ตอนที่ 863 เพลิงน้ำแข็งสอดประสาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 863 เพลิงน้ำแข็งสอดประสาน
หิมะน้ำแข็งร่ายระบำขาวโพลนทั้งแถบ ลมมหึมาหวีดคำราม หนาวเหน็บบาดกระดูก

หลินสวินมุ่งหน้าไปตลอดทาง พบกับอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างทาง แต่ล้วนถูกเขาหลบเลี่ยงได้ทันเวลา หนีห่างอย่างรวดเร็ว

อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเกินไปแล้ว นอกจากหิมะน้ำแข็ง แดนลี้ลับแห่งนี้ก็ไม่มีภาพอื่นใดอีก

จู่ๆ เสียงทะลวงห้วงอากาศระลอกหนึ่งดังลอยมาจากในลมหิมะ ลมคลั่งวูบหนึ่งพัดผ่านเหนือหัวหลินสวิน

นี่เป็นชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง บังคับแสงเคลื่อนเจิดจ้า สะดุดตายิ่งยามอยู่กลางโลกแห่งหิมะน้ำแข็งขาวโพลน นี่พาให้หลินสวินรู้สึกประหลาดใจน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

เดินทางตั้งนานป่านนี้ นี่คือผู้กล้ากลุ่มแรกที่เขาพบ

ส่วนบรรดาชายหญิงเหล่านั้นยามได้เห็นหลินสวินเดินโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางลมหิมะ ก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ผุดแววแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน

“เจ้าหมอนี่กล้าหาญพอตัวจริงๆ ถึงกับกล้าเดินข้ามแดนเวิ้งว้างหิมะน้ำแข็งเพียงลำพังโดยไม่ได้กำบังซ่อนตัว หรือจะเป็นพวกไร้เทียมทานคนหนึ่ง แต่เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่ยักจำได้ว่ามีคนแบบนี้มาก่อน”

“พวกไร้เทียมทานอะไร มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกน่าสงสารไร้มิตรสหาย ภูมิหลังไม่ยิ่งใหญ่พอก็เท่านั้น อย่าลืมสิ ในแดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปรแห่งนี้ แม้เป็นพวกไร้เทียมทานก็ยังต้องมีคู่หูร่วมเดินทาง ระแวดระวังตัว มีหรือจะใจกล้าบ้าบิ่นอย่างเขา เห็นๆ อยู่ว่าไม่รู้จักความเป็นความตาย!”

ชายหญิงเหล่านั้นกดเสียงเบาพูดคุยกัน

“ไม่จำเป็นเดาแล้ว นี่ก็คือเจ้างั่งที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ปราศจากมิตรสหาย ได้แต่เดินทางเพียงลำพัง ซ้ำเห็นได้ชัดว่าไม่รู้ถึงความน่ากลัวของแดนลี้ลับแห่งนี้ เดี๋ยวคงจบเห่ไม่ช้าก็เร็ว”

“อีกเดี๋ยวก็จะเข้าใกล้ ‘เขาน้ำแข็งปทุมเพลิง’ หนทางยิ่งอันตรายและน่ากลัว พอดีเลย พวกเราตามหลังคนผู้นี้ไป ปล่อยให้เขาสำรวจเส้นทางแทน เมื่อปรากฏอันตรายอะไรขึ้นจะได้หลบเลี่ยงทันเวลา”

บางคนเสนอเสียงเบา

หลินสวินเหลือบสายตาขึ้นน้อยๆ ชำเลืองมองชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านั้นปราดหนึ่ง สีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง มุ่งหน้าเดินทางต่อไป

ยามที่เข้าสู่แดนลี้ลับหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ หลินสวินได้ใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูป เปลี่ยนแปลงกลิ่นอายและรูปลักษณ์ตัวเอง เวลานี้ต่อให้เยวี่ยเจี้ยนหมิงมาเอง เกรงว่าก็คงมองตัวตนของเขาไม่ออกเช่นกัน

หลินสวินรู้ดียิ่ง เมื่อวานมีคนลอบโหมกระพือข่าว ปล่อยข่าวว่าที่เกี่ยวข้องกับตนออกไป ทำให้ตัวเขากลายเป็นเป้าของทุกคน อยู่ใจกลางพายุ ถูกบรรดาผู้กล้ามากมายหมายหัว เผลอๆ อาจมีพวกใจร้อนบางส่วนมาเล่นงานตนเพื่อช่วงชิงสิ่งที่เรียกว่าสมบัติอริยะและศุภโชคก็เป็นได้

หลินสวินไม่กลัวจะเกิดปัญหา แต่ก็ไม่โง่จนไม่เตรียมการตั้งรับอะไรเลย

เหตุที่ปลอมตัวก็เพราะหมายจะดูเสียหน่อยว่า ในเทศกาลโคมกถามรรคหนนี้มีคนอยากจัดการตนมากเท่าไรกันแน่ และ ‘ตัวการ’ ที่ลอบใส่ไฟอยู่ลับๆ คนนั้นเป็นใคร!

“โฮก!”

เสียงคำรามเหี้ยมโหดบาดหูเสียงหนึ่งดังลอยมาจากระยะไกล ลิงยักษ์สีขาวหิมะทั้งตัวตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากห้วงอากาศ เส้นขนแวววาว ไอชั่วร้ายกร้าวแกร่งแผ่กระจาย ร่างสูงหลายสิบจั้งราวกับภูเขาลูกหนึ่ง ดุร้ายเกรี้ยวกราด

ร่างของมันว่องไวบึกบึน เขี้ยวราวกับใบมีดคมกริบ ดวงตาแดงฉานดั่งเลือดสด ยิงลำแสงสีเลือดน่าสะพรึงออกมา

นี่คือสัตว์ปีศาจกร้าวแกร่งน่ากลัวถึงที่สุดตัวหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรมารหิมะน้ำแข็งเหล่านั้นที่หลินสวินเคยพบระหว่างก่อนหน้านี้เสียอีก

นัยน์ตาหลินสวินหรี่ลงน้อยๆ สัมผัสได้ว่าอันตรายอย่างแท้จริงค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว

สวบ!

เงาร่างของเขาไหววูบ หลบห่างออกไป อ้อมผ่านอีกด้านหนึ่ง

“โอ๋ มองไม่ออกว่าเจ้างั่งนี่ก็ระวังตัว รู้จักหลบเลี่ยงภัยอันตรายด้วย”

“นี่ปกติมาก ยิ่งเป็นคนพรรค์นี้ก็ยิ่งกลัวตาย อย่างไรเขาก็สามารถเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคได้ ก็ย่อมไม่ใช่พวกธรรมดานัก”

ชายหญิงเหล่านั้นที่ตามหลังหลินสวินมาตลอดทางต่างหัวเราะร่วน ในคำพูดเจือแววล้อเลียน

หืม?

เดิหน้าต่อไปอีกหลายสิบลี้ สีหน้าหลินสวินผุดแววแปลกประหลาดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ในลมหนาวสะท้านบาดกระดูกหาใดเปรียบนั้น ถึงกับมีกลิ่นคาวเลือดบาดจมูกลอยออกมาเป็นระลอก

ไม่ทันไรหลินสวินก็สัมผัสได้ว่าบนชั้นน้ำแข็งห่างออกไปไกลโพ้น มีควันลอยคลุ้ง มีทั้งเศษขนที่แตกเป็นเสี่ยง ท่อนกระดูกหัก เกล็ดกระจัดกระจาย มีคราบเลือดอยู่บนพื้นหลายจุด

ที่นี่มีการเข่นฆ่ารุนแรงฉากหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง!

