ตอนที่ 864 แหล่งผลึกเจตะ
อสรพิษเหินเพลิง คล้ายงูแต่ไม่ใช่งู คล้ายเจียวแต่ไม่ใช่เจียว เป็นอสูรวิญญาณที่ถือกำเนิดจากเพลิงวิญญาณฟ้าดิน

ร่างของมันมีความหนาเท่าปากชาม ยาวสิบจั้งกว่า ทั่วตัวปกคลุมด้วยเกล็ดเพลิง ความแข็งแกร่งน่ากลัวถึงที่สุด ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายในยุคบรรพกาล!

ตูม!

อสรพิษเหินขยับตัววูบกลางห้วงอากาศ ร่างเรียวยาวคล้ายกำลังร่ายระบำ เลื้อยเคี้ยวคดดั่งสายฟ้า เคลื่อนย้ายว่องไว ปลดปล่อยแสงเพลิงบาดตาหาใดเปรียบออกมา

ราวกับฝนเพลิงพร่างพรม แต่กลับแหลมคมดุจกระบี่ คมกริบไร้เทียมทาน

ชั่วอึดใจเท่านั้นชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นหลบไม่ทัน ร่างท่อนบนก็ถูกแทงทะลุเป็นรูเลือดที่มีขนาดใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

นี่เป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่ง แต่อยู่ภายใต้การซัดโจมตีของอสรพิษเหินเพลิง ถึงกับปราศจากเรี่ยวแรงปัดป้อง!

หลินสวินไหวหวั่น ย่างเท้าก้าวออกไป ซัดฝ่ามือออกไปโดยไม่ลังเล

ตูม!

พลังหมัดสีใสเจิดจ้าพุ่งปราดราวกับพายุคำรามกลางฟ้าดิน สลายฝนเพลิงเต็มฟ้าเหล่านั้น พร้อมกันนั้นก็ช่วยชายหนุ่มชุดเข้มกลับมา โยนผลุงออกไปห่างๆ

เหตุที่ทำเช่นนี้ เพราะหลินสวินมีเรื่องจะถาม หาไม่เขาคงคร้านจะช่วย

ฉัวะ!

อสรพิษเหินเพลิงถูกก่อกวน ลูกตาเหมือนดั่งเพชรสีเลือดผุดแววเยียบเย็นเหี้ยมโหด สะบัดร่างพุ่งปรี่มาทางหลินสวิน

ความเร็วของมันว่องไวยิ่งยวด กรีดวาดร่องรอยแห่งเพลิงที่เจิดจ้าบาดตาเป็นสายๆ ออกมาราวกับสายฟ้าสีเพลิงระบำคลั่งอยู่กลางฟ้าดิน

ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเสมือนถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ ทิ้งรอยดำอันน่าสยดสยองพาให้ผู้คนใจสะท้านเอาไว้

ระบำแห่งเพลิงหลอม!

นี่ก็คือวิชามรรคพรสวรรค์ของอสรพิษเหินเพลิง สามารถหลอมละลายเวิ้งนภา แผดเผาปฐพี เปลี่ยนสรรพสิ่งให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ เสมือนเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระบำคลั่งทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน น่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุด

ตามที่เล่าลือ ในยุคบรรพกาลอสรพิษเหินเพลิงตัวหนึ่งถือกำเนิดก็นำพาหายนะมาสู่ใต้หล้า เพียงแค่สำแดงวิชานี้ ก็เผาภูผาธาราหลายแสนลี้ หลอมละลายสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน พาให้ฟ้าดินแถบนั้นกลายเป็นสถานที่เสื่อมสูญเพียงชั่วข้ามคืน น่าสะพรึงถึงที่สุด

และยามนี้ วิชาลับไร้เทียมทานเช่นนี้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!

