที่รู้ว่ามีดมีดของเขานั้นเข้าไปใกล้บริเวณนี้ มันก็จะรีบดีดตัวออกไปในทันทีนี่จึงไม่ง่ายเลยหากคนทั่วไปต้องเจอกับมัน

“นี่ขนาดเจอจุดอ่อนของมันแล้วก็ยังไม่ง่ายที่จะจัดการมันเลยแหะ ถ้าฉันไม่ได้ยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้จนมีกำแพงมิติที่กักขังมันได้จนมีเวลาให้ฉันศึกษาหาจุดอ่อนมันได้แบบนี้ ไม่ยากนึกเลยว่าโลกนี้จะพานพบกับอะไรบ้าง” ซูจิ้งได้รำพึงขึ้นมาอยู่ในใจ
เขาเองก็ตระหนักเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นเดียวกับตอนที่ปีศาจดอกไม้ปรากฏตัว มาตอนนี้ยังต้องพานพบกับกิ้งก่ายักษ์นี่อีก เขารู้สึกได้เลยว่านับวันขยะห้วงเวลาฯยิ่งมีอันตรายแฝงอยู่มากขึ้น ดูเหมือนว่าในอนาคตของต้องเตรียมให้ดีกว่านี้ซะแล้ว
แน่นอนว่าในระหว่างที่ศึกษาหาจุดอ่อนกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ เขาเองก็ไม่ลืมที่จะลอบสังเกตุการณ์ขยะห้วงเวลาฯที่กำลังหลั่งไหลลงมาอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด
นอกจากหนูยักษ์แล้วก็ยังมีสัตว์สายพันธุ์อื่นหลุดรอดเข้ามาเช่นเดียวกัน ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับกิ้งก่ายักษ์ แต่พวกมันก็ยังเป็นอันตรายกว่าหนูยักษ์อยู่ดี
เพียงแค่นี้เขากระเมินได้อย่างหนึ่งแล้วว่าห้วงเวลาฯที่ขยะฯกองนี้จากมานั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน