บทที่ 2741 เรียกท่านพี่สิ
อวิ๋นเยียนหลีขมวดคิ้ว จับชีพจรให้นางอีกครั้ง พบว่าอาการบาดเจ็บของนางยังคงสาหัสเช่นเดิม อาการบาดเจ็บเช่นนี้ไม่มีทางเดินด้วยตัวเองได้เลย
หมิงเตี๋ยกลับมีจิตสำนึก นางพยายามจะคลานลุกขึ้นมาเอง “ข้าน้อย…ข้าน้อยยังไหว…”
เมื่อเคลื่อนไหวเช่นนี้ ย่อมทำให้กระอักโลหิตออกมาอีกรอบ
อวิ๋นเยียนหลีไม่พูดอะไรอีก อุ้มนางขึ้นมาเลย “ข้าจะพาเจ้าลงเขาไปให้คนตรวจอาการ”
วิชาแพทย์ของเขาสามัญ รักษาอาการบาดเจ็บทั่วไปยังพอไหว แต่ถ้าร้ายแรงเกินไปก็รักษาไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงไปหาผู้อื่นอีกที
หมิงเตี๋ยซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา นางพึงปรารถนาอ้อมแขนนี้มาเนิ่นนานแล้ว วันนี้ในที่สุดก็ได้ซุกซบ
นางพริ้มตาลงนิดๆ อย่างพอใจยิ่ง บอกตัวเองอยู่ในใจ
อ้อมกอดนี้เป็นของนาง! ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้ พบเทพก็จะสังหารเทพ พบสงฆ์ก็จะสังหารสงฆ์!
คล้ายนางจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กวาดมองรอบข้างแวบหนึ่ง “ฝ่าบาทตี้เฮ่าละเจ้าคะ?”
ไอ้เด็กเวรนั่นโดนพญาเจียวเขมือบไปแล้วใช่ไหม? หมิงเตี๋ยคาดเดาอย่างมาดร้ายอยู่ในใจ
“เขากลับไปด้วยตัวเองแล้ว” สุ้มเสียงอวิ๋นเยียนหลีราบเรียบ เขาไม่อยากพูดถึงเด็กเหลือขอคนนั้น ทำให้อึดอัดใจ
หมิงเตี๋ยกลับปรีดาอยู่ในใจ ในที่สุดตัวขวางหูขวางตาก็ไปแล้ว! เช่นนั้นการเดินทางในภายหน้าก็จะมีเพียงนางกับนายท่านเท่านั้น…
“เด็กคนนั้นช่างทำให้คนรัง…” นางคิดจะกล่าวว่า ‘ทำให้คนรังเกียจ’ ทว่าพอวาจาส่งมาถึงปากก็เปลี่ยนคำเสีย “ช่างซุกซนเหลือเกิน พ่อแม่เขาคงไม่ได้สั่งสอนอบรมสักเท่าไหร่…”
แววตาอวิ๋นเยียนหลีครึ้มลง “หมิงเตี๋ย อย่าติฉินนินทาผู้อื่นลับหลัง! เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!”
หมิงเตี๋ยสะดุ้งผวาตามความเคยชิน “เป็น…ข้าน้อย…ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเหมือนเด็ก สร้างเรื่องวุ่นวายให้นายท่าน...เสียมากมาย ขออภัยเจ้าค่ะ…ข้าน้อยทราบความผิดแล้ว ไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ”
ไอ้เด็กเหลือขอคนนั้นจากไปก็ดีแล้ว นางจะได้มีโอกาสใกล้ชิดนายท่านมากขึ้น
นางรู้ว่าอวิ๋นเยียนหลีไม่ได้รักนาง แต่ขอเพียงนางรักเขาก็พอแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่สามารถบ่มเพาะหล่อเลี้ยงขึ้นมาอย่างช้าๆ ได้ เวลาผ่านไปนานเข้า อวิ๋นเยียนหลีจะต้องรักนางแน่นอน!
อวิ๋นเยียนหลีไม่เอ่ยวาจาอีก อุ้มนางแล้วทะยานขึ้นสู่อากาศ ดั้นเข้าสู่มวลเมฆา จากนั้นก็เกือบจะชนกับคนผู้หนึ่งเข้า!
เขารีบยืนให้มั่น หัวคิ้วมุ่นขึ้นมา “คุนเสวี่ยอี๋!”
คนผู้นั้นคือคุนเสวี่ยอี๋ เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน ดูเหมือนนักพรตพเนจรคนหนึ่ง เมื่อเห็นอวิ๋นเยียนหลี เขาพลันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าสำราญแวบหนึ่ง “องค์ชายอวิ๋น สบายดีหรือไม่? พวกเราพบกันอีกแล้ว”
แล้วเหลือบมองหมิงเตี๋ยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแวบหนึ่ง “เอ๊ะ นี่ลูกน้องของเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ? ถูกฟ้าผ่ารึ? คนที่ถูกอัสนีสวรรค์ผ่าเมื่อกี้คือนางหรือ?”
