บทที่ 1439 กักบริเวณ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1439 กักบริเวณ Ink Stone_Fantasy

สวนโบราณ สวนแห่งหนึ่งที่รวบรวมส่วนที่ดีที่สุดของฟ้าดินเอาไว้ด้วยกัน ในโถงหลัก อ๋องสวรรค์อิ๋งเหมือนจะอารมณ์ดีใช้ได้เลย กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับลูกๆ เป็นภาพที่หาดูได้ยาก

“ท่านพ่อ!” หลังจากจ้านผิงกับอิ๋งลั่วหวนเข้ามาทำความเคารพแล้ว ก็ทักทายพวกพี่ๆ น้องๆ ทันที

“มาแล้วเหรอ!” อิ๋งจิ่วกวงทักทายอย่างร่าเริง แล้วโบกมือให้ลูกๆ คนอื่นถอยออกไปก่อน แล้วจ้องลูกเขยกับลูกสาวพลางหรี่ตายิ้ม

จ้านผิงกับอิ๋งลั่วหวนสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าบิดารีบเรียทั้งสองมาด้วยเรื่องอะไร แต่ก็ดูออกว่าวันนี้เขาอารมณ์ดีจริงๆ

อิ๋งลั่วหวนก้าวขึ้นมาคล้องแขนบิดา แล้วถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ใบหน้าท่านพ่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีเรื่องมงคลอะไรใช่มั้ยคะ?”

“เฮ่อๆ!” อิ๋งจิ่วกวงเอามือลูบเคราพลางพยักหน้า “เจ้าเดาถูกแล้ว มีเรื่องมงคงจริงๆ น่ะสิ ทั้งยังเป็นเรื่องมหามงคลด้วย”

“อ๋อ!” อิ๋งลั่วหวนแปลกใจ “ท่านพ่อ รีบบอกมาเถอะค่ะ เป็นเรื่องมหามงคลแบบไหนกัน?”

“เรื่องชีวิตแต่งงานของหรูอี้มีที่ให้อยู่แล้ว แบบนี้จะไม่ใช่เรื่องมหามงคลเชียวเหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงบอกอย่างร่าเริง แล้วสายตาก็ชำเลืองมองจ้านผิงที่ยืนอยู่เงียบๆ

อิ๋งลั่วหวนทำสีหน้าดีใจทันที “ได้ผลลัพธ์เรื่องแต่งงานของหรูอี้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหรอ?”

“…” อิ๋งจิ่วกวงยิ้มค้าง สีหน้าบึ้งตึงลงแล้ว “หนิวโหย่วเต๋ออะไรกัน หนิวโหย่วเต๋อที่ต่ำต้อยคนหนึ่งจะเรียกว่า ‘เรื่องมหามงคล’ ได้เหรอ?” ใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง แล้วเอามือลูบเคราพร้อมบอกว่า “เป้นฝ่าบาท! ฝ่าบาทถูกใจหรูอี้แล้ว ต้องการรับหรูอี้เป็นสนม ดูสิว่านี่คืออะไร นี่คือพู่หยกที่พกติดตัวฝ่าบาท มอบให้หรูอี้เป็นของขวัญแทนใจ ถือสิ่งนี้แล้วสามารถเข้าออกวังสวรรค์ได้อย่างอิสระ เกียรติยศพิเศษนี้ ท่ามกลางสนมสวยๆ ในวังหลัง หรูอี้ได้เป็นคนแรก เดี๋ยวเจ้าส่งให้หรูอี้ด้วยแล้วกัน!” เขาหยิบแผ่นหยกสีรุ้งที่ประมุขชิงมอบให้ออกมา แล้วยื่นให้ลูกสาว

อิ๋งลั่วหวนไม่ได้พูดอะไรต่อ กลับตกใจจนเดินถอยหลังสามก้าว แล้วอุทานถามว่า “ท่านพ่อ ท่านว่าอะไรนะ? ฝ่าบาทต้องการจะรับหรูอี้เป็นสนมเหรอ?”

จ้านผิงที่นั่งเงียบอยู่ข้างกันสีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลัน จ้องอิ๋งจิ่วกวงไปละสายตา

แววตาอิ๋งจิ่วกวงเปลี่ยนเป็นล้ำลึก แล้วถามเสียงเรียบว่า “ทำไม? หรือว่าเรื่องที่ดีงามขนาดนี้เจ้ายังไม่เต็มใจอีก?”

