ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 612 ยืนเฉยๆ ก็เป็นการข่มขวัญแล้ว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อถูกหนึ่งเต่าและหนึ่งอสรพิษหนีบไว้ตรงหลาง ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดความคิดหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้

‘นี่มันเต่าดำ[1]ชัดๆ…’

เจตจำนงหมัดอันยิ่งใหญ่หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา หนึ่งดุดันหนึ่งอ่อนโยน หนึ่งเชื่องช้าหนึ่งปราดเปรียว พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

ชายหนุ่มกลอกตา สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ รอบๆ ร่างเกิดกระแสปราณหลายสายทะลักขึ้นมาเหมือนกับเมฆสีเขียวโดยอัตโนมัติ

พลังหมัดที่มาจากทางซ้ายและทางขวากระแทกใส่เมฆสีเขียว ไม่อาจขยับได้ต่อ อีกทั้งยังถูกสะท้อนกลับไป!

เต่ายักษ์ขนาดเท่าเกาะย่อมๆ ที่ลอยอยู่เหนือผิวทะเลทางด้านซ้าย ถูกชนอย่างรุนแรงโดยพลังที่รุนแรงสุดขีด ถึงกับพุ่งลงไปถึงก้นทะเลในทีเดียว

อสรพิษใหญ่โตยาวหลายร้อยหลายพันจั้ง[2] เลื้อยขดอยู่กลางอากาศ ถูกพลังอันอ่อนโยนโจมตีกลับ ควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ ถูกบิดจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง กลายเป็นเชือกป่านพันกันมั่วกลุ่มหนึ่ง

รอบๆ เกิดเสียงอุทานด้วยนความตกใจติดต่อกัน เงาแสงงูวิญญาณและเงาแสงเต่าวิญญาณต่างสลายไป เผยให้เห็นเงาร่างของบุรุษวัยกลางคนสองคน

พวกเขามีสีหน้าระมัดระวัง แต่ก็ถูกคนยับยั้งไว้ทันที

ด้านในกลุ่มคนสองกลุ่มที่แบ่งกันอยู่ด้านซ้ายด้านขวา มีผู้นำแหวกกลุ่มคนออกมา เขามองมายังเยี่ยนจ้าวเกอ

ด้านซ้ายเป็นชายชรา ผมสีดอกเลา หลังค่อม แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าสูงใหญ่เหลือประมาณ

ด้านขวาเป็นสตรีวัยกลางคน สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาลุกวาว สาดประกายเย็นชาออกมาสี่ทิศ ปราดเปรียวคล่องแคล่ว

หลักจากพวกเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้ว ใบหน้าต่างปรากฏความตื่นตระหนกและความกริ่งเกรง

ชายชราหลังค่อมประสานมือ “ไม่คิดว่าจะเป็นเยี่ยนอวิ๋นจง ข้าหลูเฟิงแห่งสำนักคืนวิญญาณขอคารวะ”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เจ้าสำนักหลู สบายดีหรือ”

ชายชราผู้นี้เป็นเจ้าสำนักคืนวิญญาณ หนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะของโลกผืนสมุทร ผู้คนเรียกขานว่าหลูเฟิงผู้ชราอายุยืน ถูกจัดเป็นอันดับหกของจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกแห่งโลกผืนสมุทร

ในอดีตวังผลึกวารี สำนักคืนวิญญาณ และเขาหงส์วิเศษมีความสัมพันธ์ปรองดองกัน ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่เขาหงส์วิเสษชั่วคราวก็เคยเจอหลูเฟิงมาก่อน

เขาหันไปมองสตรีวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง “ข้าไม่เคยพบท่านผู้นี้มาก่อน แต่น่าจะเป็นผู้ปกครองเกาะกวนแห่งเกาะงูเขียวกระมัง?”

ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายเย็นชาดุร้ายในดวงตาของสตรีวัยกลางคนผู้นี้หายไปหลายส่วน หลังจากเงียบงันครู่หนึ่งค่อยพูดขึ้นว่า “ข้ากวนจิ้งเฉียง ดีใจยิ่งที่ได้เจอราชามังกรอวิ๋นจง”

นางเป็นผู้ปกครองเกาะงูเขียว หนึ่งในหกพรรคมาร กวนจิ้งเฉียง ‘ฮูหยินอสรพิษเขียว’ ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ห้าในหมู่จอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกของโลกผืนสมุทร สูงกว่าหลูเฟิง ‘ผู้ชราอายุยืน’

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของกวนจิ้งเฉียงจะอยู่ในวัยกลางคน แต่ความจริงเป็นเพราะวิชารักษาความเยาว์วัย นางกับหลูเฟิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และเป็นมารเฒ่าที่มีชื่อเสียงในโลกผืนสมุทรมาหลายปีแล้ว

ในโลกผืนสมุทร สำนักคืนวิญญาณกับเกาะงูเขียวเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่โด่งดัง ชนิดมีเจ้าไม่มีข้า

เบื้องลึกของความขัดแย้ง เหนือกว่าบุญคุณความแค้นระหว่างเขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิต หรือเขาหงส์วิเศษกับสำนักตาข่ายปีศาจเสียอีก

เหมือนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเมืองทะเลมรกตที่ไม่ขออยู่ร่วมกันดั่งน้ำกับไฟ อีกทั้งยังเหมือนสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดบนโลกซ้อนโลกที่ไม่ตายไม่ยอมเลิกรา

ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมค่อนข้างมั่นคง สำนักที่เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันมากที่สุดในฝ่ายธรรมะและมารบนโลกผืนสมุทรก็คือสำนักคืนวิญญาณและเกาะงูเขียว

ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกันอยู่

คนทั้งสองที่ประมือกันเมื่อครู่ ถูกญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอดีดสะท้อนกลับไป ยามนี้กลับมายังด้านหน้าผู้มีอำนาจในสำนักของแต่ละคนอีกครั้ง พวกเขาคือบุคคลระดับสุดยอดที่สุดในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ

เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่กล้าลงมืออีก ต่างว่าง่ายเหมือนกับนกกระทา

ทว่าเมื่อคนของสำนักคืนวิญญาณเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หลังจากความตกใจแรกสุด ต่างก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ส่วนคนของเกาะงูเขียวกลับหมดอาลัยตายอาก ขวัญกำลังใจตกต่ำ

เยี่ยนจ้าวเกอมองซ้ายมองขวา เหมือนไม่เห็นสีหน้าของทั้งสองฝ่าย ถามเรียบๆ ว่า “รบกวนทุกท่านแล้ว แต่ใครบอกข้าได้บ้างว่า ปัจจุบันสถานการณ์ของโลกผืนสมุทรเป็นอย่างไร?”

หลูเฟิงมองประตูทางเชื่อมเขตแดนที่ค่อยๆ หายไปเบื้องหลังเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้จะไม่แสดงสีหน้าใด แต่ในใจกลับตื่นตระหนกเหลือประมาณ ‘เขาไม่ใช่คนของโลกผืนสมุทรจริงๆ ด้วย’

ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอออกจากโลกผืนสมุทร มุ่งหน้าไปผจญภัยยังโลกภัยอื่นแล้วกลับมา แต่ว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันบนโลกผืนสมุทรของชายหนุ่ทเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่มีใครมองเส้นสนกลในออก ไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมา หลูเฟิงคิดว่าความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่ใช่คนในโลกผืนสมุทรมีสูงกว่า

ในใจถึงแม้จะตกใจขนาดไหน แต่หลูเฟิงก็ยังตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ปัจจุบันโลกผืนสมุทรธรรมะรุ่งเรืองมารอ่อนแอ คนในฝ่ายธรรมะเช่นพวกเราหลายปีมานี้โจมตีสำนักมารร้ายรุนแรงกว่าเดิม โลกผืนสมุทรกำลังมีช่วงเวลาอันประเสริฐที่หาได้ยาก”

“ในที่นี้จะต้องขอบคุณบุญคุณที่ท่านเยี่ยนได้ช่วยเหลือในอดีต”

กวนจิ้งเฉียงได้ยินก็แค่นเสียงคำหนึ่ง กลับไม่ได้โต้ตอบ เพียงเรียกให้คนบริเวณรอบๆ เข้าใกล้ตน

ในตอนนี้พวกเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และฟู่เอินซูปรากฏตัวขึ้นแล้วเช่นกัน ยืนอยู่ด้านข้างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ฟังหลูเฟิงอธิบายสถานกาณณ์ด้วยความสนใจ

เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลูเฟิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอถึงทราบว่าโลกผืนสมุทรในปัจจุบันเทียบกับตอนที่ตนจากไป เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

