ตอนที่ 481 ราชวงค์สุนัขเฒ่าบ้าบอ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

พวกป้าๆ “?” 

 

 

เรารึ? ( 朕เจิ้น= คำแทนตัวฮ่องเต้) 

 

 

เล่นผีสางอะไรกัน? 

 

 

บรรยากาศภายในลิฟท์อึดอัดขึ้นมา……ฮ่องเต้สุนัขมิใช่คนโง่ พระองค์มายังโลกใบนี้ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว แฟนแปลว่าอะไร พระองค์พอจะเข้าพระทัยอยู่บ้าง 

 

 

คุณป้า Aสีหน้าตกใจ “ยายหนูน้อยช่างน่าสงสารเสียจริงๆ อายุยังน้อยแค่นี้ คุณพ่อก็กลายเป็นโรคสมองเสื่อมไปแล้ว…..” 

 

 

คุณป้าB “ยายหนูเป็นตัวอย่างของเด็กกตัญญูจริงๆ” 

 

 

หรือไม่จริง? พอแก่ตัวลงก็เรียกตนเองฮ่องเต้ขึ้นมา ไม่ใช่โรคสมองเสื่อมแล้วจะเรียกว่าอะไร? 

 

 

ก่อนหน้านี้จีเฉวียนทรงถูกเพลิงของอสุรกายทมิฬเผาผลาญลำคอ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นฟูดี 

 

 

เวลาพูดออกมาเสียงทั้งแหบแห้งทั้งสาก หากไม่ได้มองหน้า คนอื่นย่อมต้องคิดว่าเขาเป็นคนแก่จริงๆนั่นแหละ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองดู ‘คุณพ่อที่แก่จนสมองเสื่อม’ไปแล้วแวบหนึ่งก็ต้องอมยิ้มออกมาเบาๆ 

 

 

จินตนาการของพวกป้าๆช่างบรรเจิดเกินไปแล้ว คุณป้ากลุ่มนี้ช่างน่ารักจริงๆ 

 

 

คุณป้าCยังไม่ยอมถอดใจ หันมากล่าวกับตู๋กูซิงหลันอีกว่า “ยายหนูน้อย ลูกชายของฉันน่ะ หน้าตาดี เรียนจบหมอมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังไงหนูก็ให้เบอร์ติดต่อทิ้งเอาไว้สิ คนหนุ่มคนสาวนะ เป็นเพื่อนกันเอาไว้ก็ดี” 

 

 

“อาการป่วยของคุณพ่อหนู ไม่แน่ว่าลูกชายของฉันอาจจะพอหาทางช่วยอะไรได้บ้างนะ” 

 

 

สถานที่อย่างเมืองหลวง มีแต่คนที่มีความสามารถ 

 

 

คนหนุ่มคนสาวที่ยังไม่แต่งงานมีให้เห็นเยอะแยะไปหมด กลายเป็นเหล่าพ่อแม่ที่น่าสงสาร ต้องร้อนใจจนต้องรีบช่วยลูกชายหาสะใภ้ หรือกระทั่งพ่อแม่ที่ช่วยลูกสาวหาสามีก็มีถมไป 

 

 

ถูกทาบทามในลิฟท์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเพียงยิ้มให้อย่างมีมารยาท 

 

 

นางยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงจีเฉวียนตรัสอย่างเย็นชาว่า “จบมาจากฮาโวฮาเวิดงี่เง่านั่นมีประโยชน์อะไรกัน?” 

 

 

ฮาร์วาร์ดสองคำนั่นฟังดูแล้วเหมือนพวกตลกงี่เง่าจะตายไป! 

 

 

ว่าแล้ว พระองค์ก็ตรัสต่อไป “เราเกิดมาในราชวงศ์ สองมือปกครองใต้หล้า มีแต่ยอดสุนัขเฒ่าเช่นเราถึงจะคู่ควรกับซิงซิง” 

 

 

พวกป้าๆทั้งหลาย “! ! !” 

 

 

ราชวงศ์สุนัขเฒ่าบ้าบออะไรกัน! 

 

 

“ยายหนูคุณพ่อของหนูป่วยไม่เบาเลยนะ จำเป็นต้องได้รับการรักษาจริงๆ!” 

 

 

ป่วยก็ส่วนป่วยเถอะ มีที่ไหนยังจะมาจ้องจะตะครุบลูกสาวของตนเองอีก? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่อยู่ใต้หมวกและแว่นตากันแดดก็ตกตะลึงไปเช่นกัน 

 

 

หากรู้แต่แรกว่าเขาจะต้องมาที่โลกปัจจุบันนี้ นางไม่ควรใช้คำว่าสุนัขเฒ่ามาเอ่ยชมเขา….. 