“ไม่เต็มใจค่ะ!” อิ๋งลั่วหวนปฏิเสธเสียงดัง “แต่งกับใครก็ไม่แต่ง ทำไมต้องแต่งกับเขา? ท่านพ่อ สถานการณ์ที่วังหลังเป็นอย่างไรท่านไม่รู้เหรอคะ สาวงามมีเยอะเหมือนเมฆ เยอะมากจนนับไม่ถ้วน ภายนอกดูมีหน้ามีตา แต่ภายในสกปรกต่ำช้า มีผู้หญิงตั้งมากเท่าไรที่ต้องอยู่เดียวดายเหมือนเป็นหม้ายทั้งชีวิต จะให้ลูกสาวข้าไปต่อสู้แย่งชิงความรักกับผู้หญิงนับพันนับหมื่นเพื่อผู้ชายแก่คนเดียวเหรอ ต่อให้ตีให้ตายข้าก็ไม่เต็มใจ ต่อให้จะมีตำแหน่งสูงหรือมีอำนาจมากก็ไม่ได้อยู่ดี!”

อิ๋งจิ่วกวงจึงบอกว่า “เจ้าจะตื่นเต้นอะไร? ข้าจะมองดูหลานสาวตัวเองเสียเปรียบโดยไม่สนใจได้ยังไง? เจ้าไม่คิดดูเสียบ้างว่าบิดาเจ้าอยู่ในฐานะอะไร จะให้หรูอี้เข้าวังง่ายๆ ได้ยังไง? ข้าเจรจาเงื่อนไขกับฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว หลังจากเข้าวังไป ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้นางเป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ประทานพาหนะหงส์เดี่ยวให้ เบี้ยเลี้ยงก็ได้เยอะที่สุดในบรรดาสนมทั้งหมด เป็นรองเพียงราชินีสวรรค์เท่านั้น นอกจากฝ่าบาทกับราชินีสวรรค์ เวลาหรู้อี้เห็นใครก็ไม่ต้องทำความเคารพ เจ้ารู้มั้ยว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่าลูกสาวเจ้ากำลังจะได้เป็นสตรีอันดับสองในใต้หล้าไง มีพ่อสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ในอนาคตจะได้เป็นใหญ่ที่สุดท่ามกลางผู้หญิงในใต้หล้า! นี่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงมากมายใฝ่ฝันแต่คว้ามาไม่ได้นะ เจ้าควรจะดีใจสิถึงจะถูก!”

“ข้าไม่ดีใจหรอก ข้าไม่เต็มใจ ใครอยากแต่งก็แต่งไปสิ แต่เป็นลูกสาวข้าไม่ได้” อิ๋งลั่วหวนอารมณ์รุนแรงมาก

“หึหึ!” อิ๋งจิ่วกวงพลันแสยะยิ้ม “ตอนนี้รู้จักไม่พอใจแล้วเหรอ ตอนนี้รู้จักไม่เต็มใจแล้วเหรอ ตอนแรกมัวไปทำอะไรอยู่? ถ่อไปอยู่หน่วยองครักษ์ซ้ายลับหลังข้า ไปตลาดผีลับหลังข้า ลูกสาวเจ้านับวันจะยิ่งใจกล้าขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เป็นใครกันที่ตามใจจนเหลิง? ตอนนี้ถูกตรวจสอบออกมาแล้ว ว่าตอนที่วางกับดักที่ตลาดผี มีคนปล่อยข่าวเรื่องที่ฝ่าบาทวางกับดักล่วงหน้า ทำให้ผู้เหลือรอดของหกลัทธิรอดตัวไปหมด เจ้ารู้มั้ยว่าเรื่องนี้มีลักษณะเป็นยังไง? สมคบคิดกับโจรกบฏไงล่ะ วางแผนก่อกบฏ!”

จ้านผิงตกใจอีกครั้ง อิ๋งลั่วหวนกล่าวเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ข้อหาใหญ่ขนาดนี้หรูอี้รับไม่ไหวหรอก อย่ามายัดข้อหาซี้ซั้ว!”

