บทที่ 1438 การตักเตือนของเซี่ยโห้วท่า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1438 การตักเตือนของเซี่ยโห้วท่า Ink Stone_Fantasy

อิ๋งจิ่วกวงปลาบปลื้มยินดีอีกครั้ง ใช้สองมือรับไว้ “ข้าข้อยขอบพระคุณแทนหรูอี้ด้วยขอรับ!”

“เฮ่อๆ!” ประมุขชิงโบกมือ แล้วเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม

“บ่าวชราขอกล่าวแสดงความยินดีต่ออ๋องสวรรค์ล่วงหน้า” ซ่างก่วนชิงเข้ามากุมหมัดคารวะพร้อมรอยยิ้ม

อิ๋งจิ่วกวงรีบคารวะกลับ “ผู้การใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว นางหนูนั่นทำให้คนเป็นกังวลใจมาตลอด ในภายหลังถ้าอยู่ในวังแล้วมีจุดไหนไม่ประสีประสา ก็หวังว่าผู้การใหญ่จะให้อภัยด้วย”

ซ่างก่วนชิงตอบว่า “อ๋องสวรรค์พูดล้อเล่นแล้ว…เรื่องสนมสวรรค์เข้าวังก็ยังต้องหวังให้ทางอ๋องสวรรค์รักษาความสัมพันธ์กับบ่าวชราไว้ อย่าให้ฝั่งบ่าวชราคลำไม่เจอหัวสมองจนไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไร” เรื่องบางเรื่องประมุขชิงก็แค่กำหนดชื่อลงมาก็เท่านั้น ส่วนรายละเอียดของเรื่องราวเขายังต้องไปดำเนินการ

ถ้าจะพูดให้ฟังดูแย่หน่อยก็คือ ประมุขชิงไม่จำเป็นต้องสนใจขั้นตอนที่อยู่ระหว่างนั้นเลย ในระหว่างนั้นถ้าควรจะจัดการงานราชการก็ควรจัดการ ถ้าควรจะฝึกตนก็ไปฝึกตน ขนาดไม่โผล่หน้ามาก็ยังไม่เป็นไรเลย แค่โผล่ไปเข้าห้องหอก็พอแล้ว ประมุขชิงถึงขั้นไม่ต้องเข้าห้องหอก็ยังได้ ที่วังหลังมีห้องหอของนางสนมจำนวนไม่น้อยที่ประมุขชิงไม่เคยเข้ามาก่อน ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เป็นแค่การรับสนมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก ถ้าจะต้องัดพิธีการประกาศเกินความจำเป็นทุกครั้งที่รับสนมเข้าวังหลัง ที่วังหลังมีสนมมากมายขนาดนั้นจะไม่แย่หรอกหรือ? เกรงว่าแม้แต่พวกขุนนางใหญ่ก็จะส่งของขวัญไม่ไหว

นอกจากราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่จัดพิธีแต่งงานใหญ่โต สนมคนอื่นในวังหลังก็แค่ถูกหามเกี้ยวจากนอกวังเข้ามาในวังเท่านั้น เมื่อผ่านประตูนั้นมาก็กลายเป็นผู้หญิงของราชันสวรรค์แล้ว การเข้าวังของจ้านหรูอี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น วังหลังจะเตรียมลานบ้านเอาไว้ให้นางเรียบร้อย เข้ามาอยู่พักก็พอแล้ว

อิ๋งจิ่วกวงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่จ้านหรูอี้จะเข้าวัง ซ่างก่วนชิงก็ยังต้องคนมาตรวจร่างกายจ้านหรูอี้อีกด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประมุขชิงใช้ของมือสองหรือว่าโดนสวมเขา เขาพยักหน้าบอกซ้ำๆ ว่า “ผู้การใหญ่วางใจได้ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงก็จะรายงานผู้การใหญ่ได้ทุกเมื่อ”

“เช่นนั้นก็รบกวนอ๋องสวรรค์แล้ว” ซ่างก่วนชิงกล่าวอย่างสุภาพ แล้วก็หันตัวรีบเดินตามประมุขชิงไป

อิ๋งจิ่วกวงยืนสูดหายใจอย่างตกตะลึงอยู่ในศาลา วันนี้มีเรื่องดีใจเหนือความคาดหมายจริงๆ รีบเดินตามออกมาจากศาลาเช่นกัน ก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าจะให้จ้านหรูอี้หมั้นหมายกับเหมียวอี้ ตอนนี้โยนเรื่องนี้ทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว มูลค่าที่มอบให้เป็นสนมของประมุขชิง มีหรือที่คนต่ำต้อยอย่างหนิวโหย่วเต๋อจะเทียบติด เมื่ออยู่ระหว่างผลประโยชน์ ก็ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าจะเลือกใคร

