บทที่ 473 เคร่งครัดในเรื่องธุรกิจ

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 473 เคร่งครัดในเรื่องธุรกิจ

“พ่อกับแม่ฉันสร้างบ้านใหม่อยู่น่ะค่ะ ฉันเลยส่งเงินกลับไปให้” สวี่เชิ่งเหม่ยรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้ จึงอธิบายให้ฟัง

เมื่อได้ยิน จ้าวจวินก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “เรื่องอะไรกันเนี่ย!? ครอบครัวทางแม่ของเธอสร้างบ้านแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? เธอไม่ได้จะไปอยู่ที่นั่นสักหน่อย ทำไมถึงต้องให้เงินไปด้วย? นี่ให้ไปหลายร้อยหยวนเลยเหรอ?”

เป็นความจริงทีเดียวที่ว่าญาติจน ๆ ในชนบทไม่ได้มีอะไรดีเลย พอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็โดนดูดเลือดดูดเนื้อ แม้แต่จะสร้างบ้านยังต้องพึ่งพาเงินจากครอบครัวจ้าวของพวกเขาอีกหรือ?

สวี่เชิ่งเหม่ยได้แต่พูดว่า “ครอบครัวฉันสร้างบ้านที่นั่นก็เป็นเรื่องดีนะคะ คนทั้งหมู่บ้านจะได้รู้ว่าที่เรามีเงินสร้างบ้านได้ก็เป็นเพราะคุณที่เป็นลูกเขยจากปักกิ่ง อีกอย่างไม่ใช่ว่าคุณก็ไม่ชอบบ้านดินของฉันหรอกหรือคะ? ครั้งหน้า พอเราได้กลับไป ที่นั่นก็จะเปลี่ยนไปเป็นบ้านอิฐแล้วละค่ะ คุณก็จะได้หน้ามากขึ้นด้วยนะคะตอนที่กลับไป”

“พอทีเถอะ ไปที่บ้านภูเขานั่นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ฉันจะไม่มีวันกลับไปอีกแล้ว” จ้าวจวินพูดขึ้นอย่างรังเกียจ ครั้งก่อนที่เขาไปที่บ้านของครอบครัวหล่อน มันคือฝันร้ายชัด ๆ เขาจะไม่กลับไปอีกเป็นครั้งที่ 2 เด็ดขาด ที่นั่นสุดจะทนจริง ๆ

“จ้าวจวินคะ ฉันกำลังทำเพื่ออนาคตของเรานะคะ ธุรกิจของน้าฉันดีมาก พวกเขาถึงได้เปิดร้านกันร้านแล้วร้านเล่า ตอนนี้หาสินค้าได้แล้วและเราก็มีร้านอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ลองทำดูล่ะคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยโน้มน้าว

“ถ้าอยากจะทำ เธอก็ลองทำเองสิ ไม่ต้องมาลากฉันเข้าไปทำกับเธอด้วยหรอก” จ้าวจวินพูดอย่างหมดความอดทน

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เงินฉันหน่อยสิคะ แล้วฉันจะไปคุยกับคุณแม่เอง” สวี่เชิ่งเหม่ยตอบ

จ้าวจวินให้เงินหล่อนไป 200 หยวน ทำให้สวี่เชิ่งเหม่ยโมโหมาก เงิน 200 หยวนนี่จะไปพออะไรกันล่ะ?

แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เนื่องจากเงินจะเข้าไปอยู่ในบัญชีกองกลาง ดังนั้นครอบครัวจ้าวจึงต้องเป็นผู้ออกเงินลงทุนด้วย

เพียงแต่หล่อนประเมินน้ำหนักคำพูดของตนเองในบ้านจ้าวเอาไว้สูงเกินไป ในตอนที่หล่อนเสนอเรื่องขึ้นมา คุณแม่จ้าวก็รีบปฏิเสธขึ้นทันที แถมยังพูดจากระแนะกระแหนหล่อนและบอกให้อยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปทำเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าอีก

โรงงานของครอบครัวจ้าวใหญ่โตขนาดนั้น พวกเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในละแวกนี้ จะไม่เป็นเรื่องน่าอายหรอกหรือหากลูกสะใภ้ของครอบครัวจ้าวกลายไปเป็นคนค้าขาย?

เรื่องนี้ทำให้สวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกโกรธมาก

ในตอนที่จางเหมยเหลียนมาหาหล่อน สวี่เชิ่งเหม่ยซึ่งไม่มีใครให้หล่อนระบายความทุกข์ด้วยได้เลย จึงได้บ่นเรื่องนี้ให้จางเหมยเหลียนฟัง

เมื่อได้ฟัง จางเหมยเหลียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนักว่า “สำหรับในเรื่องนี้ ฉันต้องบอกให้คุณเลิกทำจริง ๆ ค่ะ คุณเป็นถึงคุณนายน้อยตระกูลจ้าวนะคะ ทำไมไม่อยู่ในที่ที่เหมาะสมกับคุณ ไปหาเรื่องลำบากทำไมกัน? คุณไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่มีเกียรติขนาดไหนกันคะ?”