“ยัดข้อหาซี้ซั้วเหรอ? ไม่ใช่การยัดข้อหาซี้ซั้วเลยจริงๆ!” อิ๋งจิ่วกวงหรี่ตา “เจ้าคิดว่าทำไมหน่วยองครักษ์ซ้ายถึงให้หรูอี้ไปที่ตลาดผีล่ะ ทำไมถึงดันหรูอี้ไปหน้าเวทีล่ะ? ฝ่าบาทวางแผนทีละก้าว พลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝน การต่อสู้ของพลังระดับนี้ เป็นสิ่งที่ใครก็เข้าร่วมได้งั้นเหรอ แต่ดูลูกสาวเจ้าทำสิ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เอาตัวเองไปติดกับดัก คิดว่าน้ำขุ่นแบบนั้นเหยียบง่ายนักเหรอ? ฝ่าบาทเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหรูอี้จะเปิดเผยความลับต่อตระกูลอิ๋ง ถึงได้ผลักให้คนที่รู้สถานการณ์เบื้องลึกอย่างหรูอี้อยู่หน้าเวที ตอนนี้เรื่องเปิดเผยความลับจึงพัวพันไปถึงเรื่องการสมคบกับโจรกบฏแล้ว ฝ่าบาทเตรียมจะส่งตัวหรูอี้ให้เกาก้วนแล้ว เจ้าคิดว่าหรูอี้จะทนวิธีการสอบสวนของเกาก้วนได้เหรอ? ถ้าหรูอี้คายความลับออกมาว่าปล่อยข่าวให้ตระกูลอิ๋งจริงๆ เจ้ารู้รึเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง? ตระกูลอิ๋งจะโดนสงสัยว่าสมคบกับโจรกบฏ วางแผนก่อกบฎ! ต่อไปฝ่าบาทก็จะมีเหตุผลและหลักฐานในการอ้างสอบสวนและควบคุมทุกคนของตระกูลอิ๋งไว้ ถ้าไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ทุกคนของตระกูลอิ๋งก็จะตกอยู่ในมือฝ่าบาท ต่อให้ตระกูลอิ๋งจะบริสุทธิ์ แต่ในเมื่อมีโอกาสในการทำลายให้ตระกูลอิ๋งพังพินาศแล้ว เจ้าคิดว่าฝ่าบาทยังจะปล่อยให้ตระกูลอิ๋งเดินออกจากคุกอย่างปลอดภัยเหรอ?”

จ้านผิงหน้าซีดแล้ว อิ๋งลั่วหวนก็สั่นไปทั้งตัวเช่นกัน ตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว ก่อนหน้านี้สองสามีภรรยานึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ตลาดผีจะเป็นแผนซ้อนแผน กับดักซ้อนกับดัก ประมุขชิงมีความคิดล้ำลึกจนทำให้ทั้งสองขนพองสยองเกล้า

“ถ้าตระกูลอิ๋งล้มลง เจ้าคิดว่าพวกเจ้าสองสามีภรรยาจะเอาตัวเองรอดได้เหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงโบกมือชี้ไปทางประตู “ข้าตั้งใจให้เทียนหยวนไปต้อนรับพวกเจ้าที่ประตู พวกเจ้าเห็นจุดจบของเทียนหยวนหรือยัง! ข้าบอกเจ้าได้อย่างมั่นใจมากเลย ว่าต่อให้ตระกูลจ้านจะตัดขาดสัมพันธ์กับตระกูลอิ๋ง แต่ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างอยู่ดีมีสุข จุดจบจะอนาถกว่าเทียนหยวนสิบเท่าแน่นอน! พวกเจ้าคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะมีกำลังปกป้องลูกสาวตัวเองได้เหรอ? ถึงตอนนั้นต่อให้หรูอี้จะไม่ตาย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่อยากจะลิ้มลองรสชาติของหลานสาวอ๋องสวรรค์ เจ้าคิดว่าถึงตอนนั้นหรูอี้จะมีจุดจบดีกว่าการกลายเป็นสนมของฝ่าบาทเหรอ?”

อิ๋งลั่วหวนหวาดกลัวไร้ที่สิ้นสุด กล่าวขอร้องว่า “ท่านพ่อ ท่านได้โปรดช่วยหรูอี้ด้วยเถอะค่ะ!”

อิ๋งจิ่วกวงบอกว่า “ทำไมข้าจะไม่ช่วยล่ะ? ฝ่าบาทต้องการจะส่งตัวหรูอี้ให้เกาก้วน แต่เป็นข้าที่ขัดขวางไว้ เป็นข้าที่พยายามคิดหาทางประนีประนอมกับฝ่าบาท แล้วก็พยายามหาทางให้ฝ่าบาทแต่งตั้งหรูอี้เป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ทั้งยังแย่งชิงตำแหน่งอันดับสองในวังหลังให้หรูอี้ด้วย เจ้าคิดว่าข้ายังไม่พยายามเต็มที่อีกเหรอ? ตอนนี้ข้าแค่ต้องการให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาบอกมาคำเดียว ว่าจะส่งตัวหรูอี้ให้เกาก้วนหรือจะส่งตัวหรูอี้เข้าวัง!”