แค่อวิ๋นเยียนหลีเห็นเขาก็รู้สึกปวดหัวแล้ว ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอ่ยอย่างเยียบเย็น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” หันหลังหมายจะจากไป
คุนเสวี่ยอี๋ใช้ขลุ่ยไผ่ในมือขวางไว้ “นางบาดเจ็บสาหัสเลยนะ เจ้ามั่นใจหรือว่าจะรักษาให้นางได้?”
อวิ๋นเยียนหลีใจเต้นแวบหนึ่ง “เจ้ารู้วิธีรักษา?”
คุนเสวี่ยอี๋คลี่ยิ้มปานบุปผา “ไหนเลยจะไม่เป็น? วิชาแพทย์ของข้าผู้เป็นองครักษ์เป็นที่ร่ำลือกันเทียวนะ”
อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี เจ้าลงมือรักษาให้นางเถอะ”
คุนเสวี่ยอี๋ไม่พอใจ “นี่คือท่าทีที่เจ้าใช้ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือ?”
อวิ๋นเยียนหลีข่มอารมณ์ไว้ “ขอร้องเจ้า…”
“ไม่จริงใจเอาเสียเลย!”
อวิ๋นเยียนหลีลอบกำหมัดแล้ว “เช่นนั้นต้องทำอย่างไรถึงจะนับว่ามีความจริงใจ? เจ้าต้องการอะไร?” เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคุนตัวนี้เจรจาด้วยยาก ถ้าขอร้องให้เขาช่วยกิจธุระก็เตรียมถูกเขาถลกหนังได้เลย
คุนเสวี่ยอี๋แกว่งขลุ่ยไผ่ในมือคิดดูเล็กน้อย “เรียกท่านพี่สิ”
อวิ๋นเยียนหลีผงะไปแวบหนึ่ง “…เจ้าป่วยแล้วกระมัง!” เขานึกแล้วเชียวว่าไอ้คุนตัวนี้มาเพื่อหาเรื่องบันเทิงจากเขา!
เขาสะบัดหน้าหมายจะจากไป คุนเสวี่ยอี๋เอ่ยไล่หลังเขามา “อาการบาดเจ็บของนางคือแปดชีพจรพิศวง หากไม่รักษาด้วยวิธีพิเศษ นางจะสิ้นชีพด้วยอาการโลหิตพร่องภายในสามเดือน”
————————————————————————————-
บทที่ 2742 อยากแต่งงาน
อวิ๋นเยียนหลีตกตะลึง ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ หันกลับมา “เจ้ารักษานางให้หายได้จริงหรือ?”
“แน่นอน” นัยน์ตาของคุนเสวี่ยอี๋ฉายแววหยอกเย้ารางๆ “ดังนั้นเจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่สักคำเถอะ ไม่เสียเปรียบแน่”
“นายท่าน ข้าน้อยไม่ต้องการ…ไม่ต้องให้เขารักษาหรอก!” หมิงเตี๋ยเอ่ยอย่างอ่อนระโหย ขยุ้มสาบเสื้อของอวิ๋นเยียนหลีแน่น ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้ก้างขวางคอคนหนึ่งจากไปได้ อย่างไม่ให้มีก้างขวางคอคนที่สองมาขัดพวกนางอีก
อวิ๋นเยียนหลีหลุบตามองนาง จากนั้นสายตาก็ร่อนลงบนร่างคุนเสวี่ยอี๋ คุนเสวี่ยอี๋มองเขาด้วยรอยยิ้ม “ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจาข่มขู่ที่เหลือออกมา อวิ๋นเยียนหลีก็เอ่ยขัดเขาแล้ว “ท่านพี่…”
คุนเสวี่ยอี๋ชะงักค้าง
ความจริงเขาแค่อยากหยอกอวิ๋นเยียนหลีเล่นเท่านั้น กลับไม่นึกเลยว่า…
เขาเหลือบมองหมิงเตี๋ยแวบหนึ่ง ดูเหมือนอวิ๋นเยียนหลีจะใส่ใจลูกน้องตัวน้อยคนนี้มากจริงๆ
เขามองอวิ๋นเยียนหลีอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มแวบ “ใส่ใจนางถึงเพียงนี้เชียว? แม้แต่หลักการก็ไม่เอาแล้วหรือ?”
อวิ๋นเยียนหลีขมวดคิ้ว “พูดจาไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย! รีบช่วยคน!”
คุนเสวี่ยอี๋กอดอก “เรียกสามี!”
ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีแดงเถือก “คุนเสวี่ยอี๋ ลูกผู้ชายต้องรักษาสัจจะ! กลิ้งกลอกไปมามิใช่ชายชาตรี!”
คุนเสวี่ยอี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นชายชาตรีเลย ยังมีอีก กลิ้งกลอกไปมาก็เป็นวิสัยมารอยู่แล้ว เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือไง?”
ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำอีกครั้ง คร้านจะใส่ใจเขาแล้ว อุ้มหมิงเตี๋ยบ่ายหน้าหนีไปเลย!
เขาคงน้ำเข้าสมองไปแล้วจริงๆ ถึงได้ฟังคำของไอ้คุนตัวนี้! ไอ้คนผู้นี้ไม่มีหลักการอันใดเลย!
บางทีคงมีเพียงตี้ฝูอีที่สามารถสยบเขาได้ ส่วนคนอื่นมีแต่จะถูกเขาหลอกปั่นเอาเท่านั้น…
อวิ๋นเยียนหลีหนีหายไปไวปานลมกรด พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว เขามีแขนเดียวอุ้มคนเอาไว้แล้วยังหนีหายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ช่างพบหาได้ยากโดยแท้!
คุนเสวี่ยอี๋มองเงาหลังของเขาหายลับไปจากขอบฟ้า หลุบตามองสิ่งที่มีลักษณะเหมือนรากบัวที่ขาวกระจ่างดังหยกท่อนหนึ่ง ส่งนี้เรียกว่าหยกปราณ สามารถงอกเนื้อหนังกระตุ้นโลหิตได้ ที่สำคัญคือสามารทำให้อวัยวะที่ขาดไปแล้วงอกขึ้นมาใหม่ได้
คุนเสวี่ยอี๋ขัดตากับแขนด้วนๆ ของอวิ๋นเยียนหลีมานานแล้ว หลังจากบังเอิญรู้จักสิ่งนี้จากปากของตี้ฝูอีเข้า ก็มุ่งมั่นไปเสาะแสวงหามา ยามนี้ในที่สุดก็ได้มาแล้ว…
นิ้วมือเขาลูบไล้สิ่งนั้นเบาๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนสิ่งที่เขาปฏิบัติต่ออวิ๋นเยียนหลี จะเป็นการเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบกับก้นเย็นๆ ของผู้อื่นอยู่เรื่อยสิน่า!
….
“คุณชาย อาการบาดเจ็บเช่นนี้ผู้เฒ่าตรวจไม่ไหวหรอก หนักหนาเกินไป!”
“คุณชาย อาการบาดเจ็บของแม่นางผู้นี้คือแปดชีพจรพิศวง ชีพจรขาดสะบั้นมากมายยิ่ง ผู้น้อยไม่อาจรักษาได้ โปรดไปหาผู้มีความสามารถท่านอื่นเถิด”
“ขออภัย ข้ารักษาไม่ไหว ดูจากอาการของนางแล้วอยู่ได้ไม่ถึงสองชั่วยามแล้ว คุณชาย ท่านเตรียมจัดพิธีให้นางเถิด”
อวิ๋นเยียนหลีพาหมิงเตี๋ยตระเวนไปตามโรงหมอหลายแห่งแล้ว พวกหมอล้วนแสดงท่าทีหมดหนทาง
ในที่สุด อวิ๋นเยียนหลีก็หยุดลง มองหมิงเตี๋ยในอ้อมแขนเหม่อลอยอยู่บ้าง
สตรีในอ้อมแขนเป็นเพียงคนเดียวที่ห่วงใยเขา ตอนนี้แม้แต่ความอบอุ่นสายน้อยเพียงหนึ่งเดียวก็จะไม่เหลือไว้ให้เขาเลยใช่ไหม?
ลมหายใจของหมิงเตี๋ยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ นางเกาะแขนของอวิ๋นเยียนหลี พยายามไม่ให้ตัวเองสลบไป นางเบิกตามองอวิ๋นเยียนหลี “นาย…นายท่าน...หมิงเตี๋ยกำลังจะตายใช่ไหมเจ้าคะ?”
อวิ๋นเยียนหลีสูดหายใจเบาๆ “บางที…อาจจะยังมีหนทางอื่นอยู่ ข้า…ข้าจะพาเจ้าไปหาซีจิ่ว นางน่าจะมีวิธี…”
หมิงเตี๋ยขมวดคิ้ว ส่ายหน้านิดๆ “สายไปแล้ว…” พลันถอนหายใจคราหนึ่ง “ข้าน้อยไม่อยากให้ท่าน...ให้ท่านไปขอร้องนาง นางจะดูหมิ่นนายท่าน...”
———————————————————————————-