หลินสวินรู้สึกหวั่นหวาดในใจ

พร้อมกันนั้นเขาตรวจสอบผ่านจิตรับรู้ ก็เห็นภาพที่ผิดปกติถึงที่สุดภาพหนึ่งทันที

ทะเลสาบหินหนืดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นบนชั้นน้ำแข็งสีขาวหิมะ โปร่งแสงแดงสด มีอาณาเขตหลายสิบจั้ง หมอกสีขาวขมุกขมัวพวยพุ่งกลางทะเลสาบ เต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถันแสบจมูก

โลกที่ราวกับเป็นหิมะน้ำแข็งถึงกับปรากฏทะเลสาบหินหนืดขึ้นมา แต่ชั้นน้ำแข็งละแวกใกล้เคียงกลับไม่เคยถูกหลอมละลาย ตรงข้ามกลับเหมือนเพลิงน้ำแข็งสอดประสาน กลายเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่ออย่างหนึ่ง

‘แดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปร… ผันแปร… หรือคำว่าผันแปรก็คือปรากฏการณ์ที่อยู่เบื้องหน้านี้’

หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด

เขาไม่ได้เข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ ในทันที บริเวณใกล้เคียงทะเลสาบหินหนืดนั้นเพิ่งเกิดศึกนองเลือดรุนแรงขึ้นไม่นาน ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายเสี้ยวหนึ่ง

“เฮ้ เจ้าคนนั้นน่ะ ไปสำรวจก้นทะเลสาบนั่นหน่อยสิ!” ชายหญิงทั้งหมดที่ตามหลังมาก็ก้าวมาข้างหน้าด้วยเช่นกัน ส่งเสียงตะโกนลั่น คิดจะให้หลินสวินไปเสี่ยงอันตราย

หลินสวินขมวดคิ้ว กวาดมองพวกเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าว “อยากไปก็ไปเอง เลิกแหกปากร้องอยู่ที่นี่”

เขากำลังคาดเดาสภาพการณ์เบื้องหน้า สงสัยว่าสิ่งที่เรียกว่าแดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปรอาจซุกซ่อนนัยอย่างอื่นเอาไว้ เหมือนกับสภาพเบื้องหน้านี้ หิมะน้ำแข็งและหินหนืดสอดประสานเข้าด้วยกัน แต่กลับไม่เคยเกิดการปะทุ สิ่งนี้เห็นได้ชัดว่าผิดธรรมชาติเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังคำกล่าวที่ว่าน้ำกับไฟไม่ถูกกัน นี่ก็คือกฎธรรมชาติ

แต่ยามนี้กลับปรากฏความสมดุลแสนประณีตเช่นนี้ สิ่งที่เรียกว่า ‘ผันแปร’ อาจจะเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของ ‘สรรพสิ่งเมื่อถึงขีดสุดแล้วต้องพลิกกลับ’ ก็เป็นได้

และก็เพราะกำลังคาดเดาปริศนาเหล่านี้อยู่ เขาจึงมองข้ามและผรุสวาทใส่ชายหญิงกลุ่มนี้โดยตรง

“ไม่ได้ยินหรือ พูดถึงเจ้าอยู่นะ!”

ชายหญิงเหล่านั้นต่างหน้าเคร่ง ชักไม่สบอารมณ์เข้าแล้ว ในสายตาพวกเขาเด็กหนุ่มคนนี้ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว เรียกได้ว่าอ่อนแอเปราะบาง ซ้ำยังแปลกหน้ายิ่งนัก ไม่เหมือนพวกไร้เทียมทานคนใดๆ ที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นจึงคร้านจะเกรงใจ มองหลินสวินเป็นพวกอ่อนแอรังแกง่าย

‘หากมองแดนลี้ลับแห่งนี้เป็นกระบวนสลักวิญญาณรอยหนึ่ง ความหมายของมหาปัญจธาตุผันแปรนี้ อาจจะเป็นการจัดวางพลิกกลับปัญจธาตุอย่างหนึ่ง…’

หลินสวินขบคิด

“รนหาที่ตาย!”

เห็นหลินสวินนิ่งไม่ไหวติง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็แค่นหัวเราะทันที เงื้อมือซัดหนึ่งฝ่ามือออกมา “แสร้งทำบื้อใบ้หูหนวกก็เปล่าประโยชน์ ไม่ไปก็ต้องไป!”

ตูม!