 

 

ดูเอาเถอะเชื้อพระวงศ์สุนัขเฒ่าผู้นี้เอ่ยอย่างภาคภูมิใจขนาดไหน 

 

 

นางนวดขมับ ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเก้อเขินทั้งยังไม่กล้าเสียมารยาท “นั่นเอ่อ….เขาไม่ใช่คุณพ่อของฉันหรอกคะ เป็นแฟนของฉันเองค่ะ” 

 

 

ประโยคเดียวทำเอาคุณป้าทั้งหลายพูดอะไรไม่ออก 

 

 

“ติ๊ง….” พอดีกับที่ลิฟท์มาหยุดอยู่ที่ชั้นแปดพอดี 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเข็นจีเฉวียนออกไป ทิ้งพวกป้าๆที่งงเป็นไก่ตาแตกเอาไว้ข้างหลัง 

 

 

สาวๆสมัยนี้…..รสนิยมแปลกประหลาดเกินไปแล้ว? 

 

 

ผู้ชายหนุ่มๆหล่อๆไม่เอา จะไปคว้าเอาคนแก่ที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม? 

 

 

ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายเกินไปแล้ว 

 

 

……………… 

 

 

 

 

 

เดิมทีสายพระเนตรของจีเฉวียนยังอยู่ที่ทองบนตัวป้าๆเหล่านั้น แต่ว่าตอนนี้ความสนใจทั้งหมดกลับพุ่งไปที่ประโยค ‘แฟน’ ของตู๋กูซิงหลันเมื่อครู่แล้ว 

 

 

“ซิงซิง เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเราคือใครนะ?” พระองค์หันพระพักตร์กลับไปมองดูนาง ด้วยความอยากฟังอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

“ราชวงค์สุนัขเฒ่า?” ตู๋กูซิงหลันตอบ 

 

 

จีเฉวียนส่ายพระเศียร “นั่นมันเป็นที่เราพูดเอง ไม่ใช่ที่เจ้าพูด” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ตอบเขา ขณะเดียวกันก็เดินมาถึงร้านแฮร์สปาพอดี 

 

 

พูดให้ง่ายๆก็คือร้านทำผม  

 

 

นี่เป็นร้านแฟรนไชส์ที่ค่อนข้างหรูหราในเมืองหลวงเลยทีเดียว 

 

 

พอเพิ่งจะเข้าไป จีเฉวียนก็เห็นว่ามีคนกำลังตัดผมอยู่ 

 

 

สีพระพักตร์ของพระองค์แปรเปลี่ยนไปในทันที ซิงซิงคิดจะตัดพระเกศาของพระองค์ทิ้งไปหรือ? 

 

 

“ไม่ได้นะ ไม่ได้ ร่างกายและเส้นผมได้รับจากบิดามารดา ไม่สมควรทำให้เสียหาย” ฝ่าบาททรงอยากจะทรงวิ่งหนีแล้ว 

 

 

“ตัดไม่ได้จริงๆหรือ?” ตู๋กูซิงหลันมองดูปอยผมที่รุ่ยลงมาจากใต้หมวกเหล่านั้น….. 

 

 

เส้นผมที่เหยียดตรงและนุ่มลื่น 

 

 

ตัดทิ้งไปก็ออกจะเสียดายอยู่บ้าง แต่ว่าเมื่ออยู่ในโลกปัจจุบัน หากผู้ชายไว้ผมยาวมากไปก็ดูค่อนข้างจะประหลาดอยู่บ้าง 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น…ตัวร้ายผู้นี้ก็กลายเป็นข่าวโด่งดังไปแล้ว เกรงว่าตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตคงจะกำลังควานหาผู้ชายผมยาวกันให้ควัก 

 

 

ฝ่าบาททรงส่ายพระเศียร อย่างไม่ยินยอมตัดพระเกศา 

 

 

หากไม่มีผมคงน่าเกลียดแย่! 

 

 

พวกผู้ชายที่พระองค์ได้ทรงพบเห็นในวันนี้…….แต่ละคนเหมือนกันตัวประหลาดหัวโล้น! 