สองสามีภรรยายังต้องเลือกอีกเหรอ?

หลังจากได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจแล้ว อิ๋งจิ่วกวงก็มองส่งสองสามีภรรยาเดินออกไป แล้วหรี่ตาจ้องมองจ้านผิงที่ก้มหน้าเงียบตลอดทาง

หลังจากออกจากสวนโบราณไปแล้ว อิ๋งลั่วหวนก็น้ำตาคลอเบ้า ส่วนจ้านผิงก็เซื่องซึมไปทั้งตัวแล้ว

ที่จริงหลังจากได้เจออิ๋งจิ่วกวง นอกจากการกล่าวทักทายแล้ว ลูกเขยอย่างเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แต่เรื่องบางเรื่องเขารู้ชัดยิ่งกว่าฮูหยินของตัวเอง ถึงอย่างไรตัวเขาก็อยู่ในราชสำนักเช่นกัน

อย่างน้อยก็มีอยู่จุดหนึ่งที่เข้าเข้าใจ นั่นก็คือยังไม่ถึงเวลาที่ประมุขชิงจะฉีกหน้าตระกูลอิ๋ง อิ๋งจิ่วกวงสามารถคิดหาทางปกป้องจ้านหรูอี้ได้เสมอ ไม่ได้มีแค่การส่งจ้านหรูอี้เข้าวังเท่านั้น แต่เขาก็เข้าใจยิ่งกว่านั้น ว่าการให้จ้านหรูอี้เข้าวังเป็นสนมนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประมุขชิงและตระกูลอิ๋ง นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้นเขาจะพูดอะไรไปก็ไม่สำคัญแล้ว พูดมากก็กลับจะไม่เป็นผลดีด้วยซ้ำ เนื่องจากอิ๋งจิ่วกวงตัดสินใจแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรจากอิ๋งจิ่วกวงได้เลย ทำได้เพียงเจาะหาทางออกอื่น

“พี่จ้าน พวกท่านเป็นอะไรไปแล้ว?”

เทียนหยวนที่เดินผ่านมาด้านข้างบังเอิญเห็นสองสามีภรรยา ทว่าครั้งนี้สองสามีภรรยาไม่สนใจเขา เห็นได้ชัดว่าอิ๋งลั่วหวนเพิ่งร้องไห้มา ส่วนจ้านผิงก็ห่อเหี่ยวจนเหมือนกลายเป็นคนชราในชั่วพริบตาเดียว

“เกิดเรื่องขึ้นแล้ว…” เทียนหยวนหยุดพึมพำ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นก็หัวเราะโง่ๆ ทันที พบว่าตัวเองเป็นห่วงไปเรื่อย อีกฝ่ายมีคนหนุนหลังใหญ่โต จะเกิดปัญหาอะไรได้ล่ะ อย่างมากก็แค่โดนอ๋องสวรรค์อิ๋งสั่งสอนไปยกหนึ่งเท่านั้น ต่อให้จะเป็นอย่างไรแต่ก็ยังดีกว่าเขา เขาจึงส่ายหน้าและหันตัวเดินจากไป…

“พวกเจ้าทำอะไร? คิดจะรังแกเจ้านายเหรอ?”

ที่ อุทยานหลวง ตรงประตูจวนผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางที่อยู่ใต้จวนแม่ทัพภาค คนกลุ่มหนึ่งขัดขวางไม่ให้จ้านหรูอี้ออกไป ทำเอาจ้านหรูอี้เดือดดาลมาก สิ่งที่ทำให้นางโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือ มีเพียงจวนผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางเท่านั้นที่โดนล้อมเอาไว้

นางได้รับข่าวมาจากบิดาแล้ว บอกข่าวแล้วว่านางจะต้องเข้าไปเป็นสนมในวังหลัง สิ่งนี้ทำให้นางทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้กลายเป็นหนึ่งในคนที่จะได้ไปทำนาในอุทยานหลวง เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้นางยังหัวเราะเยาะผู้หญิงพวกนั้นต่อหน้าเหมียวอี้อยู่เลย นึกไม่ถึงว่ากรรมจะตามสนองเร็วขนาดนี้

ความคิดของจ้านผิงก็เรียบง่ายมาก ถ้าไม่อยากเข้าวังก็ต้องออกจากอุทยานหลวงทันที ข้าเตรียมคนมารับเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นความลับ เพียงแต่ต่อไปนี้เจ้าจะโผล่หน้าออกมาไม่ได้อีก

