ตอนที่ 480 ฮ่องเต้สุนัขแสดงฝีมือ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ฮ่องเต้ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองเจ้านกยักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า……. 

 

 

ว่ากันตามจริง หากไม่ใช่เพราะซิงซิงจับพระองค์ไว้ได้ทัน พระองค์ก็คิดจะขึ้นไปบนฟ้าแล้ว 

 

 

ครู่ต่อมาพระองค์ค่อยเก็บสายพระเนตรกลับมา มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยสายพระเนตรสำนึกผิดพลางตรัสว่า “ซิงซิง สัตว์อสูรที่เป็นพาหนะของเจ้ามีแต่คนหัวเราะเยาะ เราคิดจะจับตัวที่แข็งแกร่งสักหน่อยมาให้เจ้า แต่ว่าเจ้าตัวรถไฟฟ้านั่นมันช่างไม่ได้เรื่อง เราเห็นว่าตัวที่บินอยู่บนฟ้านั่นน่าจะดีกว่า” 

 

 

เงียบไปครู่หนึ่งพระองค์ก็ตรัสถามอีกว่า “ตัวที่อยู่บนท้องฟ้านั่นก็ต้องกินน้ำมันเหมือนกันจึงจะเคลื่อนไหวได้หรือ?” 

 

 

พูดตามจริง เจ้าสัตว์อสูรที่เป็นพาหนะในโลกของซิงซิงช่างดูแลยากนัก พวกมันต้องกินน้ำมัน…..ฮืม ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรในโลกของพระองค์ที่เชื่อฟังว่าง่ายกว่ามาก 

 

 

ตอนแรกตู๋กูซิงหลันยังคิดจะตำหนิเขาสักสองคำ แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็พูดไม่ออกหัวเราะไม่ได้ 

 

 

นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้สุนัขมาถึงโลกใบนี้ ก็สนใจทุกสิ่งที่อย่างรอบตัวไปหมด 

 

 

ฮ่องเต้สุนัขมาจากโลกยุคโบราณ ต่อให้ความสามารถในการปรับตัวสูงส่งแค่ไหน แต่เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆจะให้ปรับตัวเข้ากลับโลกใหม่ที่พัฒนาไปกว่าพันปีแล้วก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย 

 

 

ขนาดตู๋กูซิงหลันเองหากเกิดข้ามไปยังโลกอนาคตอีกหลายพันปีที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า เกรงว่าก็คงจะปรับตัวไม่ได้อยู่บ้างเช่นกัน 

 

 

ข้ามจากปัจจุบันไปอดีตนับว่ายากแล้ว จากอดีตมาปัจจุบันยิ่งต้องการการปรับตัวมากกว่า 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่ผ่านมาจีเฉวียนก็อยู่แต่ในบ้านพักสวนกุหลาบ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูซิงหลันพาเขาออกมา ฮ่องเต้สุนัขที่ไม่เคยรู้จักโลกภายนอกทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก็นับว่าเป็นที่เข้าใจได้ 

 

 

ตอนนี้พวกนางคงต้องอยู่ในโลกนี้ไปอีกสักพัก ในเมื่อจีเฉวียนมาที่นี่แล้ว ก็นับว่าเป็นพรหมลิขิต สมควรจะให้เขาทำความเข้าใจโลกใบนี้เอาไว้บ้าง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันตัดสินใจว่าก่อนที่จะเริ่มการถ่ายหนัง จะต้องพาเขาเข้าเมืองมาสักหลายๆครั้ง 

 

 

เห็นเขามีเลือดเปื้อนตัว นางก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกระดาษทิชชู่ห่อเล็กๆออกมาจากกระเป๋าถือ ช่วยเขาเช็ดถูใบหน้า 

 

 

เมื่อครู่ได้เห็นข่าวด่วนจากจอบนตึกฝั่งตรงข้ามกับตึกเทียนหยิ่งแล้ว สุภาพบุรุษผมยาวผู้นั้น ไม่ใช่จีเฉวียนแล้วจะเป็นใครไปได้กัน 

 

 

สิบผู้ก่อการร้ายกลุ่มนั้นเผชิญหน้ากับฮ่องเต้สุนัข ฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บย่อมต้องเป็นพวกนั้นอยู่แล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันช่วยเช็ดพระพักตร์ให้ด้วยตนเอง ฮ่องเต้ย่อมปลื้มพระทัยอย่างยิ่ง 

 

 

พระองค์คว้ามือของนางเอาไว้ ดวงตาหงส์คู่นั้นแสดงอารมณ์ลึกซึ้งออกมา “ซิงซิง เรากลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว จะไม่ต้องการเราอีกแล้วหรือเปล่า?” 

