ตอนที่ 501 งูประหลาดสองหัว

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 501 งูประหลาดสองหัว โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อเปลวไฟถูกยิงออกจากปืนพ่นไฟ พื้นผิวน้ำจึงมีน้ำมันรถไหลวนอยู่มากมาย หลังจากเกิดเสียงดัง “ตูม” เปลวไฟสว่างจ้าตาได้พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าทำให้ทุกคนตาพร่ามัว และคลื่นขนาดใหญ่ก็ซัดกระแทกกลุ่มคนที่ยืนห่างออกไปหลายสิบเมตรให้ถอยครูดติดต่อกัน

“สำเร็จแล้ว!”

ถึงแม้จะถูกคลื่นซัดหกคะเมนตีลังกา แต่คิตะมิยะ ฮิเดโอะที่ยืนอยู่หน้าสุด หลังจากปีนขึ้นมาแล้วใบหน้าของเขาก็เผยความดีใจออกมาไม่หยุด ต้องรู้ว่า แม้จะยืนอยู่ในระยะที่ไกลขนาดนี้ แต่ขนคิ้วและเส้นผมของเขาก็ถูกเผาจนขดม้วนขึ้นมา เชื่อว่างูอนาคอนดายักษ์ที่อยู่ในสระน้ำก็คงไม่สามารรถทนต่ออุณภูมิที่สูงขนาดนี้ได้แน่นอน

และก็เป็นเหมือนที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะคิดไว้จริงๆ ตอนที่แสงไฟกำลังปะทุขึ้นมา เสียงหวีดร้องเหมือนกับเด็กร้องไห้ก็ดังออกมาจากในสระน้ำ จากนั้นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาแต่ละตัวก็ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พยายามต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในทะเลเพลิง

แต่ตอนนี้สระน้ำแห่งนี้ได้ถูกไฟเผาจนกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว การดิ้นรนของงูอนาคอนดายักษ์เหล่านั้นจึงก็ไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด จึงได้แต่ปล่อยให้ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน และร่างกายขนาดใหญ่มหึมาแต่ละตัวก็ตัวชักดิ้นชักงออยู่บนกำแพงหินโดยรอบ ทำให้ใต้เท้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะและคนอื่นๆ สั่นสะเทือนอยู่พักหนึ่ง

 “บ้าเอ้ย ทองคำของฉันละ?”

ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้พวกงูอนาคอนดายักษ์ที่อยู่ในเปลวไฟลุกโชน ยังจะสนอะไรอีก? แม้แต่ทองคำที่อยู่บนแท่นนั้น ได้ถูกปัดให้ลอยขึ้นมาไม่น้อย มีทองคำสองสามแท่งที่หล่นอยู่ตรงหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะและคนอื่น แน่นอนว่า ทองคำอันล้ำค่าที่มากกว่านี้จะตกลงไปในสระน้ำเป็นส่วนใหญ่

ถึงแม้คิตะมิยะ ฮิเดโอะจะรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย จึงได้แต่มองทองคำที่บนแท่นนั้นลดลงไปทีละนิดตาปริบๆ โชคดีที่สระน้ำแห่งนี้ไม่ใหญ่มาก หลังจากงูอนาคอนดายักษ์ถูกเผาตายหมดแล้ว ก็ยังสามารถขึ้นไปเก็บรวบรวมทองคำได้

“ที่นี่…ที่นี่มีงูอนาคอนดายักษ์เกือบร้อยตัวเป็นอย่างน้อย?!”

เมื่อมองดูงูอนาคอนดายักษ์ที่กำลังถูกเผาไหม้ไปทั้งตัว ทุกคนที่ยืนดูอยู่ไกลๆ ต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด พลางคิดว่าโชคดีที่ตัวเองไม่ใจร้อนวู่วาม ไม่อย่างนั้นพวกเขาแค่หนึ่งร้อยกว่าคน ก็คงต้องซวยเพราะเจอเจ้าพวกนี้

“ทุกคนต้องระวังตัวหน่อย หน่วยลอบสังหารไร้เงาเดินนำหน้า ระวังงูอนาคอนดายักษ์ขึ้นมาบนฝั่งด้วยนะ!”

คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่กล้าประมาท เพราะใครจะรู้ว่าหลังจากที่งูอนาคอนดาเหล่านี้สูญเสียสติสัมปชัญญะแล้ว จะขึ้นมาบนฝั่งเพื่อต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพวกเขาไหม? ดังนั้นจึงออกคำสั่งให้หน่วยลอบสังหารไร้เงาคนรวบรวมอาวุธปืนที่ทรงอานุภาพทั้งหมดไว้ตรงกลาง แล้วก่อตัวเป็นแนวกั้นทางเพลิงต่อหน้าทุกคน

“หืม? ใช้ไฟบุกโจมตี แม่งเอ้ยเป็นพวกป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรมจริง ๆ”

ขณะที่ภายในถ้ำซ่อนสมบัติมีแสงไฟที่พุ่งสูงทะยานสู่ท้องฟ้านั้น เยี่ยเทียนก็เพิ่งจะข้ามาในภูเขาปีศาจได้พักหนึ่ง เนื่อง

จากบนตัวของเขาทายาไว้ทำให้พวกงูพิษ ยุงและแมลงต่างหลักหนีไปจนหมด ดังนั้นการเดินทางของเยี่ยเทียนจึงเร็วขึ้นมาก และอีกประมาณสองสามร้อยเมตรก็จะมาถึงปากทางเข้าของถ้ำนั้นแล้ว

เพียงแต่การเผชิญหน้ากับกองกำลังญี่ปุ่นที่ติดอาวุธครบครันร้อยกว่าคนนี้ เยี่ยเทียนจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว เขาอำพรางตัวและรอให้พลังชั่วร้ายบุกรุกเข้าไปภายในร่างกายของพวกเขาจนเกิดความคลุ้มคลั่ง จากนั้นก็ฉวยโอกาสปล้น แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับใช้วิธีนี้ทำลายค่ายกลของศิษย์พี่

พลังหยินและพลังหยางเป็นพลังที่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน ตอนที่พลังหยินถึงจุดสูงสุด ก็จะทำให้สติของคนไม่ชัดเจน ความคิดสับสนยุ่งเหยิง และผู้ป่วยเป็นโรคประสาทจำนวนมากที่อยู่บนโลกใบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพลังหยินและพลังหยางเกิดความไม่สมดุลอย่างรุนแรง

มีนักวิจัยทางด้านอภิปรัชญาออกมาอธิบายปรากฏการณ์แบบนี้ หยินเป็นพลังงานด้านลบในจักรวาล และหยางเป็นพลังด้านบวก ถ้าหากพลังด้านลบมีมากกว่าพลังด้านบวก ร่างกายของคนนั้นก็จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ นี้ยังเป็นทฤษฎีที่มักจะอธิบายโดยแพทย์แผนจีน

และพลังค่ายกลพิฆาตจิ๋วกุ่ยสั่วที่อยู่รอบสระน้ำแห่งนี้ ก็คือการรวบรวมพลังชั่วร้ายของภูเขาของปีศาจเพื่อใช้ในการป้องกัน และวันที่เวลาที่ผ่านไปเนิ่นนานก็จะทำให้มีอานุภาพมากขึ้น ตลอดทางเยี่ยเทียนก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำลายมันอย่างไร ขณะที่เขากำลังขัดเกลาเส้นสนกลในของเรื่องราวที่สลับซับซ้อนนั้น เขากลับคิดไม่ถึงว่าพวกคนญี่ปุ่นจะใช้ไฟในการบุกโจมตี เพื่อทำลายค่ายกลทั้งหมดนี้

เดิมทีเยี่ยเทียนอยากจะเข้าไปโดยอาศัยความโกลาหลเพื่อทำการสังหาร แต่ตอนนี้กลับยืนไม่อยู่แล้ว ถ้าไม่ฉวยโอกาสในการปล้นตอนนี้ เกรงว่าจะต้องรู้สึกเสียใจกับการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ภายในถ้ำแห่งนี้เสียแล้ว