จ้านผิงห็โอกาสลูกสาวได้เลือกอย่างอิสระอีกครั้ง

ที่จริงจ้านผิงและภรรยาได้เสียอิสรภาพไปแล้ว โดนอิ๋งจิ่วกวงสั่งกักบริเวณไว้ในจวนอ๋องสวรรค์ จ้านผิงมาไม่ได้ ส่วนคนที่เขาส่งมาก็เข้ามาในบริเวณอุทยานหลวงไม่ได้ ทำได้เพียงให้ลูกสาวคิดหาทางออกจากอุทยานหลวงเพื่อไปเจอกับคนที่ตัวเองส่งไปรับ

จ้านหรูอี้ย่อมต้องการหนีอยู่แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะหนีไม่ได้ จวนขุนนางถูกกำลังทหารล้อมอย่างแน่นหนาแล้ว

หยางเจาชิ่งที่นำกลุมทหารมากุมหมัดคารวะ “ผู้บัญชาการใหญ่โหรดระงับโทสะ นี่คือประสงค์ของท่านแม่ทัพภาค ให้พวกเราคุ้มกันความปลอดภัยของผู้บัญชาการใหญ่ ผู้บัญชาการใหญ่ได้โปรดพักอยู่ในจวนก่อนสักสองสามวัน”

จ้านหรูอี้ตวาดอย่างโมโหว่า “ตลกแล้ว อยู่ที่นี่พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้ข้าหรอก! ท่านแม่ทัพภาคคิดจะทำอะไร นี่คิดจะกักบริเวณข้าเหรอ? จะอาศัยอำนาจล้างแค้นส่วนตัวรึไง?”

หยางเจาชิ่งกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ถ้าผู้บัญชาการใหญ่ดึงดันจะพูดแบบนี้ให้ได้ ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน” พูดจบก็โบกมือ ด้านข้างมีกลุ่มเทพธิดาสิบกว่าคนมาปรากฏตัวยืนเรียงแถวทันที ก่อนจะเตือนว่า “ดูแลผู้บัญชาการใหญ่ให้ดี ถ้าปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรกับผู้บัญชาการใหญ่ ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า!”

“รับทราบ!” กลุ่มเทพธิดารีบเอ่ยรับ จากนั้นก็ทยอยกันเข้าไปด้านใน เข้าไปในจวนของผู้บัญชาการใหญ่

“หึหึ! คุ้มกันข้าเหรอ…” จ้านหรูอี้โมโหจนหัวเราะออกมา นี่เป็นการคุ้มกันเสียที่ไหน นี่เป็นการส่งคนมาเฝ้าจับตาดูนางชัดๆ ต้องการจะกักบริเวณนางไว้ที่นี่ จึงก้าวออกไปทันที “ข้าอยากจะเห็นว่าใครจะกล้าขัดขวางข้า!”

พอหยางเจาชิ่งโบกมือ ลูกธนูดาวตกหลายสิบดอกก็เล็งไปที่จ้านหรูอี้แล้ว คนนับร้อยหยิบเชือกมัดเซียนออกมาพร้อมจ้องมองอย่างดุร้าย

“ท่านแม่ทัพภาคมีคำสั่ง ถ้าผู้บัญชาการใหญ่กล้าบุกออกมาแม้แต่ก้าวเดียว ก็ให้ลงโทษข้อหาขัดคำสั่งได้ ให้จับมัดได้เลย!” หยางเจาชิ่งพูดขู่ จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนลงอีกครั้ง “ผู้บัญชาการใหญ่ พวกเราก็ได้รับคำสั่งให้มาทำงานเหมือนกัน อย่ากดดันพวกเราเลย ถ้ากลับไปเองอย่างน้อยก็ยังมีอิสระ ดีกว่าถูกจับมัดแล้วโยนกลับไป!”

จ้านหรูอี้โมโหจนกัดฟันกรอด แต่จนใจที่รู้ว่าตัวเองฝ่าวงล้อมทหารจำนวนมากแบบนี้ออกไปไม่ไหว ถ้าโดนจับมัดขึ้นมาจริงๆ ก็จะไม่เหลือหนทางแม้แต่น้อยแล้ว นางจึงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “ก็ได้! ข้าไม่ออกไปแล้ว เชิญท่านแม่ทัพภาคมาพบข้าสักครั้งเถอะ ข้ามีเรื่องจะรายงาน!”

…………………………