หลินสวินมีหรือจะกล้าประมาท สำแดงพลังทั้งหมดปะทะกับมัน

ครั้งนี้เขาไม่คิดหลบเลี่ยง เพราะไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบหินหนืดแห่งนั้น หรืออสรพิษเหินเพลิงตัวนี้ต่างก็เป็น ‘ไฟ’ แต่กลับปรากฏอยู่ท่ามกลางแดนหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ นี่คือปรากฏการณ์ ‘ผันแปร’ อย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย จะต้องซ่อนปริศนาเอาไว้แน่!

ตูม!

เงาร่างหลินสวินเคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศ ชือน้ำแข็งเลี้ยวลด พลังหมัดเจิดจ้า เขย่าฟ้าสะเทือนดิน เข้าปะทะกับอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นอย่างดุเดือด

เพียงชั่วครู่ฟ้าดินแถบนี้หวีดคำรามราวกับฟ้าร้อง ห้วงอากาศปั่นป่วน พลังหมัดและฝนเพลิงแผ่วงกว้างราวกับกระแสน้ำเชี่ยว สับสนอลหม่านไปทั้งแถบ

ชายหนุ่มชุดสีเข้มคนนั้นมองจนสั่นระริกไปทั้งตัว ฟันกระทบกันดังกึกๆ เขาเพิ่งได้รู้เอาตอนนี้ว่าตนอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับเทพมารหลิน

พลังของอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นไม่ด้อยกว่าผู้กล้าไร้เทียมทานชัดๆ มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติไม่สามารถต้านทานได้ไหว

แต่เทพมารหลินกลับสามารถต่อสู้ขับเคี่ยวกับมันได้ นี่เห็นได้ชัดว่าวิปริตอย่างไม่ต้องสงสัย!

ฟึ่บ!

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ดาบสีขาวเจิดจ้าไหววูบกลางห้วงอากาศ เสียงดังพรูดดังขึ้นหนึ่งครา ร่างของอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นก็ถูกฟันขาดเป็นสองท่อน

นี่คือพลังของดาบหัก ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลเม็ดการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลินสวินครอบครองในปัจจุบัน หากไม่ใช่เพราะไม่อยากยืดเยื้อกับอสรพิษเหินเพลิงตัวนี้ หลินสวินคงไม่งัดมาใช้ง่ายๆ

‘การโจมตีนี้แหละ!’

ชายหนุ่มชุดสีเข้มหัวใจเต้นพล่าน นึกถึงช่วงหลายวันก่อน ชิงเหลียนเอ๋อร์ธิดาเทพเผ่าหงส์เขียวคนนั้นก็ถูกการโจมตีนี้ทำเอาเจ็บหนัก เกือบถูกสังหารคาที่!

และตอนนี้อสรพิษเหินเพลิงก็ไม่อาจหลบเลี่ยง จึงถูกฟันฉับ!

พรึ่บ!

หลินสวินเพิ่งเก็บดาบหัก ก็พบอย่างน่าประหลาดว่าหลังจากอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นถูกฟัน ร่างพลันลุกเป็นไฟคุโชน กลายเป็นเพลิงหลอมระอุทันที

แต่ในขณะเดียวกันกลับมีหินผลึกสีเพลิงขนาดเท่าเล็บมือตกลงมา ร่วงหล่นบนพื้นหิมะน้ำแข็ง สีแดงเพลิงดุจเพชร แสงวิบไหวแวววาวบาดตา

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อหนึ่งคราเก็บของสิ่งนี้ขึ้นมา วางไว้บนฝ่ามือเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด

หินก้อนนี้มีขนาดเล็กมาก แต่กลับเจิดจ้าหาใดเปรียบ สีแดงสดโปร่งแสง ห้อมล้อมด้วยแสงแวววาววิเศษราวกับภาพฝันมายา

“นี่คือแหล่งผลึกเจตะ ภายในบรรจุพลังต้นกำเนิดมหามรรคไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ หากนำมันไปหลอมจะสามารถช่วยเพิ่มยกระดับปราณให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังไม่ทำให้รากฐานคลอนแคลน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีเฉพาะยุคบรรพกาลเท่านั้น พบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ”