หลังจากเที่ยวเล่นที่อุทยานหลวงเกือบครึ่งวัน ราชันสวรรค์ก็กลับวังสวรรค์แล้ว บรรดาขุนนางใหญ่ก็ทยอยกันออกไปเช่นกัน

พอรู้ว่าราชันสวรรค์กลับไปแล้ว กลุ่มสตรีที่แสร้งทำนาอยู่ในนาก็หมดความสนใจทันที เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่เดินขึ้นมาบนคันนาคลายแขนเสื้อที่พับออก ขณะกำลังเตรียมตัวจะไป เอ๋อเหมยหญิงรับใช้ประจำตัวก็มารายงานว่า “พระนาง ท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้วขอพบเพคะ”

“ท่านปู่เหรอ?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่งงไปชั่วขณะ พอหันกลับมาใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง ก็เห็นที่โดนทหารสวรรค์ดักอยู่ไกลๆ จึงโบกมือบอกทันทีว่า “เร็วเข้า เชิญมา!”

เอ๋อเหมยรีบถลันตัวเหาะไปตรงนั้น เมื่อมีคำสั่งของราชินีสวรรค์ เซี่ยโห้วท่าก็ย่อมเข้ามาได้โดยไม่มีปัญหา

พอเหาะลงมาเหยียบตรงหน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เซี่ยโห้วท่าก็กุมหมัดคารวะตามระเบียบ “บ่าวชราคารวะราชินีสวรรค์”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จนใจ นางบอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าให้ท่านปู่ไม่ต้องมากพิธีเมื่ออยู่ต่อหน้านาง นางรับไม่ไหว แต่ในจุดนี้เซี่ยโห้วท่าดึงดันมาก ยืนหยัดไม่ให้เสียธรรมเนียม ทั้งยังต้องการให้ทุกคนของตระกูลเซี่ยโห้วทำแบบนี้ด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงรับไว้ แต่จะว่าไปแล้ว ทุกครั้งที่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ นางก็จะรู้สึกถึงความสูงส่งจริงๆ ก่อนหน้านี้นางผู้ไม่เคยโดดเด่นในตระกูลเซี่ยโห้ว ตอนนี้ทุกคนของตระกูลเซี่ยโห้วเห็นนางก็ต้องพากันรักษาระเบียบ เกรงอกเกรงใจ ไม่กล้าต้อนรับไม่ดีเลยแม้แต่น้อย และทุกครั้งที่ได้รับการเคารพแบบนี้ ความน้อยเนื้อต่ำใจที่นางได้รับในวังหลังก็สลายหายไปแล้ว รู้สึกว่าทุกอย่างล้วนคุ้มค่า

“ท่านปู่สวรรค์ไม่ต้องมากพิธี” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รีบยื่นมือประคอง

เซี่ยโห้วท่าที่ทำความเคารพเสร็จแล้วยืดเอวขึ้น จากนั้นมองไปรอบๆ แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ผู้ใหญ่ทำอย่างไร ผู้น้อยก็จะเลียนแบบตามจริงๆ ด้วย ขยันขันแข็งกั้นทั้งนั้น”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เห็นเขาเลี่ยงประเด็นเมื่อเห็นคนอื่นอยู่ด้วย ก็รู้ว่ามีอะไรจะคุยกับนาง จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มทันทีว่า “ไม่ได้เจอท่านปู่สวรรค์มาหลายวันแล้ว ถ้าไม่ถือสา ไปพูดคุยกับข้าเรื่องครอบครัวในสวนสักหน่อยสิ”

“ในเมื่อพระนางมีคำสั่ง ข้าน้อยก็ย่อมต้องปฏิบัติตาม!” เซี่ยโห้วท่าเอ่ยรับ

“เอ๋อเหมย เจ้าจัดการตรงนี้สักหน่อยแล้วกัน” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พูดทิ้งท้าย แล้วหันตัวนำเซี่ยโห้วท่าเดินไป

เอ๋อเหมยรู้ถึงเจตนาของเขา ทำแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องส่วนตัวจะคุยกัย จึงเอ่ยรับคำสั่งแล้วไปเก็บเครื่องมือทำนาที่อยู่ในนา

พอเข้ามาในป่าเล็กๆ เซี่ยโห้วท่าก็ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองโดยรอบ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เห็นเข้าระมัดระวังตัว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านปู่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”