 

 

พระองค์เป็นฮ่องเต้แห่งต้าโจว ตอนที่รุกไล่ตามขอความรักนาง พระองค์เคยตรัสเอาไว้แล้วว่า…..รอให้แผ่นดินเป็นปึกแผ่น พระองค์จะตามนางมาที่โลกนี้ 

 

 

ดังนั้นจีเฉวียนจึงเตรียมพระทัยถึงโลกใหม่มาแต่แรกแล้ว 

 

 

แต่เพราะเหตุการณ์ที่ใต้ทะเลลึกในเผ่ามังกรทมิฬ ทำให้พวกเขาต้องมาถึงล่วงหน้า เดิมทีพระองค์ทรงคิดเอาไว้ว่า ด้วยพระสติปัญญาและพระทัยที่มุ่งมั่นของพระองค์ ยอมสามารถจัดการกับทุกอย่างได้ แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว….. 

 

 

แม้แต่โอรสสวรรค์ก็ยังต้องถึงคราวที่ ‘มือเท้าติดขัด’ ไปเหมือนกัน 

 

 

ตอนแรกๆที่ซิงซิงมาถึงต้าโจว ก็ถูกจับไปอยู่ในตำหนักเย็น …….ปราศจากอาหารและเสื้อผ้า ทั้งยังต้องถูกคนรังแก ยากนักที่นางผ่านมันมาได้ 

 

 

อืม….ซิงซิงเก่งจริงๆ 

 

 

แววเนตรที่สำนึกเสียใจของจีเฉวียนเป็นประกายขึ้นมา…… 

 

 

ตู๋กูซิงหลันช่วยเช็ดคราบเลือดที่เหลือเพียงเล็กน้อยให้กับเขา พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับสายตานั้นพอดี 

 

 

นางขยับปลายนิ้วแปะๆลงไปบนใบหน้าของเขา “ท่านต้องเชื่อฟัง อย่าได้ไปเที่ยวจับสัตว์อสูรของผู้อื่น ……อย่าเที่ยวใช้กำลังง่ายๆ โลกปัจจุบันมีกฏหมายค้ำจุนสังคม สร้างความสงบยุติธรรม เป็นใต้หล้าที่สงบร่มเย็นแบบที่ท่านเคยเฝ้าฝันมาโดยตลอด” 

 

 

จีเฉวียน “เราเชื่อฟังเจ้าที่สุดแล้ว ต่อไปจะไม่ไปจับกล่องเหล็กประหลาดพวกนั้นแล้ว” 

 

 

อืม จะต้องจับเจ้านกยักษ์บนฟ้านั่น 

 

 

จากนั้นพระองค์ก็ตรัสอีกว่า “โลกนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ ยังมีพวกที่ใช้กำลังจู่โจมทำร้ายผู้คน….พวกที่ก่อความวุ่นวายพวกนั้น หากว่าอยู่ในต้าโจว ล้วนต้องถูกประหารต่อหน้าฝูงชน” 

 

 

อืม ต้าโจวของพวกเราก็รู้จักใช้กฏหมายเช่นกัน 

 

 

ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่ลืมที่จะเอ่ยชมเชยเขา “เรื่องที่มีผู้ก่อการร้ายจู่โจมน้อยนักที่จะเกิดขึ้นได้ วันนี้ที่ท่านจัดการพวกมัน ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง” 

 

 

ที่นี่เป็นเมืองหลวง เป็นที่ๆสมควรจะสงบสุขที่สุด  

 

 

แต่ว่าการเปิดการจู่โจมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในเมืองหลวง ตู๋กูซิงหลันก็พึ่งจะเคยเห็น 

 

 

คนเหล่านี้สวมใส่ชุดสีดำ ฆ่าคนอย่างรวดเร็วและเ**้ยมโหด แค่ดูก็รู้แล้วว่าผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ตู๋กูซิงหลันเห็นเพียงแวบเดียวก็คาดเดาออกแล้ว ว่าพวกเขาเป็นมือสังหารที่ผ่านการฝึกฝนมา 

 

 

คิดสังหารคนในเมือง…..ทั้งยังลงมือในที่พลุกพล่าน คนที่บงการอยู่เบื้องหลังคิดจะวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่? 