เยี่ยเทียนดึงผ้าคลุมสีดำที่อยู่บนศีรษะลงมา และใบหน้าของเขาก็เผยเพียงดวงตาทั้งสองข้างออกมาด้านนอก ซึ่งท่าทางไม่แตกต่างกับคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่อยู่ในถ้ำ เขาขยับตัว กำมีดสั้นอู๋เหินไว้กลางฝ่ามืออย่างแน่น จากนั้นก็เดินเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบๆ

น้ำมันรถพวกนั้นยังคงเผาไหม้อยู่ในสระน้ำ เนื้องูที่ถูกน้ำมันเผาจนไหม้เกรียมส่งกลิ่นหอมอวบอวลอยู่ภายในถ้ำ และหน้าต่างหลังคาเหนือถ้ำ ก็เหมือนเครื่องดูดควันที่คอยดูดควันน้ำมันออกไป ทว่าคนในตระกูลคิตะมิยะเหล่านี้ก็ยังพอทนกับกลิ่นเหม็นเหล่านี้ได้

สระน้ำที่เหมือนกับไฟวงกลมขนาดใหญ่ ดึงดูดสายตาของทุกคนเป็นอย่างมาก เวลานี้ไม่มีใครรู้ว่า มีคนที่แต่งตัวเหมือนพวกเขาได้ปะปนเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว และกำลังมองดูแสงไฟที่พุ่งสู่ขึ้นท้องฟ้าอย่างประหลาดใจ

“หยางเพิ่มหยินลด ใช้วิธีนี้ทำลายค่ายกลของศิษย์พี่ที่อุตส่าห์สร้างค่ายกลนี้อย่างทุ่มเท ถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วอย่างหนึ่ง”

ถึงแม้เยี่ยเทียนจะรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนศิษย์พี่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้องรับมือกับพลังชั่วร้ายที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้นี้ การรับมือของตระกูลคิตะมิยะ คือวิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยสถานที่ที่เยี่ยเทียนกำลังยืนอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงพลังงานชั่วร้ายอีกแล้ว

ไฟที่ลุกโชนเผาไหม้กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วจึงค่อยๆ กลายเป็นเปลวไฟขนาดเล็ก เมื่อใช้ไฟส่องไปบนผิวน้ำ เดิมทีสระน้ำที่มีสีดำเหมือนน้ำหมึก กลับกลายเป็นความใสสะอาดชัดเจนขึ้นมา

ซากของงูนาคอนดาแต่ละตัวที่ถูกเผาเหมือนถ่านโค้กลอยอยู่เหนือสระน้ำ เพียงแต่บนตัวของพวกมัน ได้สูญเสียลมหายใจของชีวิตไปนานแล้ว

บนโลกใบนี้ นอกจากสวรรค์ที่ยากจะคาดเดาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถต่อสู้กับมนุษย์ได้จริงๆ และงูอนาคอนดายักษ์เหลือที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารในภูเขาปีศาจแห่งนี้ ท้ายที่สุดก็ถูกฆ่ากวาดล้างจนหมดสิ้น

แต่ในใจของเยี่ยเทียนยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะพลังชั่วร้ายของค่ายกลแบบนี้ที่ปกคลุมสถานที่แห่งนี้มานานนับสิบปี ภัยคุกคามของมันไม่น่าจะมีเพียงเท่านี้ ดังนั้นเขาจึงก้าวถอยหลังสองสามก้าวอย่างเงียบๆ และยังไม่ได้ลงมืออย่างวู่วาม

“ผู้อาวุโสฟูจิโอะ ไม่เสียแรงที่ท่านเป็นโจนินของญี่ปุ่นจริงๆ ต่อไปความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลคิตะมิยะ ก็ต้องเป็นความดีความชอบของท่านอย่างแน่นอนครับ!” เมื่อได้การคุมคามและข่มขู่ของงูอนาคอนดาถูกจำกัดเป้นส่วนมากแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงพูดกับคิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับโค้งคำนับให้อย่าซึ้งใจ

