บทที่ 1796 ร่างแยกกายาแห่งความฝัน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1796 ร่างแยกกายาแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนตรวจสอบจิตวิญญาณของเขา

 

หลังจากบ่มเพาะจิตวิญญาณในช่วงเวลาที่ผ่านมา จิตวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับหกสิบล้านคนเรียบร้อยแล้ว

 

ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาเต็มไปด้วยพลังงานและมีชีวิตชีวาซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกภูตผีเหมือนชุดชั้นในไหมที่เกาะติดอยู่กับดวงวิญญาณของเขา นอกจากนั้นยังมีชุดคลุมยาวซ้อนทับอยู่ด้านนอกซึ่งเกิดจากท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดอาภรณ์วิญญาณ

 

ด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนในปัจจุบัน เขาพร้อมที่จะแยกดวงวิญญาณแล้ว

 

ท่าไม้ตายอมตะแยกวิญญาณ!

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนบินออกมากจากร่างก่อนที่มันจะแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นดวงวิญญาณหลักก็กลับเข้าสู่ร่างกายของฟางหยวน

 

นี่ทําให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับสามสิบล้านคน

 

ดวงวิญญาณแยกมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสามสิบล้านคนเช่นกัน

 

ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อนเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เขายังรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

 

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแยกดวงวิญญาณ วิธีนี้มีความเสี่ยงสูงและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

แต่ฟางหยวนฝึกฝนมาอย่างเพียงพอ ด้วยความพยายามทั้งหมด มันทําให้เขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้

 

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งด้วยจิตใจที่แจ่มใส

 

เขาเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิและส่งดวงวิญญาณแยกเข้าไปภายใน

 

มีร่างกายรอมันอยู่แล้ว

 

ร่างนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากกายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบ!

 

หลังจากดวงวิญญาณแยกเข้าสู่กายาแห่งความฝัน กลิ่นอายของมันเกิดความผันผวนขณะที่กายาแห่งความฝันยังนิ่งเงียบราวกับซากศพ

 

ฟางหยวนไม่กังวล

 

กายาแห่งความฝันแบ่งออกเป็นสามประเภท

 

ประเภทแรกคือกายาแห่งความฝันที่แข็งแกร่งที่สุด มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนชื่อของนิกายเงา กายาแห่งความฝันประเภทนี้มีอายุเพียงสิบแปดชั่วโมงแต่การบ่มเพาะของมันจะเพิ่มขึ้นทุกๆสองชั่วโมงและจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าก่อนจะสิ้นอายุขัย

 

ประเภทที่สองคือกายาแห่งความฝันที่ฟางหยวนใช้งานอยู่เป็นประจํา มันถูกเปลี่ยนมาจากอาณาจักรแห่งความฝันโดยท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝัน กายาแห่งความฝันประเภทนี้มีข้อบกพร่องสําคัญคือมันมีเวลาจํากัด เมื่อถึงกําหนดเวลา มันจะระเบิดตัวเองและกลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ประเภทที่สามคือกายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบ ฟางหยวนเรียนรู้สิ่งนี้มาจากกายาแห่งความฝันที่ฟงจินฮวงสร้างขึ้น กายาแห่งความฝันประเภทนี้จะไม่กลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน มันมีอายุขัยที่ยาวนานและถูกพิจารณาว่าเป็นสุดยอดกายาลําดับที่สิบเอ็ด

 

กายาแห่งความฝันที่ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวน

 

มาแห่งความฝันประเภทที่สาม

 

หลังจากไม่นานกายาแห่งความฝันก็เปิดเปลือกตาขึ้น

 

ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนสามารถปรับตัวให้เข้ากับกายาแห่งความฝันได้ในที่สุด แต่ร่างแยกกายาแห่งความฝันยังอ่อนแอมาก ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและไม่สามารถรองรับรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับสามสิบล้านคน ฟางหยวนต้องสะกดข่มมันเอาไว้ นี่เหมือนกับยักษ์ที่ขดตัวนอนอยู่ในบ้านกระดาษหลังเล็กๆ

 

แต่เรื่องนี้ไม่สําคัญ

 

ฟางหยวนเตรียมวิญญาณรากพฤกษาไว้แล้ว

 

วิญญาณรากพฤกษาระดับมนุษย์สามารถยกระดับทะลวิญญาณของผู้ใช้วิญญาณ มันมีตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับห้า มันถือเป็นสมบัติล้ําค่าสําหรับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์

 

วิญญาณรากพฤกษาระดับสูงมักถูกควบคุมและหายาก มันจะอยู่ในมือของชนชั้นสูงเท่านั้น

 

สวรรค์สีเหลืองมีวิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่งถึงสามถูกวางขายเป็นชุด วิญญาณรากพฤกษาระดับสี่มีไม่มาก ขณะที่วิญญาณรากพฤกษาระดับห้ายิ่งมีน้อยกว่า

 

สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพราะผู้อมตะไม่ต้องการขายพวกมันออกไป แต่มันเป็นเพราะ วิญญาณรากพฤกษาเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้อมตะก็ไม่สามารถใช้งาน

 

กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหรือวังสวรรค์ก็ไม่สามารถผลิตมันออกมาได้

 

เพราะเหตุใด?

