บทที่ 2731 ข้าเชื่อใจท่าน 2
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ที่ท่านจะพูดคือ ฟั่นเชียนซื่อผู้นี้วางแผนเล่นงานท่านตั้งแต่หมื่นปีก่อนแล้วหรือ?”
ตี้ฝูอีพยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนี้”
นิ้วมือเขาเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ “อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยยิ่งนัก”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา ตี้ฝูอีเอ่ยไปว่า “ดูจากฝีมือของฟั่นเชียนซื่อแล้ว พลังวิญญาณของเขาน่าจะสูงกว่าข้า พลังยุทธ์ก็น่าจะล้ำลึกกว่าข้ามากเช่นกัน หากว่าเขาต้องการสังหารน่าจะง่ายปานพลิกฝ่ามือ แม้แต่จะทำลายดวงวิญญาณของข้าให้แตกสลายไปเลยก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง ในเมื่อมีหนทางที่ใกล้ขนาดนี้ให้เดิน แล้วเขาจะอ้อมเป็นวงใหญ่เช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน?”
“แถมเขายังไม่ประมือกับข้าอย่างซึ่งหน้าด้วย พอเห็นว่าแผนการล้มเหลวก็หันหลังเผ่นหนีไปเลย ไม่มีความคิดจะเปิดศึกเลยสักนิด เจ้าไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมของเขาค่อนข้างประหลาดหรือ?”
“ประหลาดสิ” กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ “บางที ท่านอาจมีฐานะอันใดที่ทำให้เขาหวั่นใจได้กระมัง? ทำให้เขาไม่อาจทำร้ายท่านตรงๆ ได้ มิเช่นนั้นจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ความจริงเขาเคยสู้กับข้ามาแล้ว แถมยังกระทำเรื่องราวเหล่านั้นที่ถึงถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ร้อยครั้งก็ไม่นับว่ามากเกินไปอีก เขาน่าจะไม่เกรงกลัวการถูกสวรรค์ลงทัณฑ์”
“เช่นนั้นทำไมล่ะ?”
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ “บางทีข้าอาจจะมีฐานะสูงกว่าจริงๆ ทำให้เขากริ่งเกรงยิ่งนัก และเขาก็ไม่อาจสังหารให้ข้าตกตายไปจริงๆ ได้ เพราะไม่แน่ว่าทันทีที่ข้าตายก็จะกลับคืนฐานะทันที เขาเกรงว่าหลังจากข้ากลับคืนฐานะแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อเขา ดังนั้นจึงต้องใช้สารพัดวิธีเพื่อปกปิดฐานะเล่นเล่ห์อยู่ในที่มืด ทำให้หลายปีที่ผ่านมาข้าไม่ค้นพบตัวตนของเขาเลย ส่วนเขาก็วางกลหมากชุดใหญ่ไว้รอบกายข้า น่าจะกำลังหาจุดอ่อนของข้าอยู่ ให้ข้าสิ้นชีพไปอย่างแท้จริง ไม่กลับคืนฐานะเดิมอีก”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ต้องพูดเลยว่าข้อสันนิษฐานของตี้ฝูอีสมเหตุสมผลยิ่งนัก!
กู้ซีจิ่วจดจำความฝันนั้นของตนได้รางๆ เรื่องราวในฝันถึงแม้เธอจะจำได้เพียงเสี้ยวกระผีก แต่คล้ายจะได้เห็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์รวมถึงคนชุดดำที่เดินหมากกับเขา…
ฟั่นเชียนซื่อจะใช่คนชุดดำผู้นั้นหรือไม่?
