“คุณหนูใหญ่ ท่านประธานเขา……หลังจากไปที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีก ได้ยินว่า ตอนนี้สลบอยู่ยังไม่ได้ฟื้นคืนขึ้นมา คุณจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อยไหม”
หลังจากดลธีได้เห็นเธอกลับมาแล้ว ก็ดีใจขึ้นมาไม่น้อย หลายเดือนมานี้เขาต้องใช้ไม้ค้ำพยุง เมื่อเธอมา ก็รีบวิ่งเข้ามาถาม ว่าอยากจะไปเยี่ยมท่านประธานที่เมืองหลวงหรือเปล่า?
ถ้าเธอตอบรับแล้ว งั้นเขาก็สามารถไปด้วยได้
แต่ว่า แสงดาวกลับนิ่งไป
ตอนนี้เธอ ไม่รู้ว่าจะใช้สถานะแบบไหนไปพบหน้าเขา?
จะว่าไป เธอไปแล้ว คนตระกูลเทวเทพ จะให้เธอเข้าพบหรือเปล่า?
“คุณหนูใหญ่?”
“……ค่อยว่ากันอีกที ฉันจะไปที่บ้านตระกูลวชิรนันท์สักหน่อย”แสงดาวลุกขึ้นมา หลังจากนั้นก็ซื้อสิ่งของบำรุงร่างกาย เอาไปที่บ้านตระกูลวชิรนันท์ด้วย
สามเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้รับข่าวว่าเส้นหมี่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ดิลกที่อยู่ที่เมืองเคลียร์ก็ป่วยขึ้นมา หลังจากที่ปอร์เช่ได้รับเขากลับมา เขาก็มีสติขึ้นมามากแล้ว
ในตอนที่แสงดาวถือสิ่งของเข้ามา มองเห็น คนแก่ที่โรยราคนหนึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้อยู่ในสวนของบ้าน
อายุของดิลกนั้น ความจริงแล้วก็ถือว่าไม่มากนัก พึ่งจะหกสิบต้นๆ
แต่ตอนนี้ หลังจากที่แสงดาวเข้ามา พบว่าเขานั้นไม่เพียงแค่ผมขาวหมดแล้ว ร่างกายยังผ่ายผอมอย่างมาก มองดูแล้ว เหมือนกับคนอายุเจ็ดแปดสิบปียังไงอย่างงั้น
“ลุงดิลก กำลังรับแสงแดดเหรอคะ”
“?”
ดิลกที่นอนอยู่ที่นั่นอย่างไม่ไหวติ่ง ในที่สุดสติสัมปชัญญะก็ได้กลับมา มองไปยังเด็กสาวที่เข้ามานี้
“แสงดาว คุณกลับมาแล้ว”เขาดูออกแล้ว ทันใด แววตาก็มีประกายขึ้นมาเล็กน้อย
แสงดาวจึงยิ้มออกมาทันที :“ใช่ค่ะ พึ่งจะกลับมา ลุงดิลก ฉันได้ยินว่าช่วงนี้คุณป่วย จึงตั้งใจมาเยี่ยม ร่างกายของคุณเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”
เธอกลับใช้คำที่สุภาพเป็นอย่างมาก เหมือนได้ลบภาพนิสัยของเธอเมื่อก่อนไปเลย
เดิมทีดิลกไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงสักเท่าไหร่
แต่ว่า หลังจากได้เห็นป้าคนนี้ของลูกสาวก่อนหน้านี้ที่มีชีวิตอยู่ เขาก็เหมือนกับว่าได้มีเรี่ยวแรงขึ้นมา หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ที่นั่น พูดคุยกับเธอขึ้นมา
คนเมื่อมาถึงวัยชรา ยังให้คนผมหงอกมาส่งคนผมดำ เป็นเรื่องที่น่าเวทนาจริงๆ ยิ่งกว่านั้น เขาเคยติดคุกมาก่อน แม้แต่ภรรยาก็เสียไปตั้งนานแล้ว
แสงดาวที่พูดคุยกับเขาสักพักรู้สึกว่าภายในใจรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา
“ใช่สิ แสงดาว คุณรู้หรือเปล่าว่าเด็กๆพวกเขาอยู่ที่ไหน ผมคิดถึงพวกเขา”ในตอนที่จะออกไป ชายชราคนนี้มองมาที่เธออย่างกะทันหัน ถามขึ้นมาด้วยแววตาที่สลดหดหู่
ทันใดนั้นแสงดาวก็น้ำตารื้นขอบตาขึ้นมา
พูดความจริง เธอเองก็ไม่รู้เลย
สามเดือนก่อนหน้า น้องชายของเธอส่งพวกเด็กออกไป นอกจากเขาแล้ว แล้วก็กาวิน ก็ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน
แต่ว่า จนถึงวันนี้เขายังสลบไม่ตื่น อีกทั้งกาวินก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ที่อยู่ของเด็กๆ จึงไม่สามารถรู้ได้เลย
แสงดาวออกมาจากบ้านตระกูลวชิรนันท์ เธอตัดสินใจแล้วว่า เธอจะไปที่เมืองหลวง ข้อแรกคือไปเยี่ยมแสนรัก ข้อสองคือไปตามหากาวิน เด็กๆอยู่ที่ไหนกันจะได้รู้ง่ายขึ้น
แสงดาวกลับไปที่คฤหาสน์หิรัญชา
“คุณหนูใหญ่ คุณชายรองกลับมาแล้ว เขาอยากจะพบคุณ”
คิดไม่ถึงว่า พึ่งจะกลับมา น้าแตงที่เป็นสาวใช้ก็เข้ามารายงานสิ่งที่ไม่ดีแบบนี้กับเธอ
คุณชายรอง?