ในญี่ปุ่น นินจาแบ่งเป็นสามระดับ โดยแบ่งเป็นระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่างสามประเภท

โจนินเป็นนินจาสูง หรือเรียกอีกอย่างว่า “นินจามันสมองหรือถังความคิด” เป็นผู้นำด้านรูปแบบการวางกลยุทธ์ทั้งหมด จูนินเป็นนินจากลาง เป็นผู้นำจิตวิญญาณของการต่อสู้ที่แท้จริง และต้องมีวิชานินจาในระดับหนึ่ง เกะนินเป็นนินจาล่าง เรียกว่า นินจาร่างกาย เป็นคนที่อยู่แถวหน้าในการเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง

จากประวัติศาสตร์นินจาของญี่ปุ่น นินจาล่างและนินจากลางมีมากจนนับไม่ถ้วน สามารถฝึกฝนจากทุกตระกูลได้ทั้งหมด แต่ว่าโจนินกลับมีน้อยมาก โจนินที่สามารถเป็นที่ยอมรับของวงการนินจาในญี่ปุ่นนั้น มักจะเป็นบุคคที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น

สาเหตุที่คิตะมิยะ ฟูจิโอะสามารถเป็นผู้นำแก๊งมังกรดำในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้ ก็เพราะเขาอาศัยนามของโจนิน แน่นอนว่า ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลสำนักดาบคิตะมิยะ ฝีมือของวิชาดาบเค็นโดของเขาก็อยู่ในระดับความรู้ที่ลึกซึ้ง จึงได้ถูกขนานนามเป็นปรมาจารย์ของนินจาที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบันของญี่ปุ่น

สำหรับการสรรเสริญเยินยอของเจ้าบ้านสมัยปัจจุบัน คิตะมิยะ ฟูจิโอะก็ไม่มีความถ่อมตัวแม้แต่น้อย เดินไปข้างสระน้ำหลังจากดูที่เปลวไฟที่ยังคงเหลืออยู่บนผิวน้ำแล้ว จึงหมุนตัวกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฮิเดโอะ การคุกคามถูกทำลายหมดแล้ว รีบให้คนขึ้นไปเก็บทองคำที่กระจัดกระจายขึ้นมาเร็วเข้า และที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องหาหลักฐานการฝากเงินของธนาคารแห่งชาติสวิสให้เจอให้ได้!”

คิตะมิยะ ฟูจิโอะรู้ว่า สิ่งที่เป็นเอกสารลับที่สุดของตระกูล จะเป็นหีบที่มีรหัสลับขนาดเล็กที่ได้มาจากธนาคารแห่งชาติสวิสโดยเฉพาะ และหีบรหัสพกพาแบบนี้น้ำหรือไฟก็เข้าไม่ได้ มีดหรือขวานก็ยากที่จะเปิดออก ต่อให้เป็นไฟที่ลุกไหมเมื่อครู่ ก็ไม่สามารถทำลายเอกสารของหีบรหัสลับได้

“ครับ ผู้อาวุโสฟูจิโอะ จะต้องหาให้เจอแน่นอนครับ”

สองเท้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะพลันหยุดชะงัก ตอนที่เขากำลังเงยหน้าออกคำสั่งให้ทุกคนลงไปค้นหาในสระน้ำนั้น ทำให้เขาต้องตกตะลึงงันไปทั้งตัว เผยสีหน้าของความประหลาดใจอย่างที่สุด

“ฮิเดโอะ เป็นอะไร?” คิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เห็นสีหน้าที่แปลกประหลาดของเขา

“ผู้อาวุโส รีบถอยออกมาครับ!” ถือว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะมีการการตอบสนองค่อนข้างไว เพียงแค่ตื่นตะลึงหนึ่งถึงสองวินาที เขาก็รีบแผดเสียงออกมาทันที พร้อมกับดีดตัวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