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เพียงกลับสู่ฐานะ ไม่มีทางตายจากไปอย่างแท้จริง ทันทีที่กลับสู่ฐานะ เกรงว่าฟั่นเชียนซื่อจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ดังนั้นฟั่นเชียนซื่อจึงไม่กล้าเผยฐานะออกมาจริงๆ สร้างตัวตนปลอมมากมายปานนี้ขึ้นมาเพื่อเล่นงานตี้ฝูอี เช่นนี้ต่อให้ตี้ฝูอีกลับคืนฐานะ ก็ไม่มีทางนึกสงสัยเขา
ส่วนจุดอ่อนของตี้ฝูอี เกรงว่าจะมิได้อยู่ที่ตัวของเขาเอง มิเช่นนั้นคงถูกหาพบไปนานแล้ว
กู้ซีจิ่วนึกถึงวิดีโอนั้นที่ฟั่นเชียนซื่อให้เธอดู ใจเต้นแวบหนึ่ง!
ในวิดีโอนั้นน่าจะมีความจริงอยู่สองสามส่วน อย่างเช่นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ต้องไร้ใจไร้ปรารถนา ไม่อาจมีผู้ใดในหัวใจได้ ต้องลอยตัวอยู่เหนือสรรพสิ่งเรื่องราวเสมอ
ไร้ความปรารถนาถึงจะมีระเบียบ เมื่อไร้ความปรารถนาถึงจะปฏิบัติต่อผู้คนและเรื่องราวอย่างยุติธรรมได้ ถึงจะนั่งอยู่บนตำแหน่งของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์อย่างมั่นคงได้
ตัวเขาแข็งแกร่งเกินไป ไม่มีจุดอ่อนที่ทำให้ผู้อื่นสามารถสยบเขาอย่างสิ้นเชิงได้ ส่วนฟั่นเชียนซื่อมีฐานะเป็นเทพผู้สร้างโลก ถ้าต้องการยึดตำแหน่งนี้กลับไป ก็จำเป็นต้องสร้าง ‘จุดอ่อน’ ของอีกฝ่ายขึ้นมา
คงมิใช่ว่าตนเองก็คือ ‘จุดอ่อน’ ของตี้ฝูอีที่ถูกฟั่นเชียนซื่อสร้างขึ้นมากระมัง?!
เมื่อคิดได้เช่นนี้! กู้ซีจิ่วก็หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบโทรมร่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้!
ในวิดีโอเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไม่อาจรักผู้ใดอย่างแท้จริงได้ ทันทีที่หลงรักผู้อื่นก็ต้องส่งมอบตำแหน่งเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ออกไป
หากว่าแผนการนี้เป็นจริงขึ้นมา เช่นนั้นก็นับว่าวัตถุประสงค์ของฟั่นเชียนซื่อบรรลุผลแล้ว!
แต่ก็ไม่ถูกเหมือนกัน ตี้ฝูอีหลงรักเธอตั้งนานแล้ว เช่นนั้นต่อมาฟั่นเชียนซื่อผู้นั้นได้จำแลงเป็นจู๋ตู๋ชิงแล้วชักใยบงการเรื่องมากมายปานนั้นไปอีกทำไมล่ะ? แค่เขาอดใจรอตี้ฝูอีกลับสู่ฐานะแล้วส่งมอบตำแหน่งนี้ให้แก่เขาก็พอแล้วนี่ ไม่เห็นต้องสิ้นเปลืองกำลังกระทำเรื่องราวในตอนหลังพวกนี้เลย แถมยังปองร้ายจิ้งจอกน้อย ใช้กู่แม่ลูกอีก…
————————————————————————————-
บทที่ 2732 ข้าเชื่อใจท่าน 3
เห็นทีว่าถ้าอยากให้ตี้ฝูอีหลุดจากตำแหน่งอย่างสิ้นเชิง จะมิได้ง่ายดายเพียงให้เขาหลงรักใครสักคนเท่านั้น น่าจะต้องมีหลักเกณฑ์อย่างอื่นอยู่ด้วย
เธอกอดเขาไว้อดไม่ได้ที่จะมองตี้ฝูอีอีกครั้ง
ในใจดุจมีกระแสคลื่นผันผวน คนๆ นี้คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เชียวนะ ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลงรักตนจริงๆ ทำเพื่อเธอมากมายขนาดนี้
“มองข้าแบบนี้ทำไม?” ตี้ฝูอีรับรู้ถึงสายตาของนางได้ ยกมือดีดหน้าผากนางทีหนึ่ง “ลุ่มหลงข้าจนไม่อาจถอนตัวได้เลยหรือ?”