ชายหนุ่มชุดสีเข้มคนนั้นเอ่ยอธิบายขึ้นมากะทันหัน

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเหตุที่ชายหนุ่มชุดเข้มให้ความร่วมมือเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตระหนักได้ว่าที่ตนไม่ฆ่าเขาเพราะมีเรื่องจะซักถาม ฉะนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายให้ความร่วมมือก่อนอย่างชาญฉลาด

ชายหนุ่มชุดเข้มสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก กล่าวว่า “หลินสวิน ขอเพียงเจ้าไม่ถีบข้าออกไป ข้ารับรองว่าจะบอกเบื้องลึกเบื้องหลังที่มีอยู่ทั้งหมดแก่เจ้า”

เขารู้ดีว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง ซ้ำยังตัวคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความนัยเบื้องลึกที่เกี่ยวกับเทศกาลโคมกถามรรค

เพราะเบื้องลึกระดับนี้ มีเพียงผู้สืบทอดของสำนักเก่าแก่เท่านั้นจึงจะรู้!

“ว่ามา”

หลินสวินจำเป็นต้องเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับที่แห่งนี้อยู่บ้างจริงๆ จึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเจ้าหมอนี่ให้ความร่วมมือกับตนอย่างว่าง่ายเช่นนี้

ไม่นานหลินสวินก็รู้ข้อมูลอื่นๆ บางส่วน

บททดสอบห้าด่านของเทศกาลโมกถามรรค แต่ละด่านต่างซ่อนปริศนายิ่งใหญ่เอาไว้ ขณะเดียวกันก็ไม่ขาดวาสนาที่ยากจะพานพบจากโลกภายนอกเช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับในด่านแรกอย่าง ‘แดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปร’ ก็ซ่อน ‘แหล่งผลึกเจตะ’ และ ‘โอสถวิญญาณเจตะ’ ที่ให้กำเนิด ‘มรรค ’ และ ‘วิชา’ เอาไว้!

แหล่งผลึกเจตะ ช่วยยกระดับพลังปราณ

และโอสถวิญญาณเจตะนี้ก็ให้กำเนิด ‘วิชามรรค’ อย่างแท้จริง ราวกับเป็นมรดกถ่ายทอดไม่ปาน!

วิชามรรคหมายความว่าอย่างไร

มรรค คือพลังแห่งมรรค

วิชา ก็คือวิชาแห่งการต่อสู้!

มันน่าสะพรึงยิ่งกว่าวิชาลับ มีเพียงมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่เชี่ยวชาญพลังเจตจำนงมรรคเท่านั้น จึงจะสามารถหยั่งรู้และเคี่ยวกรำวิชาการต่อสู้ได้

วิชาระดับนี้แฝงแก่นอัศจรรย์มหามรรคเอาไว้ พลังอำนาจไร้ที่สิ้นสุด!

ในโลกภายนอกมีเพียงสำนักเก่าแก่เท่านั้นที่เก็บซ่อนตำราดั้งเดิมอันล้ำค่าและหายากเช่นนี้ ส่วนวิชายุทธ์ที่แพร่หลายในโลก ส่วนใหญ่ได้แต่เรียกว่าเป็น ‘วิชาลับ’ ยังห่างไกลจาก ‘วิชามรรค’ อักโข

เพราะฉะนั้นยามที่รู้ข่าวสารเหล่านี้ หลินสวินจึงตกใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เดิมทีเขาคิดว่าวาสนาอย่างแท้จริงจำเป็นต้องไขว่คว้ามาจากต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนั้นเสียอีก

แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ในบททดสอบนี้จะสามารถกอบโกยวาสนามากมายขนาดนี้ได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่า ฐานที่หลินสวินมีอยู่ยังด้อยกว่าอยู่บ้างจริงๆ เมื่อเทียบกับผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่เหล่านั้น

ผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่เหล่านี้มีผู้อาวุโสในสำนักคอยชี้แนะ มีตำราดั้งเดิมของสำนักให้ค้นคว้า รากฐานที่สั่งสมมาอยู่เหนือผู้อื่น ย่อมทำให้พวกเขาได้เปรียบเต็มที่ในการเคลื่อนไหวเป็นธรรมดา

ย้อนกลับมาที่หลินสวิน หัวเดียวกระเทียมลีบ ทุกสิ่งทุกอย่างได้แต่อาศัยตัวเองไปตรวจสอบสืบเสาะ ในขั้นตอนนี้ เมื่อเทียบกับผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่เหล่านั้น ก็เสียเปรียบอยู่ไม่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย

ต่อมาหลินสวินยังได้รู้ว่าผู้กล้าที่มาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคหนนี้ ส่วนใหญ่ล้วนไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนั้น

จุดประสงค์ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือวาดหวังว่าจะกอบโกยศุภโชคและวาสนาที่ซ่อนอยู่ในบททดสอบห้าด่านนี้!

ตัวอย่างเช่นแหล่งผลึกเจตะและโอสถวิญญาณเจตะนี้ แม้แต่พวกไร้เทียมทานพบเข้าก็คงใจเต้นรัว

‘เป็นสถานที่ที่ดี ทะลวงด่านอยู่ที่นี่ สามารถประชันกับบุคคลไร้เทียมทานรุ่นเดียวกัน ซ้ำยังสามารถได้รับวาสนาที่อยู่ในนี้ เคี่ยวกรำตนเองเพื่อเลื่อนระดับปราณ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ล้ำค่าของการฝึกปราณ’

หลินสวินรำพึงรำพันในใจ

ปัจจุบันเขาอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น หากอิงจากความเร็วในการฝึกปราณทั่วไป คิดจะทะลวงสู่ขั้นต่อไป อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามถึงห้าเดือน

นี่ถือว่าเร็วที่สุดแล้ว หากบังเอิญพบอุปสรรคระหว่างทาง สามปีห้าปีก็ไม่สามารถทะลวงขั้นปราณได้

แต่หากคว้าโอกาสครั้งนี้อยู่มือ อาจสามารถพัฒนาพลังปราณอย่างก้าวกระโดดก็เป็นได้!

หญิงสาวปริศนาที่เร้นกายในห้องโถงมรรคาสวรรค์คนนั้นเคยกล่าวไว้ว่า อย่างมากที่สุดภายในสามปี มหาสงครามที่แท้จริงก็จะเปิดฉากขึ้น

นี่ก็หมายความว่า หากไม่สามารถเหยียบย่างถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับกระบวนแปรจุติภายในสามปี เมื่อมหาสงครามมาเยือน เขาก็อาจจะช้ากว่าคนอื่นหนึ่งก้าว กระทั่งอาจไร้วาสนาหลอมมรรคกลายเป็นราชัน เหยียบย่างบนเส้นทางสูงสุดนั่นก็เป็นได้!

ช่วงชิงมหามรรค หากพลาดก้าวแรก ก็จะพลาดก้าวต่อๆ ไป!

นี่คือเหตุผลว่าทำไมหมื่นผู้กล้าถึงทำทุกวิถีทางเพื่อพัฒนารากฐานของตนก่อนที่มหาสงครามจะมาถึง

“ยังมีเบื้องลึกอื่นๆ อีกหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม เขายังอยากทำความเข้าใจมากกว่านี้

“ยังมีข่าวลืออีกหนึ่งเรื่อง ว่ากันว่าในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จะปรากฏศุภโชคใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน หนึ่งเดียวไม่มีเสมอเหมือน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจเป็นสมบัติอริยะกายสิทธิ์ชิ้นหนึ่ง!”

ชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมา

สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินสั่นสะเทือนไม่สิ้น

สมบัติอริยะกายสิทธิ์!

เขารู้ดีว่าสมบัติระดับนี้น่าเหลือเชื่อเพียงใด

เพราะคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารในมือเขาก็เป็นสมบัติอริยะกายสิทธิ์ที่แตกพังอย่างหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ อานุภาพอันยิ่งใหญ่ก็เหนือจินตนาการ เรียกได้ว่าพลิกฟ้าทีเดียว

“เพราะเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้บุคคลไร้เทียมทานมากมายต่างมาเข้าร่วม อย่างเช่นจี้ซิงเหยาจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา อวี่หลิงคงจากแดนพิสุทธิ์อมตะ ล้วนต้องมาเพราะวาสนานี้เป็นแน่ นี่คือศุภโชคชิ้นโต อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณที่เข้าร่วมถกมรรคอย่างพวกเราเลย ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าจากโลกภายนอกพวกนั้นก็คงใจเต้นและน้ำลายหกกันทั้งสิ้น”

ชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นให้ความร่วมมือดีมากจริงๆ ไม่รอให้ซักถามรายละเอียดก็พูดออกมาหมดเปลือกเสียเอง

“ที่แท้เทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังซุกซ่อนเบื้องลึกเบื้องหลังเอาไว้มากมายขนาดนี้เชียว…”

นัยน์ตาสีดำของหลินสวินเปี่ยมด้วยแววครุ่นคิด ในใจยิ่งแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆ การมาเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ถูกต้องแล้วจริงๆ หาไม่คงพลาดโอกาสและวาสนาล้ำค่าไปมากมายอย่างแน่นอน

“เจ้าไปเถอะ”

หลินสวินตั้งใจจะเร่งเดินทางต่อไป เขาสนใจการรวบรวมโอสถวิญญาณเจตะและแหล่งผลึกเจตะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมุ่งมั่นจะครอบครองให้จงได้

ชายหนุ่มชุดสีเข้มกล่าวเป็นพัลวัน “หลินสวิน เจ้าจะ… พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”

หลินสวินหันหน้ากลับมา คล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ข้าปล่อยเจ้าไปหนหนึ่งแล้ว เจ้ายังคิดจะมาพัวพันกับข้าอยู่อีกหรือ”

ชายหนุ่มชุดสีเข้มพิพักพิพ่วน กล่าวทันทีว่า “ข้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งที่ซ่อนของดีเอาไว้ไม่น้อย หากเจ้าพาข้าไปด้วย ข้าสามารถนำทางเจ้าได้!”

“สถานที่อะไร”

“เขาน้ำแข็งปทุมเพลิง!”

“ในเทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านมา เหล่าผู้กล้ามากมายต่างเคยได้รับวาสนาบนเขาลูกนี้ แต่คนที่รู้จักที่ตั้งของภูเขานี้กลับมีน้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะมันซ่อนอยู่ในสถานที่ ‘ผันแปร’ ลึกลับแห่งหนึ่ง…”

ไม่รอให้เอ่ยจบ หลินสวินก็ตัดบทกล่าวว่า “เหตุผลของเจ้าไม่เลวยิ่ง นำทางสิ”

ชายหนุ่มชุดสีเข้มกระปรี้กระเปร่าทันควัน รู้สึกยินดีไม่สิ้น

แม้ก่อนหน้าจะถูกหลินสวินสยบ แต่เขาไม่สนใจสักนิด ตรงข้าม เขาคิดว่าการได้เคลื่อนไหวพร้อมกับหลินสวินในครั้งนี้ไม่เพียงปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน กระทั่งอาจได้รับวาสนาจำนวนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าฝันใฝ่เลยทีเดียว!

อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็คือเทพมารหลินผู้มีชื่อเสียงดุร้ายคับฟ้า ร้ายกาจไร้เทียมทานซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมาตั้งแต่คราแรก!