สวี่เชิ่งเหม่ยกลอกตา แต่หล่อนก็เข้าใจมุมมองจางเหมยเหลียน อย่างไรเสียหล่อนก็มาจากครอบครัวเล็ก ๆ หล่อนจะไปรู้อะไรได้?

หล่อนจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าวันเวลาในครอบครัวจ้าวไม่ได้สวยงามอะไรนัก แม้ว่าภายนอกจะดูสูงส่งและยิ่งใหญ่ก็ตาม?

“โอ้ ที่คุณมีอยู่ก็ดีมากแล้วนะคะ ได้มีการแต่งงานที่ดีมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับฉัน แม้แต่หวงหู่หนุ่มชนบทคนนั้นยังไม่เหลือบแลมามองฉันเลยค่ะ” จางเหมยเหลียนบ่น

“อย่าเพิ่งหมดกำลังใจสิ ไม่ใช่ว่าหู่จือไม่ชอบเธอหรอกนะจ๊ะ เธอทั้งสวยและก็มีงานมีการทำด้วย ถ้าเธอได้แต่งงานกับหู่จือ หู่จือจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขในตอนกลางดึกแน่จ้ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยปลอบใจ

“ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่อยากอยู่กับฉันล่ะคะ?” จางเหมยเหลียนถาม

“คุณน้าสะใภ้ของฉันไม่เห็นด้วยน่ะสิจ๊ะ แต่เธอก็จริง ๆ เลยนะ ทำไมถึงได้ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ขนาดนั้น? คุณน้าสะใภ้ของฉันชอบเรื่องเสแสร้งเป็นที่สุด เพราะตัวหล่อนเป็นอาจารย์ หล่อนจะไม่ยอมให้นัยน์ตาของตัวเองมีเศษทรายติดอยู่แม้แต่เม็ดเดียว อย่าว่าแต่เธอเลยจ้ะ ขนาดกับฉันเองหล่อนก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน เพราะฉันไม่ทำตามความเห็นชอบของหล่อนแล้วไปคบกับจ้าวจวินน่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยกล่าว

“ดีนะคะที่คุณไม่ได้เชื่อหล่อน ดูสิคะว่าคุณได้แต่งงานดีมากขนาดไหน” จางเหมยเหลียนออกความเห็น

“เราอย่ามาพูดถึงเรื่องนี้เลยจ้ะ วันนี้ที่เธอมาหาฉันมีอะไรหรือจ๊ะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยถาม

จางเหมยเหลียนบอก “ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากมาคุยเล่นกับคุณเท่านั้น ย่านที่คุณอยู่นี้ดีมากเลยค่ะ มีอะไรดี ๆ ที่พอจะแนะนำให้กับฉันได้บ้างไหมคะ? ฉันจะไม่ลืมความกรุณาของคุณเลยค่ะ”

สวี่เชิ่งเหม่ยพอจะเดาอะไรได้แล้ว ทุกครั้งที่มาที่นี่ จางเหมยเหลียนจะแต่งตัวมาอย่างดีและทำตัวเรียบร้อยมีมารยาทมาก เมื่อมานั่งอยู่ในสวนแห่งนี้ สายตาของหล่อนจะคอยมองไปรอบ ๆ ไม่ใช่ว่ามองไปที่ชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงานเหล่านั้นหรอกหรือ?

เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายเหล่านั้น หล่อนจะดูจิตใจดีอ่อนโยนและพูดจาอย่างสุภาพ พูดตรง ๆ ก็คือ หล่อนต้องการให้คนเหล่านั้นชื่นชอบในตัวหล่อน จากนั้นจะได้มีคนแนะนำหล่อนให้ ถูกต้องไหม?

ต้องบอกว่าแผนการของจางเหมยเหลียนนั้นดีมากทีเดียว ย่านนี้เป็นย่านที่มีคนร่ำรวยอยู่เต็มไปหมด หลาย ๆ ครอบครัวมีฐานะดีกว่าครอบครัวจ้าวเสียอีก

เพียงแต่สวี่เชิ่งเหม่ยไม่เคยมีความคิดที่จะช่วยหล่อนเลย

สิ่งที่หล่อนทำ ใครจะรู้ว่าหล่อนผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน? ถ้าเรื่องยังไม่กระจายมาถึงทางนี้ก็ไม่เป็นไร แต่หากมีคนไปทางนั้นแล้วเกิดรู้เรื่องเข้า และเรื่องพวกนั้นทั้งหมดของครอบครัวตระกูลจางถูกกระจายมาถึงที่นี่ หากว่าสวี่เชิ่งเหม่ยเป็นคนแนะนำ อย่างนั้นจะไม่โดนดึงติดร่างแหไปด้วยหรือ?