ลมฝ่ามือพร่าวพราวบาดตาพวยพุ่ง ซัดห้วงอากาศกึกก้องราวกับมังกรตัวใหญ่ออกจากหุบเหว หมายจะบีบให้หลินสวินเดินหน้าไปสำรวจ

“ไม่รู้จักดีชั่ว!”

แสงเย็นเยียบวูบผ่านนัยน์ตาดำของหลินสวิน เพียงอึดใจเดียว ชายหญิงเหล่านั้นต่างสั่นสสะท้าน

ปึง!

ก็เห็นหลินสวินหมุนตัวก้าวไปข้างหน้าเบาๆ หนึ่งก้าว ชือน้ำแข็งสีขาวหิมะตัวหนึ่งปรากฏตัวห้อทะยานกลางอากาศ บดขยี้ลมฝ่ามือสายนั้นในพริบตา

จากนั้นพลังก็ไม่ลดลง ชือน้ำแข็งสะบัดหางเสียงกึกก้อง เงาร่างมหึมาเปล่งแสงยะเยือกน่าหวาดกลัวออกมา แผ่คลุมชายหญิงเหล่านั้นเอาไว้

คนหนุ่มสาวเหล่านี้สามารถเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคได้ ย่อมเป็นผู้กล้าในบรรดาคนรุ่นเยาว์ ความแข็งแกร่งเหนือธรรมดากันทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขามาเจอหลินสวิน จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้แต่น้อย

แม้แต่บุคคลไร้เทียมทานระดับซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ร่วมมือกันยังถูกหลินสวินเอาชนะได้ นับประสาอะไรกับพวกเขา

“เจ้า… เจ้าคือ…”

“เทพมารหลิน!?”

ไม่ลงมือก็ไม่รู้ แต่เมื่อลงมือ ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้ลูกตาแทบร่วงออกมา ตะลึงงันเสียงขาดห้วง

แวบเดียวพวกเขาก็จำเทพมารหลินที่กิตติศัพท์สะท้านทั่วทิศ เพิ่งสำแดงอานุภาพยิ่งใหญ่ที่หน้าหอวสันตสารทเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาคนนี้ได้!

เพียงแต่พวกเขาร้องไม่ออกเลยสักนิด ชือน้ำแข็งสีขาวหิมะสะบัดหางทะยานฟ้า อานุภาพหาที่เปรียบไม่ได้ น่าสะพรึงไม่มีที่สิ้นสุด เพียงไม่กี่พริบตาพวกเขาก็ถูกสยบราบลงกับพื้น ร้องโหยหวนระงม

“เทพมาร… ไม่สิ คุณชายหลิน พวกข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน มีตาหามีแววไม่ ขอท่านโปรดอภัย ยกโทษให้พวกเราด้วย”

ชายหญิงเหล่านี้ฟันสั่นกระทบ ตัวสั่นเทิ้ม ความอวดดีและเหยียดหยามเมื่อครู่ไม่มีให้เห็นแล้ว ตรงกันข้าม เมื่อพวกเขานึกถึงตำนานต่างๆ นานาที่เกี่ยวกับหลินสวิน ก็ควบคุมความกลัวลนลานหวาดผวาภายในใจไม่อยู่

นี่คือพวกเหี้ยมหาญไร้เทียมทานคนหนึ่งเชียว!

ผู้กล้าอย่างพวกเขาอาจมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา ซ้ำในบรรดาคนรุ่นเยาว์ก็ถือว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลสะท้านปฐพี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนระดับเทพมารหลินก็ไม่นับใช้ได้เลย!

“พวกเจ้าล่วงเกินข้าติดต่อกันหลายหน แค่ใช้คำว่ามีตาหามีแววไม่คำเดียวแล้วคิดจะให้ข้าอภัยพวกเจ้าหรือ”

สีหน้าหลินสวินเย็นเยียบ

เขาไม่ใช่พวกเหี้ยมโหดอำมหิต แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้คนอื่นมารังแก ตลอดทางเขาคร้านจะสนใจเจ้าพวกที่เหมือนแมลงวันเหล่านี้มาโดยตลอด แต่อีกฝ่ายกลับได้คืบจะเอาศอก ถึงตอนนี้ยิ่งคิดลงมือบีบให้เขายอมจำนน

นี่คือจุดที่หลินสวินไม่สามารถอดทนยอมรับได้!

