“แดนเทพประสานฟ้าดินเข้าด้วยกัน ภูเขาไม่ใช่ภูเขา น้ำไม่ใช่น้ำ ทุกอย่างล้วนเป็นวิวัฒนาการของพลัง!”

“เมื่อบรรลุถึงแดนเทพแล้ว สามารถควบคุมฟ้าดินได้ เพียงแค่เคลื่อนไหวก็สามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้ สิ่งที่หนานกงหยู่ใช้ตอนนี้ไม่ใช่เคล็ดวิชาบู๊ แต่เป็นการจู่โจมแบบสุ่มเท่านั้น!”

“ว่ากันว่าคนที่อยู่ภายใต้แดนเทพล้วนเป็นมด เมื่อก่อนผมไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้ว เพราะพลังของตนเองจะเทียบพลังฟ้าดินได้อย่างไร? เมื่อเทียบกับแดนเทพแล้ว พลังของปรมาจารย์อ่อนแอจนน่าเวทนา!”

มีความอิจฉาอยู่ในดวงตาของเฒ่าประหลาดเหล่านั้น

“สมแล้วที่หนานกงหยู่เป็นปรมาจารย์คนแรกเมื่อสามสิบปีก่อน และวันนี้เขานำหน้าคนอื่นไปหนึ่งก้าว กลายเป็นแดนเทพคนแรกในรอบร้อยปี!”

เฉินโม่มองฝ่ามือใหญ่สีเขียว ลมแรงพัดผ่าน ทำให้เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัด

“นี่ก็คือแดนเทพเหรอ? หากนี่เป็นแดนเทพ มันทำให้ผมรู้สึกผิดหวังจริง ๆ!”

หนานกงหยู่สามารถหลอกคนอื่นได้ แต่เขาไม่สามารถหลอกเฉินโม่ที่เมื่อก่อนเคยเป็นผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพได้

พลังที่หนานกงหยู่แสดงออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถใช้พลังฟ้าดินได้ตามต้องการ แต่การรับรู้ทางจิตของเฉินโม่นั้นทรงพลังมาก จนเขาสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย

พลังฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล แม้แต่เฉินโม่ที่เมื่อก่อนเป็นแดนเทพ ยังไม่กล้าแกล้งทำเป็นเจ้าแห่งฟ้าดินเลย นับประสาอะไรกับหนานกงหยู่ในปัจจุบัน?

ดูแล้วพลังของหนานกงหยู่นั้นทรงพลังมาก แต่ความจริงแล้วเป็นแค่การสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาคนอื่นเท่านั้น เขาสามารถใช้พลังฟ้าดินได้เป็นเรื่องจริง แต่พลังฟ้าดินพวกนั้นอ่อนแอจนน่าเวทนา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เอาไว้ดูได้ แต่ใช้งานไม่ได้ สามารถข่มขู่เหล่านักบู๊ที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ตกใจกลัวได้ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างเฉินโม่แล้ว เขาสามารถรู้ได้อย่างง่ายดาย

“คอยดูว่าฉันจะทำลายแกอย่างไร?” หลังจากเฉินโม่เข้าใจสิ่งนี้ เขายิ้มเย้ยหยัน แล้วเดินเข้าไปอย่างสบาย ๆ

“เสี่ยวโม่!” เมื่อหลี่ซู่เฟินเห็นเฉินโม่เดินเข้าไป ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความกังวล

เฉินโม่ยังมีเวลาหันกลับมายิ้มให้หลี่ซู่เฟินและคนอื่น ๆ “คุณแม่ วางใจเถอะ ผมจะฆ่าเขาเพื่อระบายความโกรธแค้นให้พวกคุณ!”

ท่าทางตอนนี้ของเฉินโม่ เหมือนเด็กที่ขอความดีความชอบ เฉินโม่กล่าวด้วยความผ่อนคลาย ราวกับว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือคนที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

หนานกงหยู่รู้สึกโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา และตะโกนว่า “เจ้าหนู แกจะต้องชดใช้ให้กับความเย่อหยิ่งของแก!”

ดูเหมือนว่าฝ่ามือใหญ่สีเขียวจะสัมผัสได้ถึงความโกรธของหนานกงหยู่ มันขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แล้วสะบัดไปที่เฉินโม่

เฉินโม่เอามือไพล่หลังด้วยรอยยิ้ม มองฝ่ามือที่ใหญ่กว่าตนเองนับร้อยเท่า ด้วยสีหน้าราบเรียบ

ขณะที่ฝ่ามือใหญ่สีเขียวอยู่ห่างจากเฉินโม่สามฟุต เฉินโม่ชี้นิ้วแล้วกล่าวว่า “ทำลาย!”

แสงสีทองเปล่งประกายแทงไปที่ฝ่ามือใหญ่สีเขียวนั้น เหมือนกับเข็มเจาะลูกโป่ง

แล้วฝ่ามือใหญ่สีเขียวที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ก็หายไปทันที

“เป็นไปได้ยังไง?” เหล่าเฒ่าประหลาดที่เมื่อสักครู่เพิ่งจะชื่นชมหนานกงหยู่ ตอนนี้พวกเขาต่างพูดอะไรไม่ออก ราวกับกินแมลงวันหัวเขียวเข้าไป

ส่วนนักบู๊พวกนั้นอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ ไม่สามารถพูดอะไรได้ชั่วขณะ

สีหน้าของหนานกงหยู่เคร่งขรึม ดวงตาที่มองเฉินโม่กลายเป็นจริงจังทันที ท่าทางการแสดงออกเมื่อสักครู่ ที่ทำราวกับว่าตนเองเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ชื่อเสียงของเฉินไต้ซือสมคำร่ำลือจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแกจะสามารถเห็นข้อบกพร่องของฉันได้!”

เฉินโม่กล่าวเบา ๆ “แดนเทพเป็นเพียง‘ปริมาณ’ของการทะลวงเท่านั้น แล้วจะควบคุมฟ้าดินได้อย่างไร? แกแค่สามารถควบคุมพลังของแดนเทพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับแกล้งทำเป็นว่าตนเองบรรลุถึงแดนเทพแล้ว!”

“อย่างมากที่สุด แกแค่อยู่ในระดับใกล้แดนเทพเท่านั้น!”

เหล่านักบู๊ที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกตกตะลึง

“ใกล้แดนเทพ? นี่มันอะไรกันแน่? เขาบอกว่าตนเองเป็นแดนเทพไม่ใช่เหรอ?”

“ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีเมื่อสักครู่ น่าจะมีเพียงแค่แดนเทพเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมาได้ ทำไมเฉินไต้ซือถึงได้บอกว่า หนานกงหยู่อยู่ในระดับใกล้แดนเทพเท่านั้นล่ะ?”

สีหน้าของเหล่านักบู๊เต็มไปด้วยความสงสัย คราวนี้แม้แต่เฒ่าประหลาดที่ไม่เปิดเผยตัว ก็รู้สึกสับสนเช่นกัน