เซี่ยโห้วท่าจ้องนางครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วบอกว่า “เฉิงอวี่ เรื่องที่เจ้าสั่งโบยหนิวโหย่วเต๋อวันนี้ เจ้าทำเกินไปหน่อยแล้ว ฝ่าบาทเพิ่งเลื่อนตำแหน่งให้เขาได้ไม่นาน แต่เจ้ากลับใช้บทลงโทษเขา แบบนี้เจ้าจะไม่ตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าจะต่อต้านฝ่าบาทเหรอ? นางหนู การต่อต้านฝ่าบาทไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนักหรอก!”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ นางก็นึกถึงเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อทิ้งราชินีสวรรค์อย่างนางไปโดยไม่บอกสักคำ ไม่เห็นราชินีสวรรค์อย่างนางอยู่ในสายตาสักนิด จึงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฝ่าบาทจะฉีกหน้าข้าเพื่อหนิวโหย่วเต๋อที่ต่ำต้อยคนเดียว คนที่ระดับสูงกว่านี้ใช่ว่าข้าจะไม่เคยลงโทษเสียหน่อย! โชคดีที่ข้าเห็นแก่หน้าฝ่าบาท ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาจะยังมีชีวิตอยู่เหรอ!

เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้า “เอาล่ะ เหตุผลอย่างอื่นข้าจะไม่พูดถึงแล้ว เจ้าน่าจะจำได้ใช่มั้ย ข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าตระกูลเราติดหนี้น้ำใจเขาครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังมีน้ำใจนั้นอยู่ เจ้าโบยเขาจนกลายเป็นอย่างนั้น ถือว่าทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวปนขำว่า “เรื่องแค่นั้นเอง แค่ช่วยหลงเฉิงไว้ครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ ตอนนี้หลงเฉิงจากโลกนี้ไปแล้ว…ก็ได้ ข้าไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าแค่ดูจากความเป็นจริง ศักดิ์ศรีหน้าตาของราชินีสวรรค์จะเทียบกับน้ำใจเล็กน้อยของเขาไม่ติดเชียวหรือ? บังอาจมาโต้เถียงข้าต่อหน้าคนอื่น ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา คนเห็นตั้งเยอะขนาดนั้น จะให้ข้าทนความรู้สึกได้ยังไง? ถ้าข้าไม่มีบารมีความน่าเชื่อถือในจุดนี้สักนิด แล้วข้าจะคุมวังหลังได้ยังไง?”

เมื่อเห็นว่านางไม่ใส่ใจคำพูดตน ดวงตาชราของเซี่ยโห้วท่าก็พลันหรี่ลง ค้ำไม้เท้าเดินมาข้างหน้า ส่งสายตาที่คมกริบแทงออกมาราวกับคมมีด ลักษณะท่าทางดุดันที่ถูกความแก่ชราบดบังได้เผยออกมาแล้ว ทำเอาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตกใจจนต้องถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก

“นางหนู อย่าโดนจิตใจที่ใฝ่หาเกียรติอันจอมปลอมและไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำของผู้หญิงมาบดบังสติปัญญา อย่างน้อยก็ต้องมีสติขั้นพื้นฐาน การจะคุมวังหลังได้หรือไม่นั้น เจ้าไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วไม่อยากให้เจ้าคุมวังหลัง เจ้าจะนั่งตำแหน่งนายหญิงของวังหลังได้อย่างมั่นคงเหรอ? ดังนั้นอย่าทำเรื่องอะไรที่ทำลายผลประโยชน์ของตระกูลเซี่ยโห้วเด็ดขาด ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วล้มลง ก็ไม่ต้องให้ข้าบอกว่าเจ้าจะมีผลที่ตามมาเป็นอย่างไร!” เซี่ยโห้วท่ากล่าวอย่างช้าๆ แทบจะตักเตือนอย่างชัดถ้อยชัดคำ สายตาน่าหวาดกลัว

ที่จริงก็เป็นแค่การตักเตือนเท่านั้น เขาพบว่าไม่ตักเตือนไม่ได้แล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้สนับสนุนให้นางขึ้นตำแหน่งราชินีสวรรค์เพื่อมาต่อต้านตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าหากควบคุมไม่ได้ แบบนั้นจะไม่แย่หรอกเหรอ?