แต่คิตะมิยะ ฟูจิโอะก็อายุแปดสิบเก้าสิบปีแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ในใจก็หนักอึ้งทันที รีบยกสองเท้ากระโดดจากพื้น เพื่อเตรียมหนีออกมาจากสระน้ำ

เพียงแต่การตอบสนองของคิตะมิยะ ฟูจิโอเมื่อเทียบกับความเร็วในการวิ่งเหมือนกระต่ายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะแล้ว ถือว่าเขายังช้ากว่านิดหน่อย ตอนที่ร่างกายกำลังพุ่งตัวไปข้างหน้า ขาทั้งสองข้างเหมือนตะปูที่ติดอยู่กับพื้น แรงกระโดดของขาทั้งสองข้างเมื่อครู่ ไม่สามารถทำให้ขากระโดดออกมาได้เลยสักนิด

เมื่อหันกลับไปมอง ทำให้คิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ยังไม่เคยเผยสีหน้าตกใจตออดที่อยู่ในพม่า ก็ต้องตกตะลึงงันเช่นกัน พร้อมกับบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ยา…ยามาตะ โนะ โอโรจิ?”

ด้านหลังของคิตะมิยะ ฟูจิโอะ มีงูอนาคอนดาขนาดยักษ์ตัวหนึ่งโผล่พรวดออกมาอย่างฉับพลันยืนเหมือนคน มันมีขนาดใหญ่กว่างูอนาคอนดาที่อยู่ในสระน้ำก่อนหน้านี้หลายเท่า มีความหนาเท่ากับร่างกายผู้ใหญ่ และสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ จากคอของมันที่ยาวขึ้นไปเจ็ดนิ้วยังมีหัวที่งอดออกมาอีกหัวหนึ่ง

ในตำนานเทพปกรณัมของญี่ปุ่นโบราณ ยามาตะ โนะ โอโรจิมีทั้งหมดแปดหัวแปดหางเป็นงูที่มีขนาดใหญ่มหึมา มีบางคนบอกว่ามันคือภัยของอุทกภัย แต่ก็มีบางคนนับถือว่ามันคือสัตว์ประหลาดที่ปกป้องรักษาญี่ปุ่น สัตว์ประหลาดสองหัวที่อยู่ตรงหน้านี้ ทำให้คิตะมิยะ ฟูจิโอะคิดเชื่อมโยงไปยังยามาตะ โนะ โอโรจิเป็นอย่างแรก

บนหัวทั้งคู่ของมันเต็มไปด้วยเกล็ดขึ้นแน่นขนัด ดวงตาทั้งสี่มีขนาดใหญ่เท่าหลอดไฟ ส่องแสงสีเขียวเข้มออกมา จ้องมองคิตะมิยะ ฟูจิโอะ และหางของมันก็ไม่รู้ว่าเลื้อยขึ้นบนฝั่งตั้งแต่เมื่อไร พันครึ่งตัวด้านล่างของคิตะมิยะ ฟูจิโอะอย่างแน่น

และคิตะมิยะ ฟูจิโอะได้ใช้ชีวิตมาเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นโจนิน นินจาระดับสูงเพียงหนึ่งเดียวของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่เกินธรรมชาติแบบนี้ ทำให้สติและจิตใจยังอยู่ในความงุนงง ไม่สามารถกระทำการใดๆ ได้เลย

“ยิงปืน ยิงปืน ยิงไปที่ตัวของมันสิ!”

ทุกคนที่อยู่ในถ้ำ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริดกับสัตว์ประหลาดที่โผล่ขึ้นมากะทันหัน มีเพียงคิตะมิยะ ฮิเดโอะตั้งสติกลับมาได้ทัน จากนั้นจึงแย่งปืนกลออกมากระบอกหนึ่ง ยิงกระสุนหนึ่งแหนบไปที่ตัวของสัตว์ประหลาดที่ตั้งตัวสูงตระหง่านทันที

……..