หลังจากพักผ่อนครู่หนึ่ง ตงหลิงหวงก็พยุงมู่หรงฉีไปที่ไม้กระดาน
ปลายอีกด้านของไม้กระดานมีเชือกผูกอยู่ ตงหลิงหวงพาดเชือกไว้บนไหล่ของนางและลากมู่หรงฉีไปตามทางเดินอย่างเชื่องช้า
หลังจากพวกเขาออกไปได้ไม่นานนัก เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีก็มาถึงเช่นกัน
เวลานั้นเป็นยามรุ่งสาง แม้ภายในถ้ำจะไม่มีไฟ ทว่ากลับมองเห็นทุกสิ่งในถ้ำผ่านแสงแดดที่ส่องเข้ามา
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาตรวจดูภายในถ้ำอย่างละเอียด ไม่ช้าก็พบร่องรอยว่าตงหลิงหวงและมู่หรงฉีเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ทั้งยังมีช่องทางที่ไม่ได้ถูกปิดหลังจากที่พวกเขาออกไป
“ข้าคาดไว้ไม่ผิด พวกเขาไม่ได้ตกลงไปที่ก้นเหว ทว่าตกมาอยู่ที่นี่”
ซูจิ่นซีหยิบเศษยาที่ตกอยู่บนพื้น รวมทั้งท่อนไม้ และสิ่งของที่ตงหลิงหวงใช้ต่อกระดูกให้มู่หรงฉี
“ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่ต่อสู้กับเหล่านักฆ่า ทว่าได้รับการรักษาไปบ้างแล้ว”
ซูจิ่นซีพูดพลางสังเกตท่อนไม้อย่างละเอียด “พี่ชายของข้าคงได้รับบาดเจ็บสาหัส และอาจจะ… กระดูกหัก ทว่าได้รับการรักษาแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยาก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย “เหตุใดจึงไม่ใช่รัชทายาทตงเฉินที่ได้รับบาดเจ็บ? ”
อาศัยเพียงท่อนไม้และยาสมุนไพรเหล่านี้ ก็รู้ได้ทันทีว่ามู่หรงฉีได้รับบาดเจ็บ ไม่น่าเชื่อจริงๆ
ซูจิ่นซียืนขึ้น พลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“สังเกตจากความยาวของท่อนไม้และปริมาณของยาที่เหลือ เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ใช้สิ่งของเหล่านี้มีความรู้วิชาแพทย์ในระดับที่ดีมาก พี่ชายของข้าไม่รู้วิชาแพทย์ และข้าเคยเห็นวิชาแพทย์ของรัชทายาทตงเฉินมาก่อน ถือได้ว่าไม่เลว”
“หากรัชทายาทตงเฉินได้รับบาดเจ็บ มู่หรงฉีก็สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้ตามคำบอกของนาง และพันผ้าพันแผลด้วยตนเอง”
แน่นอนว่าไม่สามารถตัดประเด็นนี้ออกไปได้…
ทว่า…
ซูจิ่นซีไม่พูดสิ่งใด รอยยิ้มบนใบหน้าของนางกว้างขึ้นเล็กน้อย นางยืนเขย่งปลายเท้าและจุมพิตริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาแผ่วเบา
“ท่านอ๋อง เห็นท่าทางขี้สงสัยของท่านแล้ว ช่าง… น่ารักเสียจริง… ”
น่ารัก…
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วมุ่น
“ทว่า… จิ่นซีชอบยิ่งนัก! ”
ชอบยิ่งนัก
นางเคยเห็นท่าทีเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา เห็นเขาสนใจแต่เรื่องตนเอง ไม่เคยเห็นเขาใส่ใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน
นางยังเคยเห็นหัวใจที่เย็นชาและอ้างว้าง ภายใต้ท่าทางเฉยเมยและไม่แยแส
เขาที่เป็นเช่นนั้น วันเวลาเช่นนั้น ช่างมืดมน เย็นยะเยือก กระทั่งแสงสว่างก็ไม่อาจทะลุผ่านไปได้
นางเห็นภาพตอนที่ตนเองปรากฏตัว ทำให้ชีวิตของเขาค่อยๆ สว่างสดใส แม้ไม่อาจทำให้เขารู้ถึงวิธีร้องไห้ วิธีหัวเราะ หรือวิธีดูแล ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้เขาได้ออกมาจากชีวิตที่มืดมน เย็นชา ไร้แสงสว่าง
และตอนนี้…
เมื่อเห็นเขาสงสัยกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
นางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
จิ่นซีชอบมากจริงๆ !
ซูจิ่นซีจุมพิตริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาแผ่วเบาและเตรียมผละตัวออก
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็โอบรัดเอวบางของซูจิ่นซีและดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะใช้มืออีกข้างประคองหลังศีรษะของซูจิ่นซี
จากนั้นจึงหมุนตัวอย่างสวยงาม และกดร่างของซูจิ่นซีกับผนังถ้ำ
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด เยี่ยโยวเหยาก็ฉวยโอกาสจุมพิตริมฝีปากของซูจิ่นซี สอดแทรกซุกไซ้อย่างดูดดื่ม
ไม่ใช่กระมัง!
ทำเช่นนี้ก็สามารถจุดไฟปรารถนาอันเร่าร้อนของเขาได้ด้วยหรือ มัน… เกินไปแล้ว โหดร้ายเกินไปแล้ว
นางเสียใจได้หรือไม่?
นางยอมแพ้ได้หรือไม่?
น่าเสียดายที่สายเกินไปแล้ว!!!