ดังนั้นไม่ต้องพูดเลยว่า สวี่เชิ่งเหม่ยไม่เคยคิดจะแนะนำผู้ชายคนไหนให้หล่อนเลย

อย่างไรก็ดี ภายนอกหล่อนกลับบอกไปว่า “เรื่องแค่นี้เอง ถ้าฉันได้เจอใครแล้วละก็ จะต้องแนะนำให้กับเธอรู้จักแน่จ้ะ เธอสวยออก แนะนำเธอฉันก็ได้หน้าไปด้วย”

จางเหมยเหลียนรู้สึกพอใจมาก

ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คนพูดคุยกันไปมาอย่างไร สุดท้ายจบลงตรงที่ทั้งคู่วางแผนจะทำธุรกิจเสื้อผ้าร่วมกัน

หวังหยวนเป็นคนตรงไปตรงมามาก ตราบใดที่อีกฝ่ายมีเงินให้ เขาก็จะให้สินค้าไป ไม่อนุญาตให้มีการฝากฝังหรือการใช้ความเป็นครอบครัวมาซื้อโดยเด็ดขาด ทุกคนต้องทำตามกฎกติกาเดียวกัน

หลินชิงเหอรู้เรื่องนี้จากโจวเอ้อร์นี

แน่นอนว่าเธอไม่รู้เรื่องที่สวี่เชิ่งเหม่ยได้ร่วมหุ้นกับจางเหมยเหลียน แค่คิดว่าสวี่เชิ่งเหม่ยเปิดร้านของตนเองและไปซื้อสินค้าจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าของหวังหยวนเท่านั้น

หลินชิงเหอเลิกคิ้วขึ้นพลางถามว่า “แล้วหวังหยวนว่ายังไงบ้าง?”

“เขาก็ไม่ได้พูดอะไรค่ะ นิสัยของเขาก็เป็นแบบนั้น เคร่งครัดในเรื่องธุรกิจ” โจวเอ้อร์นีถอนหายใจ

หลินชิงเหอหัวเราะ “ถอนหายใจอย่างนี้หมายความว่าอะไรจ๊ะ? ทำแบบนี้ก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ความจริงแล้ว ราคาขายส่งที่หวังหยวนขายให้นั้นไม่ได้ต่ำเลย กำไรที่ได้น้อยกว่าสินค้าของหลินชิงเหอเองอยู่มาก

หลินชิงเหอถือได้ว่าเป็นลูกค้าเก่าจึงได้รับราคาสำหรับลูกค้าเก่า ในขณะที่สวี่เชิ่งเหม่ยต้องจ่ายราคาสินค้าตามราคาสั่งซื้อของลูกค้าใหม่

นอกจากนี้คำสั่งซื้อของสวี่เชิ่งเหม่ยก็ไม่ได้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ได้รับส่วนลดมากนัก แต่แน่นอนว่าการทำธุรกิจในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ไม่ว่าอย่างไรก็มีกำไรอย่างแน่นอน

ไม่จำเป็นว่าร้านเสื้อผ้าของหล่อนจะต้องขายดีเหมือนกับร้านของหลินชิงเหอ แต่ตราบใดที่ดีพอ ก็จะได้กำไรหลายร้อยหยวนต่อเดือนทีเดียว

หลังจากที่ได้ยินในเรื่องนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร หากสวี่เชิ่งเหม่ยไม่มาที่นี่เพื่อรบกวนคนในครอบครัวตระกูลโจวแล้ว หล่อนอยากจะทำอะไรก็ทำไป

ในขณะที่ธุรกิจของเธอที่นี่ได้เวลาจะต้องสั่งซื้อสินค้าเพิ่มอีกแล้ว ร้านอาหารแห้งก็ใช้เวลาไม่นานเลย แค่ประมาณ 10 วันเท่านั้น

ธุรกิจที่ร้านนั้นยอดเยี่ยมมาก ตลาดใหญ่แห่งนั้นมีของขายอยู่มากมายหลายอย่าง แต่ร้านที่ขายอาหารทะเลแห้งแบบของเธอมีไม่อยู่มากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเป็นผลิตภัณฑ์อาหารบำรุงร่างกายที่เป็นที่รู้จักกันดี

ในเวลานี้ สิ่งเหล่านี้ยังมีราคาไม่แพงมากเหมือนในยุคต่อ ๆ มา แต่มันก็ไม่ได้มีราคาถูกเช่นกัน กระนั้นก็ยังมีคนมากมายที่ซื้อพวกมันอยู่ดี

หลินชิงเหอจึงเตรียมที่จะสั่งซื้อเพิ่มอีก