สีหน้าของแสงดาวทั้งหน้าขุ่นเคืองลง หลังจากนั้นก็หันหลังกลับ เตรียมตัวออกไป
แต่เวลานี้ คณาธิปได้ยินอะไรบางอย่างจากด้านนอก จึงออกมาจากในบ้าน
“แสงดาว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“……”
ฤดูกาลในเดือนเมษายน อากาศเริ่มจะอบอุ่นขึ้นมากแล้ว คฤหาสน์หลังเก่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ และเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนชื่นชอบ สีเขียวขจี บางครั้งยังได้เห็นกิ่งก้านที่มีดอกไม้ที่เบ่งบานแซมอยู่ สวยงามเป็นอย่างมาก
ในที่สุดแสงดาวจึงมองเข้าไปในสวนแห่งนี้มองหาเก้าอี้หินแล้วจึงนั่งลง ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาต่อพูดของคนคนนี้
คณาธิปได้เห็นแล้ว ก็เดินเข้ามา
“คุณวางแผนยังไงต่อไป”
“วางแผน?” แสงดาวได้ยิน จึงยิ้มเยาะออกมาทันที “คุณอยากจะให้ฉันวางแผนอะไรล่ะ กลัวว่าฉันจะกลับมาแย่งชิงอำนาจกับคุณงั้นเหรอ ฉันไม่สนใจหรอก”
คณาธิปขมวดคิ้ว
เขายืนอยู่ที่นั่น ตอนบ่ายที่แสงแดดค่อนข้างแรง กระทบลงมาบนร่างของเขาเงาที่สะท้อนออกมานั้นสั้นมาก ยิ่งทำให้ร่างกายของเขานั้นดูสูงขึ้นมามากกว่าเดิม แต่ว่าความเหนื่อยล้าที่แสดงออกมาระหว่างคิ้วนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากจะถามว่าคุณจะกลับมาที่บริษัทหรือเปล่า ถ้านับตามส่วนแบ่งของลูกสาว คุณควรที่จะได้รับส่วนแบ่งหุ้น20%ของหิรัญชากรุ๊ป”
“คุณพูดว่าอะไรนะ ฉันได้รับส่วนแบ่งหุ้นจากหิรัญชากรุ๊ปงั้นเหรอ”
ในที่สุดแสงดาวก็มีปฏิกิริยาตอบกลับขึ้นมาแล้ว เธอมองไปที่คนคนนี้อย่างประหลาดใจ
“สมองคุณมีปัญหาหรือยังไง”
“……”
ในที่สุดคณาธิปก็ล้มเลิกการเจรจากับผู้หญิงคนนี้
อีกทั้งโยนหนังสือมอบอำนาจผู้ถือหุ้นลงบนโต๊ะหิน:“ให้คุณ คุณไปจัดการเองก็แล้วกัน ถ้ายินยอมกลับมาก็กลับมา ถ้าไม่ยินยอมก็แล้วแต่คุณ”
หลังจากนั้น เขาก็เดินออกไป
แสงดาวมองสิ่งสิ่งนี้อยู่นิ่งๆ เนิ่นนาน เธอที่นั่งอยู่ที่นั่น จึงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่อยู่ตรงหางตาออกอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วเธอไม่ได้รู้สึกดีใจ
หลายปีมานี้ เพราะว่าเรื่องนี้ เธอเคยโกรธเกลียดบิดาของเธอเอง หลังจากนั้นก็เป็นน้องชายของเธอ เธอนึกว่าพวกเขาไม่เห็นว่าเธอเป็นคนในครอบครัว ทุกก้าวย่างคอยปรามเธอเอาไว้
แต่หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาได้จากเธอไปทีละคน
อีกทั้ง ในตอนสุดท้ายก็ใช้วิธีแบบนั้นเพื่อปกป้องเธอเอาไว้ เธอพึ่งจะเข้าใจ ความจริงแล้ว พวกเขาต่างรักเธอ