ตอนที่ 482 “สิ่งประหลาดในร่างกายของซ่งเจียงเสวี่ย”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ฮ่องเต้ทรงรีบจัดสรรพระองค์เองเอาไว้ใน ‘สิ่งของของซิงซิง’ โดยทันที 

 

 

อืม ซิงซิงพาพระองค์มาซื้อเสื้อผ้า กล้าแตะต้องเสื้อผ้าของพระองค์ก็เท่ากับแตะต้องพระองค์ 

 

 

สายพระเนตรภายใต้หมวกคลุมชุดนอนกวาดไปยังร่างของซ่งเจียงเสวี่ยด้วยแววพระเนตรเย็นชา  

 

 

พระขนงของพระองค์ขมวดมุ่น 

 

 

สตรีผู้นี้……มีไอหยินหนักแน่น ซิงซิงเก่งกาจนัก สมควรจะตรวจสอบออก 

 

 

ยามที่จีเฉวียนทอดพระเนตรออกไปนั้น ซ่งเจียงเสวี่ยคล้ายกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอหรี่ตามองกลับมา จากนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้จีเฉวียนอีกหลายก้าว ราวกับว่าต้องการจะมองให้ชัดเจน 

 

 

พอขยับเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นตู๋กูซิงหลันเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้า ดูตาของนางจดจ้องอยู่บนร่างของซ่งเจียงเสวี่ย ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ ก็ชิงต่อยหมัดออกไปก่อนแล้ว 

 

 

หมัดนี้พอต่อยออกไป ซ่งเจียงเสวี่ยแทบจะปลิวขึ้นไปทั้งตัว 

 

 

พนักงานหญิงหันกลับมา เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นพอดี 

 

 

นี่ๆๆๆๆ…..ต่อให้ตีให้ตายเธอก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาถูกนั่น….. 

 

 

จะเป็นราชินีจอเงินคนก่อน เยี่ยซิงหลัน? 

 

 

วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน …..ทำไมทั้งสองคนถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกัน? 

 

 

แล้ว….ราชินีจอเงินคนก่อนก็ยังต่อยใส่ราชินีจอเงินคนปัจจุบันด้วย? 

 

 

เธอตกใจจนอ้าปากค้าง แล้วก็ตัดสินใจรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาในทันที 

 

 

นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว! 

 

 

ทันทีที่เปิดมือถือ จีเฉวียนก็ผลักรถเข็นเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพนักงานหญิงอย่างรวดเร็ว 

 

 

พระองค์ยื่นพระหัตถ์ใหญ่โตออกไป คว้าโทรศัพท์มือถือของพนักงานหญิงผู้นั้นขึ้นมา บีบแตกละเอียดคาพระหัตถ์! 

 

 

เสียงแตกเปรี๊ยะ ชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือแตกกระจายออกมากระเด็นใส่หน้าของพนักงานขาย จนได้เลือด 

 

 

จากนั้นก็เห็นฮ่องเต้ที่อยู่ใต้หมวกของชุดนอนตรัสด้วยดวงเนตรหงส์ที่เย็นชาดุจน้ำแข็งว่า “ยามที่ซิงซิงของเราสั่งสอนผู้คน อย่าได้สอดมือ!” 

 

 

ถึงแม้ว่าพระองค์จะมิได้เข้าใจเรื่องโทรศัพท์มือถือสักเท่าไร แต่ก็ทรงทราบดีว่า ของเล่นชิ้นนี้สามารถวาดภาพขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในเพียงวูบเดียว 

 

 

ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ซิงซิงกำลังจัดการคน มันก็สามารถบันทึกภาพทั้งหมดของนางเอาไว้ 

 

 

อืม ถือว่าเป็นของเล่นที่ใช้การได้อยู่เหมือนกัน 

 

 

ของเล่นชิ้นนี้สามารถก่อปัญหาได้ไม่น้อย 

 

 

สิ่งที่ฝ่าบาททรงสามารถทำได้ในขณะนี้ ก็คือปกป้อง! ปกป้องสุดชีวิต! 

 

 

ซิงซิงจะทำร้ายคนก็ช่าง จะต้องเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายกระทำเรื่องสุดชั่วช้า จนถึงกับทำให้นางหมดความอดทนอย่างแน่นอน! 