ท่าทางของเขาราวกับจะบอกว่า ‘อย่ามาหลงใหลพี่เลยน้อง พี่น่ะเป็นแค่ตำนานบทหนึ่ง’ กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง “หน้าไม่อาย! ท่านหลงตัวเองเกินไปหน่อยแล้ว”
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “เดิมทีข้าก็เลิศเลออยู่แล้ว ไยข้าต้องถ่อมตัวด้วยเล่า?”
“เฮอะ ท่านบอกว่าท่านอาจจะมีฐานะสูงส่งยิ่งกว่า หากฐานะอันสูงส่งนั้นของท่านไม่อนุญาตให้ท่านรักผู้อื่นได้จะทำอย่างไร?” กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง
“ข้ามองศักดิ์ฐานะเป็นเพียงอาจม” ตี้ฝูอียิ้มอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด “หากว่าฐานะนั้นขัดแย้งกับคนรัก เช่นนั้นข้าละทิ้งตำแหน่งนั้นเสียก็พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางทอดทิ้งเจ้า!”
“นี่ก็พูดยาก ในวิดีโอที่ฟั่นเชียนซื่อให้ข้าดู ข้าเห็นท่านเป็นชายสวะคนหนึ่ง สังหารข้าเพื่อรักษาตำแหน่งของตนไว้…” เอ่ยมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกตัวว่าพลั้งปากไปแล้ว เธอชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีทัณฑ์อสุนิบาตลงโทษที่แพร่งพรายลิขิตสวรรค์อันใดเลย
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนแวบหนึ่ง “เขาให้เจ้าดูเรื่องราวอันใด? เกี่ยวข้องกับข้าและเจ้าหรือ?”
“เกี่ยวข้องกับพวกเราสามคน เพียงแต่วิดีโอนั้นมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจือน้ำเอาไว้มากมายยิ่ง เป็นเรื่องน้ำเน่าทั้งเพ ข้าไม่เชื่อหรอก”
ตี้ฝูอีหลุบตาลงครู่หนึ่ง เอ่ยถามนาง “ให้ข้าดูวิดีโอนั้นได้หรือไม่?”
“ตอนนั้นวิดีโอนั้นถูกฉายขึ้นด้วยอุปกรณ์พิเศษภายในยานลำนั้น ข้าจดจำได้เพียงเนื้อหา แต่ไม่อาจฉายให้ท่านดูได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าเล่าให้ท่านฟังคร่าวๆ ดีไหม?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ “วิดีโอนั้นไม่แน่ว่าอาจจะมีความสำคัญมาก เจ้าเล่าออกมาเกรงว่าจะตกหล่นอะไรไปบ้าง” เขามองดูนาง “หากว่าเจ้าไม่คัดค้าน ให้ข้าอ่านความทรงจำในส่วนนี้ของเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
“หา? ท่านอ่านความทรงจำของผู้อื่นได้งั้นหรือ?”
“ใช่”
“ได้ งั้นท่านก็อ่านเลย!”
