เฉินโม่ไม่ตอบคำพูดของหนานกงหยู่ แต่มองเฉินกั๋วเหลียงและคนอื่น ๆ เมื่อเขาเห็นรอยแส้บนร่างกายของเฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินแล้ว เฉินโม่รู้สึกเจ็บปวดมาก

“คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ ผมขอโทษ เพราะความประมาทของผม ทำให้พวกคุณได้รับความทุกข์ทรมาน!”

เฉินโม่หันไปมองหนานกงหยู่ กัดฟันกล่าวว่า “ฉันจะทำให้วิญญาณของแกแตกสลาย!”

คำพูดของเฉินโม่เหมือนมีลมกระโชกแรง กวาดไปทั่วสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหนานกง ความเย็นยะเยือกที่อยู่ในคำพูดเหล่านั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสันหลัง

มีความน่าสะพรึงกลัวอยู่ในสุสานบรรพบุรุษแห่งนี้

หนานกงหยู่มองสายตาของเฉินโม่ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

เป็นไปไม่ได้!

อย่างไรก็ตาม หนานกงหยู่เกิดความกลัวแล้วจริง ๆ

“ฮึ่ม เจ้าหนู อย่าพูดจาโอ้อวด แกฆ่าลูกชายและหลานชายของฉัน ทำให้ตระกูลหนานกงไร้ทายาทสืบทอด วันนี้พวกเรามาชำระบัญชีแค้นนี้เถอะ!” หนานกงหยู่กล่าวด้วยความเย็นชา

เฉินโม่จ้องหนานกงหยู่ด้วยสายตาดุดัน และกล่าวด้วยความเย็นชา “ฉันแค่แค้นใจที่ตอนนั้น ฉันฆ่าคนไม่มากพอ มิเช่นนั้นมันคงไม่มีวันนี้!”

ตอนนี้เฉินโม่รู้สึกตื่นตระหนกมาก เขากระสับกระส่ายตลอดการเดินทาง เพราะเขากลัวว่าหนานกงหยู่จะฆ่าญาติที่เขาห่วงใยมากที่สุด

ถ้าเป็นเช่นนั้น เฉินโม่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!

แล้วการเกิดใหม่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ไม่สามารถปกป้องแม้แต่ญาติของตนเองได้ ถึงแม้ว่าตนเองจะบำเพ็ญเป็นกษัตริย์เซียน แต่ก็เป็นเพียงผู้แพ้เท่านั้น

เฉินโม่สาบานว่าต่อไปเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาจะต้องกำจัดปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งหมดให้สิ้นซาก

หนานกงหยู่รู้สึกโกรธจนหน้าสั่น มองเฉินโม่และกล่าวว่า “เจ้าหนู ฉันมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้แล้ว แกเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน!”

“วันนี้ฉันจะทำให้แกกลายเป็นเถ้าถ่าน เพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของลูกชายและหลานชายของฉันที่อยู่บนสรวงสวรรค์!”

หลังจากกล่าวจบ หนานกงหยู่ก็กางมือทั้งคู่ออกไปกลางอากาศ ราวกับกำลังโอบกอดโลกทั้งใบไว้ พลังที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา แล้วกระจายไปทุกทิศทาง

“ฉันบรรลุสู่แดนเทพเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว และใช้เวลาสิบปีเดินทางไปทั่วโลก แต่ก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้ ดังนั้นฉันจึงปลีกวิเวกไปสามสิบปี โดยหวังว่าจะสามารถฝ่าพันธนาการและกลายเป็นแดนเทพคนแรกในรอบร้อยปี เพื่อทำลายคำสาปของโลกฝึกบู๊”

“เมื่อก่อนฉันฆ่ากู่ฉางเฟิงตายอยู่หน้าถ้ำที่ฉันปลีกวิเวก ตนนั้นฉันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อหยุดฝึกฝน ความพยายามก่อนหน้านั้นก็จะสูญเปล่า ตอนนี้พลังบำเพ็ญของฉันบรรลุถึงชั้นสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดก็สามารถทะลวงผ่านพันธนาการ และกลายเป็นแดนเทพคนแรกในรอบร้อยปี”

“วันนี้ ฉันจะทำให้แกได้สัมผัสพลังของแดนเทพ!”

หนานกงหยู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า และค่อย ๆ ยกมือทั้งคู่ขึ้น ราวกับสาวกที่บูชาเทพเจ้าที่อยู่ในความมืด

“ลมมา!” หนานกงหยู่ตะโกน

ทันใดนั้น ก็มีลมกระโชกแรง ทำให้ผู้คนไม่สามารถลืมตาได้

“เจ้าหนู ฉันเป็นใหญ่ที่นี่!” หนานกงหยู่หัวเราะด้วยความลำพองใจ ชี้ไปที่เฉินโม่ “พินาศ!”

จู่ ๆ ก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏอยู่กลางอากาศ แล้วสะบัดไปที่เฉินโม่อย่างแรง

เมื่อเฉินโม่อยู่ต่อหน้าฝ่ามือใหญ่ เขาตัวเล็กเหมือนมด

สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินมองภาพนี้ ส่วนคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาแอบดีใจที่เลือกคุกเข่า เพราะความแข็งแกร่งของหนานกงหยู่ ไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกต่อไปแล้ว มันทรงพลังมากเกินไปแล้ว!

ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะกลับมา แต่แล้วยังไงล่ะ? มันก็แค่มารนหาความตายเท่านั้น!

สีหน้าของเหล่านักบู๊ที่เฝ้ามองความคึกคักอยู่รอบ ๆ เต็มไปด้วยความตกตะลึง “นี่คือเคล็ดวิชาบู๊อะไร? นี่คือพลังของแดนเทพเหรอ?”

สีหน้าของนักบู๊ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความตกใจ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นการโจมตีเช่นนี้มาก่อน

ดูเหมือนว่าเฒ่าประหลาดเหล่านั้น จะตระหนักถึงอะไรบางอย่าง พวกเขามองหนานกงหยู่ที่อยู่กลางอากาศด้วยความชื่นชม