 

 

พอคิดเช่นนี้ พระวรกายของจีเฉวียนก็สร้างไอหมอกสีดำออกมา 

 

 

แสงสว่างภายในร้านครึ้มลงอีกหลายส่วน ราวกับว่าไฟถูกดับ ทั่วทั้งร้านมืดมิดไปหมด 

 

 

และทันทีที่พระวรกายของจีเฉวียนปรากฏหมอกดำขึ้นมา บริเวณด้านในของร้านก็เหมือนกับถูกกางกั้นเอาไว้ 

 

 

คนภายนอกมองไม่เห็นว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น 

 

 

พระองค์ทรงทราบว่า ในโลกปัจจุบันใบนี้ ซิงซิงเป็นคนดังที่มีชื่อเสียง 

 

 

คนมีชื่อเสียงทำร้ายคนอื่น ย่อมต้องเกิดข่าวลือเสียหายในสังคม 

 

 

ดังนั้นพระองค์จึงกางเขตกันร้านนี้เอาไว้ในความมืด แยกมันออกจากภายนอก 

 

 

วันนี้….ต่อให้สตรีผู้นั้นถูกซิงซิงทุบตีจนเป็นทะลุเป็นตะแกรง ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยเหลือนาง 

 

 

……………………… 

 

 

หมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันพอต่อยออกไป ซ่งเจียงเสวี่ยก็ถอยร่นไปอีกหลายก้าว 

 

 

ใบหน้าที่งดงามนุ่มนวลของเธอแขวนรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป 

 

 

มุมปากของเธอมีเลือดไหลซึมออกมา เธอยกมือขึ้นปาดเช็ด จดจ้องตู๋กูซิงหลันอย่างไม่วางตา 

 

 

เธอยกหมัดขึ้นมา จับตาดูนางอย่างเย็นชา “เยี่ยซิงหลัน ในที่สุดก็อดไม่ไหวแล้วใช่ไหม? กล้าตบตีฉันต่อหน้าผู้คน วันนี้เธอจะต้องกลายเป็นหนูข้างถนนอย่างแน่นอน!” 

 

 

ทันทีที่พูดจบ เธอถึงได้รู้สึกถึงหมอกดำที่รายล้อมอยู่รอบห้อง 

 

 

นี่….มันอะไรกัน? 

 

 

เธอมองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น ก็ต้องรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา 

 

 

“หรอ? ไหนๆก็จะต้องกลายเป็นหนูข้างถนนแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ขออัดเธอให้ตายไปเลยเป็นไง? วันๆจะได้ไม่ต้องมาคอยหลอกหลอน ให้รำคาญใจอีก” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยกหมัดขึ้นมา ไม่พูดไม่จาก็ต่อยใส่ร่างของนางแบบไม่ยั้ง 

 

 

ซ่งเจียงเสวี่ยคราวนี้รู้จักฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว เธอหลบวูบไปด้านข้าง ถกชายกระโปรงชักเอาปืนขึ้นมาด้ามหนึ่ง 

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังจะต่อยลงมาอีกหมัดหนึ่งนั้น เธอก็สับไกปืนยิงออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

ปืนนี้เก็บเสียง เสียงที่ดังออกมาจึงเบามาก 

 

 

ได้ยิงเสียงฟุบครั้งหนึ่ง ลูกกระสุนก็พุ่งออกไปในอากาศ 

 

 

ท่ามกลางความมืด ลูกกระสุนพุ่งตรงเข้าหาสมองของตู๋กูซิงหลัน 

 

 

“อดีตราชินีจอเงินริษยาจนคลุ้มคลั่ง คิดจะลงมือฆาตกรรมราชินีจอเงินคนปัจจุบัน ….เยี่ยซิงหลัน แกตายแน่ อย่างมากฉันก็โดนแค่ข้อหาพยายามปกป้องตนเองเท่านั้น สบายๆไร้ปัญหา” ซ่งเจียงเสวี่ยกุมปืนเอาไว้พลางยิ้มอย่างเย็นชา 

 

 

“ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แกก็ยังไม่รู้จักฉลาดขึ้นมาเสียบ้าง….บ้าบิ่นจนไร้สมอง วันนี้แกหาเรื่องตายเอง จะโทษใครไม่ได้หรอกนะ!” 

 

 

ลูกกระสุนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยมุมที่ไม่ธรรมดา ไม่เปิดโอกาสให้คนได้หลบหลีกแม้แต่น้อย 

 

 

ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยพูดออกไปพึ่งจะขาดคำ ก็เห็นกระสุนลูกนั้นกำลังจะพุ่งทะลุเข้าหน้าผากของตู๋กูซิงหลัน 

 

 

นางชะงักหยุดอยู่กับที่ ศีรษะระเบิดออกมา 

 

 

เลือดและสมองกระเด็นไปโดนราวแขวนเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างจนเปรอะเปื้อนไปหมด 

 

 

พนักงานหญิงเห็นฉากนั้นแล้ว ก็ร้องเสียงแหลมออกมา “ฆ่าคนแล้ว!” 