จุมพิตของเยี่ยโยวเหยารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนซูจิ่นซีแทบหายใจไม่ออก เยี่ยโยวเหยาโอบเอวของซูจิ่นซีอย่างแรง ไม่รู้ว่ามือของเขาเลื่อนมาด้านหน้าของซูจิ่นซีตั้งแต่เมื่อใด ทั้งยังถอดสายรัดเอวของซูจิ่นซี
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็รับรู้ได้ถึงลมหนาว นางรีบคว้ามือของเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดจะทำอันใด? ”
เยี่ยโยวเหยากำลังยุ่งอยู่กับการคลอเคลีย น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำแผ่วเบา
“ชายาที่รักคิดว่า… ข้ากำลังทำอันใด! ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงนั้น ใบหูของนางพลันรู้สึกวาบหวาม ทว่าจิตใต้สำนึกได้บอกกับนางว่า พวกเขาไม่อาจทำได้ ไม่อาจทำภารกิจตรงนี้ได้อย่างแน่นอน
ซูจิ่นซีจับมือปลาหมึกของเยี่ยโยวเหยาทันที “ท่านอ๋อง ได้โปรด… ปล่อยข้า! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่หยุด ทั้งยังตอบกลับมาอย่างสง่างาม “สายเกินไปแล้ว! ”
ทันทีที่พูดจบ ไม่รู้เพราะเหตุใดร่างของซูจิ่นซีจึงอ่อนปวกเปียก นางเอนกายลงสู่อ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยาราวกับโคลนในสระน้ำ
เยี่ยโยวเหยาโอบกอดซูจิ่นซีไว้และกลิ้งไปบนพื้นพร้อมกัน
ด้วยวิธีนี้ เยี่ยโยวเหยาจึงบรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการอีกครั้ง
ในขณะที่ทำภารกิจ ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยากระทำไปแล้วกี่ครั้ง สุดท้ายนางก็ไม่มีแรงต่อต้าน และยอมให้เยี่ยโยวเหยาทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ
ยังดีที่เยี่ยโยวเหยาคอยปกป้องซูจิ่นซีไม่ให้หินบนพื้นสัมผัสกายของนาง
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ซูจิ่นซีใส่เสื้อผ้าไปพลาง นับรอยประทับที่เยี่ยโยวเหยาทิ้งไว้บนร่างกายของนางไปพลาง
“คนหลอกลวง คนหลอกลวง คนหลอกลวง!!! บอกว่ารักความสะอาด! บอกว่าจะรักและหวงแหนข้ามิใช่หรือ แม้แต่สถานที่เช่นนี้ยังทำลงได้ ช่างป่าเถื่อนจริงๆ ไม่ยับยั้งชั่งใจแม้แต่น้อย! ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากแผ่วเบา ก่อนจะคลุมเสื้อผ้าลงบนร่างกายของซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยน
“ชายาที่รักวางใจ ข้าเพียงปฏิบัติต่อเจ้าโดยไม่ยับยั้งชั่งใจไปบ้าง! ในสถานที่เช่นนี้อาจแข็งไปหน่อยสำหรับเจ้า”
แก้มของซูจิ่นซีพองขึ้น นางพูดอันใดไม่ออกจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าโกรธมาก!
ทว่าเหตุใดจึงฟังดูดีเหลือเกิน!
ทั้งยังทำให้คนฟังใบหน้าแดงหูแดง
เยี่ยโยวเหยามองแก้มที่แดงระเรื่อของซูจิ่นซี และจูบหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน
“สวมเสื้อผ้าเถิด ข้าจะไปตามหามู่หรงฉีและตงหลิงหวงกับเจ้า”
ซูจิ่นซีสวมเสื้อผ้าและพูดว่า “ไม่ต้องตามหาแล้ว”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูจิ่นซีจึงพูดต่อ “แม้พี่ชายของข้าจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าตงหลิงหวงไม่มีทางทำร้ายท่านพี่ของข้าแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว และพวกเขาเพิ่งจะจากไป
หากตงหลิงหวงต้องการทำร้ายพี่ชายของข้าจริง นางคงลงมือและออกจากหน้าผานี้ไปนานแล้ว ไม่ต้องเปลืองแรงหาถ้ำ และรอจนถึงเวลานี้ถึงจะจากไป”
นอกจากนั้น ครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ไม่ว่าระหว่างทางพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทว่าซูจิ่นซีมองออกว่าพวกเขามีใจให้กันและกัน
ช่วงเวลานี้ พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกัน ปกป้องซึ่งกันและกัน
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดอันใด
ซูจิ่นซีครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวเสริมว่า “คนที่พวกเราส่งออกไป ไม่ต้องเรียกตัวกลับมา ให้พวกเขาและคนของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินออกตามหาพร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ไม่เช่นนั้นอาจเสียเรื่องได้”
เยี่ยโยวเหยาไม่คัดค้านเรื่องนี้
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาคิดอย่างไร เพราะเขาไม่พูดอันใด ทำเพียงดึงซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอดของตนด้วยท่าทางลึกซึ้ง
ซูจิ่นซีไม่คุ้นเคยกับท่าทางเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยา นางหดร่างกายของตนเองให้เล็กลง
“เยี่ยโยวเหยา ท่านทำอันใด? เป็นอันใดหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยากอดร่างของซูจิ่นซีแน่นยิ่งขึ้น
“จิ่นซี ข้า… จู่ๆ ข้าก็รู้สึกกลัว วันหนึ่ง เจ้าจะจากข้าไปหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงชั่วครู่
เอ่อ…
เหตุใด จู่ๆ จึงเปลี่ยนเรื่องมาถามคำถามเช่นนี้?
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหัวข้อก่อนหน้าหรือ???