และการเปลี่ยนแปลงนี้ เกี่ยวข้องกับตนอยู่บ้างจริงๆ

หากคำนวณด้วยเวลาของโลกผืนสมุทร เวลาห่างจากตอนที่ตนจากไปได้แปดปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่โลกผืนสมุทร อาวุธศักดิ์สิทธิ์นิ้วมังกรทั้งเก้าถูกเยี่ยนจ้าวเกอนำไปด้วย เกาะจิตประสานประสบความเสียหายอย่างรุนแรง ยอดฝีมือขั้นบรรลุธรรมสองคนตายด้วยน้ำมือของเขา

สำนักมังกรโลหิตซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะถูกยอดฝีมือฝ่ายมารร่วมมือกันทำลาย

และในหกพรรคมาร ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียงเฉิงซึ่งเป็นหนึ่งในสองจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เสียชีวิตลงเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ ส่วนสำนักอัสนีเรืองรองก็ถูกทำลายทิ้งเพราะสุสานมังกร

เจ้าสำนักอัสนีเรืองรองเกิ่งฮุย ‘ราชันสายฟ้าสีชาด’ กับยอดฝีมือไม่กี่คนที่โชคดีหนีรอด ต่อมาถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายในสุสานมังกร สำนักอัสนีเรืองรองจึงถูกถอนรากถอนโคนเพราะเหตุนี้

ส่วนยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกผืนสมุทร เจ้าสำนักสังหารมังกร จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จ้าวจ้ง ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าเกอเล่นงานได้รับบาดเจ็บในสุสานมังกร แขนขาดไปข้างหนึ่ง ปัจจัยพื้นฐานได้รับผลกระทับหนัก พลังเสียหายอย่างใหญ่หลวง

กลับไปมองฝ่ายธรรมะ เจ้าสำนักเกาเทียนจงแห่งเขาหงส์วิเศษ เดิมทีก็เป็นบุคคลอันดับสองในบรรดาจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกอยู่แล้ว เป็นรองเพียงเกิ่งฮุย ห่างจากการเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

เขาหงส์วิเสษเข้าไปในสุสานมังกรร่วมกับเยี่ยนจ้าวเกอ ผลพลอยได้ที่ได้มาอุดมสมบูรณ์กว่าสำนักอื่น

หลังกลับจากสุสานมังกร เกาเทียนจงก็กลับสำนักฝึกฝนอย่างหนัก ในที่สุดก็ผ่านด่านสุดท้ายสำเร็จ เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

ในปัจจุบันเขาหงส์วิเศษจึงกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่สุดยอดที่สุดของโลกผืนสมุทรอย่างเป็นทางการ

สิ่งหนึ่งหายสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแทน ฝ่ายธรรมะเติบโตขึ้นมาก ฝ่ายมารพลันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกทาง หลายปีมานี้ถูกกดดันจนไม่อาจใช้คำว่ายากลำบากมาบรรยายได้

หลังจากสำนักอัสนีเรืองรอง สำนักตาข่ายปีศาจที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอสังหารยอดฝีมืออันดับหนึ่งไปก็ถูกทำลาย

หกพรรคมารกลายเป็นประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์

ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สำนักคืนวิญญาณย่อมไล่ล่าเกาะงูเขียวไม่ยอมลดละ

กวนจิ้งเฉียงแม้ดูอ่อนโยน แต่ความจริงดุร้าย ไม่นานมานี้ถูกสำนักคืนวิญญาณกดดัน จึงได้โต้ตอบกลับ ซุ่มโจมตีสำนักคืนวิญญาณที่ทะเลลางเรือนเหมือนงูเขียวออกจากถ้ำ

ทั้งสองฝ่ายคุมเชิง สำนักคืนวิญญาณตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากรับมือไม่ทัน

แต่ว่าในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ขวัญกำลังใจของทั้งสองฝ่ายพลันกลับตาลปัตรทันที

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นแขกของเขาหงส์วิเศษ ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมะเหมือนสำนักคืนวิญญาณ

เขาเพียงยืนอยู่เฉยๆ ต่อให้ไม่เปล่งวาจาแม้สักคำ ก็ยังเหมือนเมฆดำกดศีรษะ กดทับจิตใจของพวกกวนจิ้งเฉียงจนไม่ให้เห็นแสงสว่างสักเส้นเดียว

……………………………………….

[1] เต่าดำเป็นหนึ่งในสัตว์เทพของจีน มีลักษณ์เป็นเต่าผสมงู บางทีจะใช้เต่าที่มีงูรัดอยู่บนตัวเป็นสัญลักษณ์

[2] จั้ง เป็นหน่วยวัดโบราณ 1 จั้งยาวประมาณ 3.33 เมตร