 

 

เธอตกใจจนสลบลงไปในทันที 

 

 

เธอยังคงสงสัยขึ้นมาว่าตนเองฝันไปหรือไม่! 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนรถเข็นสาดพระเนตรเย็นชาออกมา พระองค์โผขึ้นจากเก้าอี้รถเข็น พุ่งเข้าไปถึงข้างกายซ่งเจียงเสวี่ยในทันที 

 

 

แต่ไหนแต่ไรฝ่าบาทไม่เคยทำร้ายอิสตรีมาก่อน 

 

 

แต่ว่าครั้งนี้ พระองค์กลับใช้พละกำลังทั้งหมดในร่าง คว้าลำคอของซ่งเจียงเสวี่ยเอาไว้ในวูบเดียว แทบจะเด็ดศีรษะของเธอออกมาในทันที! 

 

 

ต่อหน้าต่อตาของพระองค์……กล้าทำกับซิงซิง…… 

 

 

ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยถูกพระองค์บีบคอเอาไว้ก็ยังยื่นมือไปกระชากหมวกคลุมบนชุดนอนของจีเฉวียนออกมา 

 

 

ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้เห็นดวงพักตร์ที่งดงามล้ำโลกนั้น 

 

 

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เพราะหายใจแทบไม่ออก 

 

 

บุรุษผู้นี้…..เขาก็คือซื่อมั่วหรือ? 

 

 

ไม่…ไม่คล้าย แต่ก็ดูคล้าย! 

 

 

เธออ้าปากกว้างพยายามจะหอบหายใจเข้าไป แต่ว่าสิ่งที่สัมผัสได้กลับมีแต่ความเหน็บหนาวสุดหยั่ง 

 

 

ในร่างกายราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังถูกบีบคั้นออกมา 

 

 

บางอย่างกำลังฉีกกระชากกางกรงเล็บออกมาราวกับหลุดออกจากเปลือก 

 

 

ไม่เป็นไร….อย่างไรเสียเยี่ยซิงหลันก็ตายไปแล้ว! 

 

 

เธอสามารถทำให้มันตายได้ครั้งหนึ่ง ก็ย่อมสามารถทำให้มันตายได้เป็นครั้งที่สอง 

 

 

ที่เสินฟางระเบิดพลังคลุ้มคลั่ง ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของนางหรอกหรือ? 

 

 

ต้องโทษทีเสินฟางนั่นมันไม่ได้เรื่อง ไม่อาจทำลายจิตวิญญาณของเยี่ยซิงหลันไปด้วย! 

 

 

ซ่งเจียงเสวี่ยแสยะยิ้มออกมา ด้วยความอยากหัวเราะอย่างสะใจ 

 

 

แต่ว่าในขณะนั้นเอง เธอกลับเห็นที่ด้านหลังของจีเฉวียนมีสตรีในชุดสีแดงผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ 

 

 

ในมือของนางมียันต์ใบหนึ่ง บนยันต์แผ่นนั้นมีอักขระ ‘หุ่นเชิด’กำกับอยู่ มันผนึกลงไปบนกระสุนที่เธอยิงออกมาเมื่อครู่ 

 

 

ยังดีที่เธอมีปฏิกริยาว่องไว ใช้ยันต์บังคับหุ่นเชิดเปลี่ยนที่กับร่างกายของตนเอง มิเช่นนั้นนางคงจะถูกระเบิดหัว จนต้องล่องเรือไปยมโลกเสียแล้ว 

 

 

“ไง เดี๋ยวนี้ปืนเค้าทำใหม่แล้วหรอ ขนาดกระสุนยังสามารถผนึกไอหยินลงไปได้ด้วย?” 

 

 

นางกล่าวอย่างไม่เร็วไม่ช้า เดินมาถึงตรงหน้าซ่งเจียงเสวี่ยที่มุมปากก็ยังมีรอยยิ้มประดับค้างอยู่ แต่ว่าสีหน้ากลับเปลี่ยนไปเสียแล้ว ลูกกระสุนในฝ่ามือถูกผลักเข้าไปในทรวงอกของซ่งเจียงเสวี่ย 

 

 

“เฮือก!” ซ่งเจียงเสวี่ยส่งเสียงร้องออกมาคำหนึ่ง 

 

 

ผิวหนังของเธอหลุดลอกออกมา ทั่วทั้งร่างมีแต่เลือด ตัวประหลาดที่ไร้ผิวหนังตัวหนึ่งคืบคลานออกมาจากร่างของเธอ 

 

 

จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูผิวหนังที่ว่างเปล่าผืนนั้นร่วงลงไปบนพื้น 

 

 

นั้นเป็นปีศาจที่มีร่างดุจมนุษย์ตนหนึ่ง …..ที่มีแต่เลือดโชกท่วมตัว แม้แต่ใบหน้าก็ยังเละจนเลอะเลือน ลูกตาที่ไม่มีหนังตาคู่นั้นดูแล้วน่าหวาดผวาเป็นพิเศษ 

 

 

เธอหันมาจับจ้องมองไปยังตู๋กูซิงหลันด้วยความแค้น 

 

 

 

 

 

 

 

 

……………………………….. 

 

 

ตอนต่อไป “เรียกคืนความยุติธรรมให้กับศิษย์ของข้า”