 

 

ต้องการจะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน หรือว่ามีแผนการอื่นใดอีก? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่า คาดเดายากอยู่เหมือนกัน 

 

 

ตอนนั้นหากมิใช่เพราะว่าจีเฉวียนผ่านเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยบังเอิญ….เกรงว่าวันนี้ทั่วทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสามสิบแปดคงจะต้องมีการหลั่งเลือดท่วมเป็นคลองแน่ 

 

 

ย่อมต้องเกิดความวุ่นวายจนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกแล้ว 

 

 

อยู่ๆนางก็คิดไปถึงความรู้สึกอึดอัดอืมครึมที่นางสัมผัสได้ยามที่พึ่งเข้าไปในบริษัทเทียนหยิ่ง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดหัวคิ้ว ขณะเดียวกันก็เช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนพระหัตถ์ของจีเฉวียนไปด้วย 

 

 

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปเดินเล่นดูอะไรใหม่ๆ” 

 

 

เดิมทีตู๋กูซิงหลันคิดจะกลับไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม แต่ว่าตอนนี้มีทั้งตำรวจและนักข่าวจำนวนมาก นางจึงไม่คิดจะรีบร้อนไปดู 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าฮ่องเต้สุนัขอาจถูกคนถ่ายรูปไว้ เสื้อผ้าเหล่านี้ก็มีคนเคยเห็นหมดแล้ว 

 

 

เงินในบัญชีของนางยังมีอยู่อีกห้าหมื่นหยวน พาเขาไปซื้อเสื้อผ้านับว่ายังพอได้อยู่ 

 

 

“จะพาเราไปท่องเที่ยวหรือ?” จีเฉวียนดีพระทัยขึ้นมา ขอเพียงได้ไปกับตู๋กูซิงหลัน พระองค์ก็พอพระทัยแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “พาท่านไปผลาญเงิน” 

 

 

…………………….. 

 

 

ห้างสรรพสินค้าสือไต้ เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง 

 

 

พอตู๋กูซิงหลันขี่เชอรี่QQไปจอดที่ลานจอดรถ ก็ก่อให้เกิดข่าวลือใหม่ๆอีกรอบ 

 

 

นางสวมหมวกใบใหญ่ ใส่แว่นตาดำ ปิดบังตนเองอย่างมิดชิด 

 

 

ก่อนหน้านี้จีเฉวียนทรงใช้กำลังภายในไปมาก ตู๋กูซิงหลันเกรงว่าจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหนักกว่าเดิม จึงให้เขานั่งบนรถเข็น นางเข็นเขาเข้าไปในห้าง 

 

 

ชุดนอนของจีเฉวียนมีหมวกคลุมติดกัน พอสวมหมวกลงไป คนอื่นๆก็มองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัดแล้ว 

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ลงมือในรถไฟฟ้าใต้ดิน พระองค์ใช้พละกำลังเกินควรไปบ้าง ร่างกายจึงอ่อนเพลียเล็กน้อย 

 

 

ตอนนี้พองอพระองค์ลงไปบนเก้าอี้รถเข็น สวมหมวกคลุมเอาไว้ ทั้งยังไอออกมาอีกสองสามทีจึงดูเหมือนผู้สูงอายุไปเสียแล้ว 

 

 

บังเอิญมีพวกป้าแก่ๆเดินออกมาจากร้านขายทอง เห็นตู๋กูซิงหลันกำลังพาจีเฉวียนไปขึ้นลิฟท์ 

 

 

พวกป้าๆทั้งกลุ่มจึงขึ้นลิฟท์ไปด้วย 

 

 

พวกเธอเห็นตู๋กูซิงหลันผิวพรรณขาวรูปร่างบอบบาง ถึงแม้จะมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด แต่ก็คาดเดาได้ว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องงดงามดุจดอกไม้อย่างแน่นอน 

 

 

“สมัยนี้ละนะ หญิงสาวที่มีใจกตัญญู พาพ่อแก่ๆของตนเองมาเดินเล่นตามห้างฯ ยิ่งทียิ่งมีน้อย” 

 

 

คุณป้าAหันไปมองดูตู๋กูซิงหลันพลางถอนหายใจ 

 

 

“จริงด้วย ดูลูกสาวคนดีของฉันสิ ขนาดจะให้มาเดินห้างกับฉันสักรอบยังยากเลย” คุณป้าBส่ายศีรษะไปมา 

 

 

คุณป้าC สายตาเป็นประกาย ในมือของเธอมีถุงหลายใบ ตู๋กูซิงหลันกวาดตาดูแวบหนึ่ง ก็รู้ว่าเป็นร้านทองร้านใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง 

 

 

พวกคุณป้าๆในโลกปัจจุบันดูจะมีความชอบแบบเดียวกัน ชอบซื้อทอง…..พวกคุณป้าทั้งหลายในเมืองหลวงล้วนเป็นคนมั่งมี 

 

 

“ยายหนู มีแฟนแล้วหรือยัง?” คุณป้าCมองดูตู๋กูซิงหลันอยู่นานแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซิงซิงของเราเป็นดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้ว” 

 

 

……………………..