ปึง!

หลินสวินยกเท้าถีบออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกถีบลอยขึ้นมา ส่งเสียงร้องโหยหวน

เพียงแต่ขณะที่หลินสวินกำลังจะลงมือหนักขึ้น ก็เห็นห้วงอากาศไหวกระเพื่อมระลอกหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับถูกเคลื่อนย้ายออกไป หายลับกลางอากาศในทันที!

หลินสวินเลิกคิ้ว เป็นดังคาด บททดสอบห้าด่านในเขาพยับครามแห่งนี้ หากถูกคุกคามถึงชีวิตก็จะถูกโยกย้ายออกไป จุดจบเลวร้ายที่สุดก็แค่ถูกคัดออก ไร้โอกาสช่วงชิงวาสนา แต่จะไม่ถึงตายอย่างแท้จริง

หลินสวินทำความเข้าใจจุดนี้มาก่อนแล้ว อีกทั้งเขายังรู้ว่า ยามที่ทะลวงผ่านบททดสอบห้าด่าน ไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณอย่างแท้จริง ก็จะไม่มี ‘การป้องกัน’ ชั้นนี้แล้ว

หรือกล่าวอีกนัยคือ มีแต่ตอนที่ไปถึงจุดนั้นแล้ว เพื่อช่วงชิงศุภโชคใหญ่ ความตายที่แท้จริงจึงจะบังเกิด!

“อย่านะ! ขอร้องท่านล่ะ อย่าเด็ดขาด!”

ชายหญิงเหล่านั้นสติหลุด หน้าถอดสีสิ้นเชิง ไม่เต็มใจถูกคัดออกที่นี่ พวกเขาเพิ่งเข้ามา ยังไม่ทันได้รับศุภโชค ไหนเลยจะเต็มใจออกจากที่แห่งนี้กัน

ปังๆๆ!

หลินสวินยังคงไม่เห็นใจ ถีบพวกเขาปลิวลอยขึ้นไป และถูกย้ายตัวออกไปจากแดนลี้ลับหิมะน้ำแข็งคนแล้วคนเล่า

ไม่นานนักในลานก็เหลือเพียงชายหนุ่มชุดสีเข้มคนหนึ่ง

ชายหนุ่มชุดเข้มคนนี้ก็คือเจ้าคนที่ลงมือใส่หลินสวินเป็นคนแรกเมื่อครู่นั่นเอง

หลินสวินมองเหยียดเขา “เจ้าสงสัยนักไม่ใช่หรือว่าทะเลสาบหินหนืดนั่นซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่ ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมใจ ให้เจ้าไปดูด้วยตาตัวเองเสียหน่อย!”

“ไม่…!” ชายหนุ่มชุดเข้มตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดลอยออกมา

เพียงแต่ขณะที่เขาคิดจะร้องขอชีวิตก็ถูกหลินสวินถีบออกมา และตกลงไปในทะเลสาบหินหนืดที่อยู่ไกลๆ นั้นแล้ว

ครืน!

เพียงแต่ไม่รอให้ชายหนุ่มชุดเข้มตกลงไป ทะเลสาบแห่งนั้นก็เกิดเสียงครืนครัน คลื่นยักษ์หินหนืดพลิกตลบขึ้นฟ้า สีแดงเพลิงบาดตา แผดเผาเวิ้งนภาอย่างกะทันหัน

ฟู่!

พร้อมกันนั้นงูตัวยาวราวกับสายฟ้าสีเพลิงก็โฉบปราดออกมา ไหววูบเบาๆ กลางห้วงอากาศ ก่อนพุ่งโถมไปทางชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้น

ส่วนหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปกลับสูดหายใจเย็นเยียบ มองออกในปราดเดียว นั่นคือสัตว์ประหลาดบรรพกาลตัวหนึ่ง… อสรพิษเหินเพลิง!

——