กู้ซีจิ่วตอบตกลงอย่างไม่ลังเลสักนิดเลย
ผ่านไปหนึ่งเค่อ ตี้ฝูอีค่อยๆ ชักมือกลับมาจากบนหน้าผากของเธอ เงียบงันอยู่พักหนึ่ง ชัดเจนนัก วิดีโอนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้เขาไม่น้อยเลย เขาต้องย่อยสลายสักครู่
กู้ซีจิ่วค่อนข้างง่วงงุน กว่าหนึ่งเดือนมานี้ เธอง่วงง่ายเป็นพิเศษ
ดังนั้นจึงนอนบนเก้าอี้แล้วหลับตาลง คิดจะงีบสักหน่อย พอตื่นมาค่อยหารือเรื่องราวกับตี้ฝูอีทีหลัง
แต่การงีบนี้ของเธอกลับเป็นการหลับไปเลย
พอตื่นมาอีกครั้งก็ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว และเธอก็ไม่นอนอยู่ในสวนบุปผาของตำหนักแก้วผลึกแล้ว แต่อยู่ในห้องนอนที่วังมรกต
ไม่จำเป็นต้องถามเลย เป็นตี้ฝูอีที่พาเธอกลับมา
ตี้ฝูอีก็นอนอยู่ข้างๆ เธอ สายตาจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของเธอ กำลังเหม่อลอยอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วก็มองเขาตรงๆ เช่นกัน “ท่านดูวิดีโอจบแล้วนี่ คิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
ตี้ฝูอียิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “สำหรับข้าแล้ว วิดีโอนี้มีประโยชน์มาก!” คลี่คลายข้อสงสัยมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวใจเขาได้
“ท่านจะบอกว่า วิดีโอนี้เป็นเรื่องจริงหรือ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
“ข้าวิเคราะห์ดูแล้ว มีความจริงอยู่ไม่กี่ส่วน”
กู้ซีจิ่วแสดงท่าทีล้างหูรอฟัง
“หนึ่ง ฐานะของข้ากับเขาน่าจะเป็นความจริง ข้าคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เขาคือเทพผู้สร้างโลก สอง เขาไม่พอใจที่ข้าได้ตำแหน่งเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์นี้ ฝักใฝ่ในตำแหน่งนี้ สาม ข้าที่ดำรงตำแหน่งเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไม่มีจุดอ่อนเลย เขาจึงต้องการสร้างจุดอ่อนของข้าขึ้น ก็คือเจ้า ส่วนเนื้อหาที่เหลือ ล้วนเป็นเรื่องเท็จ! ข้าไหนเลยจะเป็นคนพรรค์นั้นได้?”
การอนุมานนี้ตรงไปตรงมานัก!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เพียงแต่ยังขมวดคิ้วอยู่นิดๆ “ท่านบอกว่าเขาเป็นเทพผู้สร้างโลกจริงๆ เช่นนั้นท่านกับข้าก็เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจริงๆ หรือ?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ “ถึงแม้ข้าจะไม่มีความทรงจำในส่วนนี้ แต่สัญชาตญาณของข้าบอกว่าไม่ใช่! และเจ้าก็ไม่แน่ว่าจะใช่ด้วย วิดีโอนี้ทำให้ข้านึกถึงตำนานเทพบรรพกาลขึ้นมา จำได้ว่าตำนานคือผานกู่ผ่าแยกฟ้าดิน หนี่ว์วาสร้างมนุษย์ ฝูซีกำหนดกฎเกณฑ์กระมัง? ผานกู่ หนี่ว์วา ฝูซีเป็นเทพเจ้าสามองค์ พวกเขาร่วมกันก่อตั้งสรรพสิ่งหกภพภูมิขึ้น พวกเขาต่างมีภาระหน้าที่ของตนเอง และเทพสามองค์นี้ก็มีศักดิ์เสมอกัน ล้วนกำเนิดขึ้นจากฟ้าดิน หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ อย่างมากฟั่นเชียนซื่อก็มีบทบาทเหมือนผานกู่ ผ่าแยกโลกาอันปั่นป่วนวุ่นวายเท่านั้น ด้วยนิสัยเช่นนี้ของเขา ไม่อาจควบคุมลิขิตสวรรค์ บัญญัติกฎเกณฑ์แห่งลิขิตสวรรค์ได้ ส่วนเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็เปรียบเสมือนฝูซี และเป็นหนึ่งในเทพผู้สร้างโลกด้วย…”
กู้ซีจิ่วตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง “ท่านคงมิใช่จะบอกว่า ฐานะของข้าเทียบได้กับหนี่ว์วากระมัง?!”
————————————————————————————-