 

 

“เอาเถอะ…..ไม่ตัดก็ไม่ตัด” ยากนักที่ตู๋กูซิงหลันจะยอมง่ายๆสักครั้ง 

 

 

จากนั้นนางก็พาพระองค์ไปยังจุดที่มีผู้คนบางตา ใช้หนังยางมันพระเกศาเป็นมวยผม 

 

 

จากนั้นก็ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ เลือกเสื้อผ้าแบบตะวันตกสีน้ำเงินเข้มให้กับพระองค์ 

 

 

รูปร่างของจีเฉวียน ไม่ว่าส่วนไหนนางก็เคยเห็นมาหมดแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้แค่ดูเพียงแวบเดียว นางก็รู้แล้วว่าแบบไหนที่เหมาะกับเขา 

 

 

พนักงานหญิงเห็นนางสวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก ในใจก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี 

 

 

เธอไม่ค่อยอยากจะให้คนบนรถเข็น….ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ 

 

 

เพราะว่า….ราคาก็ไม่ใช่จะถูกๆ 

 

 

“เอาชุดนี้แหละ” ขณะที่ตู๋กูซิงหลันยื่นมือออกไปจะหยิบ ก็มีมืออีกข้างยื่นออกมา 

 

 

เป็นมือที่ทั้งขาวนวลและนุ่มนิ่ม ปลายเล็บแหลมๆสีเขียวใบชาเฉียดผ่านหลังมือของนางไป 

 

 

“หืม?” อีกฝ่ายสวมแว่นตาดำอันใหญ่และใส่หน้ากากปิดปาก กวาดตามองมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที 

 

 

“บังเอิญจริง พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ซ่งเจียงเสวี่ยยิ้มอ่อนๆ 

 

 

หลังมือของตู๋กูซิงหลันถูกปลายเล็บแหลมของนางข่วนจนบวมน้อยๆ นางคร้านที่จะสนใจซ่งเจียงเสวี่ย 

 

 

เพียงหันไปหาพนักงานหญิงคนนั้น แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้งว่า “เอาชุดนี้ค่ะ” 

 

 

พนักงานหญิงสีหน้าไม่สู้ดี….. เธอไม่รู้จริงๆว่ายายคนจนนี่ไปเอาความมั่นใจและเย่อหยิ่งมาจากไหนกัน 

 

 

“ต้องขอโทษด้วย ฉันก็จะเอาชุดนี้เหมือนกัน” 

 

 

ถึงแม้ว่าจะถูกตู๋กูซิงหลันเมินใส่ ซ่งเจียงเสวี่ยก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า 

 

 

เธอถอดแว่นกันแดดและผ้าปิดปากออก หันไปสบตากับพนักงาน “เอาไปใส่ถุงได้เลยค่ะ ฉันรับชุดนี้” 

 

 

พอพนักงานหญิงได้เห็นใบหน้าของเธอ ก็ตื่นเต้นจนจะเป็นลม 

 

 

นั่นๆๆๆ….นั่นคือ ราชินีจอเงิน ซ่งเจียงเสวี่ย? 

 

 

ทำไมเธอถึงได้มาที่ห้างสือไต้ได้! 

 

 

ตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันออกจากบริษัทเทียนหยิ่ง ซ่งเจียงเสวี่ยก็แอบตามมาตลอดทาง 

 

 

เพียงแต่เมื่อครู่นี้คลาดกันไป พอวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็เหลือบเห็นรถเชอรี่QQคันนั้นของเธอ จึงตามมาจนถึงที่นี่ 

 

 

พอดีกับที่….ได้เห็นผู้ชายที่อยู่บนเก้าอี้รถเข็นคันนั้น 

 

 

ผู้ชายคนนี้….คนที่อยู่เบื้องหลังตู๋กูซิงหลันคนนั้นหรือ? 

 

 

บุคคลลึกลับที่คอยปกป้องนางมาตลอดหลายปีคนนั้น? 

 

 

บุรุษที่ทำให้โลกของเหล่านักพรตทั้งหลายต้องแตกตื่นด้วยความตกใจ? 

 

 

ดวงตาดอกท้อหลังแว่นตากันแดดของตู๋กูซิงหลันเปล่งประกายเย็นยะเยือกขึ้นมา 

 

 

นางยกสองมือขึ้นกอดอก ลดแว่นตาลง แสงเย็นชาในดวงตาดอกท้อเปลี่ยนเป็นเอาเรื่อง 

 

 

ขณะที่พนักงานหญิงคนนั้นกำลังกุลีกุจอพับเสื้อผ้าใส่ถุง สายตาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมามองดูนาง 

 

 

“สิ่งของที่เจ้ถูกใจ ใครหน้าไหนกล้าแตะก็ลองดู?” นางเอ่ยขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียมพลาง เดินเข้าไปหาอย่างสง่างาม 

 

 

ในที่สุดก็ค่อยยอมเสียสายตาหันมามองซ่งเจียงเสวี่ยตรงๆ 

 

 

“กล้าแตะต้องของๆเจ้ เธอคิดถึงจุดจบเอาไว้แล้วใช่ไหม?”