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตกใจมาก นางย่อมรู้ว่าท่านปู่ของตัวเองมีพลังมากขนาดไหน ขนาดประมุขของใต้หล้ายุคแล้วยุคเล่าก็ยังถูกทำลายด้วยน้ำมือของท่านปู่เลย ราชินีสวรรค์อย่างนางไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยในสายตาเขา ถ้าอยากจะทำลายนางก็เป็นเรื่องที่ง่ายแค่สั่งเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

เรียกได้ว่าไม้กระบองเดียวก็สามารถทำให้นางได้สติขึ้นมาจากความหงุดหงิดแล้ว นางแอบตกใจจนตัวสั่น รีบก้าวขึ้นมาคล้องแขนท่านปู่ แล้วพูดออดอ้อนว่า “ท่านปู่ ท่านพูดไปถึงไหนแล้ว ช่างเถอะ ในเมื่อท่านปู่ไม่พอใจ ข้าจะปล่อยหนิวโหย่วเต๋อนั่นไปก็ได้”

“ไม่!” เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องปล่อยเขาไป ถ้าควรจะหาเรื่องก็ต้องหาเรื่องต่อไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อึ้งไปชั่วขณะ ไม่เข่ใจนิดหน่อย เมื่อครู่นี้ยังเตือนข้าอยู่เลย ตอนนี้มาให้ข้าทำเหมือนเดิมอีกแล้ว แบบนี้หมายความว่าอะไร? นางอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “ท่านปู่ หลานไม่เข้าใจว่าท่านปู่หมายความว่าอะไร”

“เจ้าเป็นนายหญิงของวังหลัง ความเจ้าอารมณ์ที่ควรจะมีก็ยังต้องมี ไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อแม่ทัพภาคเล็กๆ คนเดียวหรอก เพียงแต่ต้องเห็นแก่หน้าฝ่าบาท อย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับฝ่าบาท อย่าทำเกินไปนัก หาเรื่องเจ้าเด็กนั่นนิดหน่อยก็พอ แต่จะเอาจริงไม่ได้ อย่าให้เขามาเป็นอะไรที่นี่ ไม่ใช่แค่เท่านี้นะ ถ้าเจ้าเด็กนั่นประสบอันตรายที่นี่ เจ้าก็ยังต้องคิดหาทางช่วยเขาด้วย พยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถโดยไม่ให้พัวพันมาถึงตัวเจ้า!” เซี่ยโห้วท่ากล่าว

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ่งฟันยิ่งงง ถามอย่างงงงวยว่า “หลานโง่เขลา ฟังสิ่งที่ท่านปู่พูดไม่เข้าใจ”

เซี่ยโห้วท่าเอียงหน้ามองนาง แล้วบอกอย่างจริงจังหนักแน่นว่า “นางหนู ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องถามมากแล้ว เจ้าเพียงต้องจดจำไว้ ว่าการเก็บเจ้าเด็กนั่นไว้มีประโยชน์ต่อตระกูลเซี่ยโห้วของพวกเรา!”

ครั้งนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เข้าใจแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านปู่ต้องการจะทำอะไร แต่การที่สามารถทำให้ท่านปู่มาบอกด้วยตัวเองได้ ก็แสดงว่าหนิวโหย่วเต๋อมีประโยชน์ต่อตระกูลเซี่ยโห้วมาก สิ่งนี้ทำให้นางไม่กล้ามองข้าม จึงพยักหน้าตอบว่า “ท่านปู่ ท่านวางใจเถอะ หลานรู้ว่าควรต้องทำยังไง”

“เหอะๆ!” เซี่ยโห้วท่าเผยใบหน้ายิ้มแสดงความพอใจ ชักมือออกมาจากแขนของนาง แล้วกุมหมัดคารวะอีกครั้ง “เกรงว่าพระนางจะต้องกลับวังแล้ว บ่าวชราไม่รบกวนแล้ว ขอตัวอำลา!”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ส่งเขาออกไปนอกมา ขณะมองคล้อยหลังเขาจากไป นางก็ตกอยู่ในวังวนความคิด

กลุ่มนายท่านและบรรพบุรุษไปกันหมดแล้ว เหมียวอี้ก็โล่งใจแล้วเช่นกัน สุดท้ายก็ไม่ต้องแบกสังขารร่างกายที่บาดเจ็บหนักไปทรมานต่อแล้ว เขากลับมานอนหมอบในจวนแม่ทัพภาค รีบเยียวยาบาดแผล โดยมีเฟยหงนั่งเช็ดน้ำตาพร้อมดูแลอยู่ข้างๆ…

“คุณหนู ท่านเขย พวกท่านกลับมาแล้วเหรอ!”

เสียงที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหูดังอยู่ด้านข้าง จ้านผิงกับอิ๋งลั่วหวนจากจวนอ๋องสวรรค์อิ๋งอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง หลังจากเห็นผู้ที่กล่าวทักทายแล้ว ทั้งสองก็เรียกได้ว่าหยุดเดินด้วยความงุนงง

ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นท่านโหวเทียนหยวนนั่นเอง ตอนนี้ย่อมถอดคำว่า ‘ท่านโหว’ ทิ้งไปแล้ว ไม่ใช่แค่คำว่า ‘ท่านโหว’ ที่หายไป แม้แต่เสื้อผ้าหรูหราที่เคยสวมใส่ในเมื่อก่อนก็หายไปแล้วด้วย ตอนนี้สวมเกราะม่วงหกแถบ กำลังทักทายด้วยความเคารพปนเก้อเขิน

สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกปลงอนิจจัง ทั้งสองได้ยินเรื่องที่เทียนหยวนประสบเคราะห์มาแล้วเช่นกัน เข้าไปพัวพันกับคดีเทพประจำดาวคนฉลูด้วย ผ่านข้อหาก่อกบฏ จากขุนนางที่มีสิทธิ์ประชุมในราชสำนักถูกถอดตำแหน่งจนกลายเป็นแบบนี้ ตกต่ำจนกลายเป็นคนเฝ้าประตูใหญ่จวนอ๋องสวรรค์ ทำให้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจจริงๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปหา จ้านผิงยกมือตบบ่าเทียนหยวนพลางถอนหายใจ “พี่เทียน รักษาชีวิตไว้ได้ย่อมดีกว่าอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่มีชีวิตก็ย่อมมีหวัง มีอ๋องสวรรค์ดูแล สักวันพี่เทียนจะต้องเงยหน้าอ้าปากได้อีกครั้งแน่!”

เทียนหยวนหัวเราะเบาๆ เหมือนไม่สะทกสะท้าน แล้วยื่นมือเชิญ “อ๋องสวรรค์กำลังรอทั้งสองอยู่ข้างใน ให้ข้ามาบอกว่า ถ้าทั้งสองมาแล้วก็ให้ไปพบนายท่านที่ ‘สวนโบราณ’ เลย”

จ้านผิงกุมหมัดขอบคุณ อิ๋งลั่วหวนก็พยักหน้าขอบคุณเช่นกัน แล้วสองสามีภรรยาก็หันตัวเดินจากไป

หลังจากส่งทั้งสองเดินไปไกลแล้ว เทียนหยวนก็ถอนหายใจเบาๆ บางอย่างก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาจริงๆ!

ในปีนั้นเขากับจ้านผิงล้วนเป็นผู้ติดตามคนสนิทของอ๋องสวรรค์อิ๋งเหมือนกัน ตอนแรกเริ่มอ๋องสวรรค์อิ๋งให้ความสำคัญกับเขามาก ตั้งใจให้เขาแต่งงานกับอิ๋งลั่วหวน แต่จนใจที่ผู้หญิงคนนั้นมีนิสัยเจ้าอารมณ์เหมือนคุณหนู เขาไม่กล้าสรรเสริญเยินยอจริงๆ ไม่อยากแต่งงานรับผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนบรรพบุรุษกลับบ้านไป กอปรกับตอนนั้นตกหลุมรักปี้เยว่ที่ยังสาวยังสวยตั้งแต่แรกเห็น ตอนนั้นเขายังไม่เคยทำงานในตำแหน่งขุนนาง เพียงลำพังมาก่อน ยังค่อนข้างไร้เดียงสา ยังคิดที่จะอยู่กับปี้เยว่ไปจนแก่เฒ่า อ๋องสวรรค์อิ๋งก็ไม่ได้บังคับเขาเช่นกัน ทั้งยังเตรียมวางอนาคตให้เขาด้วย แต่จนใจที่เมื่ออยู่ภายใต้การกัดกร่อนของกาลเวลา หลายสิ่งหลายอย่างก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความปรานี ใจคนเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นความไม่เที่ยงของโลกนี้ ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว!

และในวันนี้ ตัวเองก็ถูกตีกลับมาที่เดิมแล้ว ตำแหน่งของจ้านผิงยังมั่นคงทั้งยังมีอนาคต เขาสามารถแน่ใจได้เลย ว่าถ้าตอนแรกตัวเองแต่งงานกับอิ๋งลั่วหวน ก็คงไม่มีจุดจบเหมือนอย่างวันนี้แน่

เทียนหยวนส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วหันตัวเดินไปพร้อมถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง…

………………………