 

ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดและความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ระดับผู้เชี่ยวชาญ มันทําให้ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

 

มันเป็นเพราะวิญญาณรากพฤกษาเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์

 

มันจะถือกําเนิดขึ้นในสถานที่ที่มีมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นเท่านั้น

 

สิ่งนี้เหมือนกับวิญญาณอายุยืน

 

ร่างแยกกายาแห่งความฝันของฟางหยวนเริ่มใช้วิญญาณรากพฤกษา

 

หลังจากใช้วิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่ง ทะเลวิญญาณของร่างแยกกายาแห่งความฝันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

 

กําแพงแสงกลายเป็นกําแพงวารีก่อนจะเปลี่ยนเป็นกําแพงหินและกําแพงคริสตัล

 

เมื่อกําแพงคริสตัลแตกออก ร่างแยกกายาแห่งความฝันก็ก้าวเข้าสู่ระดับสองทันที

 

ฟางหยวนอุทานออกมาเบาๆ “กายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบสมกับเป็นสุดยอดกายาลําดับที่สิบเอ็ดอย่างแท้จริง การบ่มเพาะของมันก้าวหน้าไปได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากอุปสรรค”

 

การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องการเวลาและความอดทนที่ เพียงพอยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากที่จะก้าวข้าม

 

ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดของเขาเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกกายแห่งความฝัน แต่เขาไม่คิดว่าร่างแยกกายาแห่งความฝันจะสามารถทะลวงผ่านอุปสรรคตามธรรมชาติได้อย่างราบรื่นและสะดวกกว่าที่เขาคาดไว้มากมายนัก

 

วิญญาณรากพฤกษาถูกใช้งานทีละดวง การบ่มเพาะของร่างแยกกายาแห่งความฝันยกระดับขึ้นทีละขั้นตอน

 

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่งหรือระดับห้า มันก็มีอยู่มากมายในคลังสมบัติของนิกายหลางหยา เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา

 

ดังนั้นในเวลาไม่นาน ร่างแยกกายาแห่งความฝันของฟางหยวนก็กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

 

“เตรียมพร้อมสําหรับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ!” ฟางหยวนส่งร่ายแยกกายาแห่งความฝันออกจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่สามารถเผชิญหน้าภัยพิบัติในมิติช่องว่างจักรพรรดิเพราะสิ่งนี้จะทําให้ปราณสวรรค์พิภพปั่นปวน

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องนําร่างแยกกายาแห่งความฝันออกมาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่โลกภายนอก

 

ฟางหยวนตั้งใจสร้างร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะในครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากําลังจะดําเนินการขั้นตอนต่อไป เขากลับรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง

 

“หือ? รอเดี๋ยว!” ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียด

 

ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความรู้สึกอันตรายอันแรงกล้าที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ที่มาหรือเหตุผลมักเป็นการแจ้งเตือนบางอย่าง

 

ฟางหยวนไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกนี้

 

“ดูเหมือนมันจะเป็นคําใบ้ว่าหากข้าปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ มันจะเกิดอันตรายที่ร้ายแรง” ฟางหยวนขมวดคิ้ว

 

ผู้ใช้วิญญาณจําเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อบรรลุเป็นผู้อมตะ

 

ตามตรรกะทั่วไป ไม่ว่าเจตจํานงสวรรค์จะเพิ่มพลังอํานาจให้กับภับพิบัติมากเท่าใด มันก็ยังมีขีดจํากัด ไม่ว่าภัยพิบัติของผู้อมตะระดับหกจะรุนแรงเพียงใด แต่มันจะไม่รุนแรงไปกว่าภัยพิบัติของผู้อมตะระดับเจ็ด

 

“แต่หากมันเป็นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน…” สายตาของฟางหยวนกลายเป็นแหลมคม

 

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของร่างแยกกายาแห่งความฝันควรจะเป็นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก

 

ในยุคปัจจุบัน กระทั่งราชันมังกรก็ยังไม่มีวิธีต่อต้านวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนแข็งแกร่งกว่าราชันมังกรในด้านนี้เพราะเขามีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันไม่สามารถทําทุกสิ่ง

 

นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันยังแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆได้แก่ อาณาจักรแห่งความฝันที่มาจากประสบการณ์จริง อาณาจักรแห่งความฝันที่ฟางหยวนสํารวจส่วนใหญ่เป็นอาณาจักรแห่งความฝันประเภทนี้ สําหรับอาณาจักรแห่งความฝันประเภทที่สอง มันเป็นอาณาจักรแห่ง ความฝันในจินตนาการ มันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะทั่วไป กระทั่งฟางหยวนก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมัน

 

“หากข้าปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอมตะ บางทีเจตจํานงสวรรค์อาจใช้โอกาสนี้โจมตีข้า”

 

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าควรปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะในมิติช่องว่างของข้าหรือไม่?”

 

“ไม่มีเจตจํานงสวรรค์อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แม้วิธีนี้จะทําให้ปราณสวรรค์พิภพปั่นป่วน และทําให้รากฐานของข้าได้รับความเสียหาย แต่ร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะจะมีประโยชน์กับข้ามากกว่า”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนนําร่างแยกกายาแห่งความฝันกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาก็ยังรู้สึกถึงอันตรายแม้มันจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม

 

ฟางหยวนไตร่ตรอง “นี่หมายความว่าแม้จะไม่มีเจตจํานงสวรรค์ แต่ภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝันก็ยังเป็นหายนะสําหรับข้า?”

 

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีความเสี่ยง

 

แต่ความเสี่ยงนี้คุ้มค่าหรือไม่?

 

ฟางหยวนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจและเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

 

สําหรับปัจจุบัน ความเสี่ยงนี้ไม่คุ้มค่า

 

เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนส่ายศีรษะ

 

เขารู้สึกเสียดายมาก

 

หากร่างแยกกายาแห่งความฝันสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นอกจากฟางหยวนจะได้รับร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะ เขายังจะได้รับความเข้าใจบนเส้นทางแห่งความฝันระหว่างกระบวนการนี้และมีโอกาสยกระดับวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันให้เป็นวิญญาณอมตะ

 

แต่ฟางหยวนรู้สึกเสียใจที่ค้นพบว่าการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของร่างแยกกายาแห่ง ความฝันอันตรายเกินไป

 

“หากเกิดเหตุร้าย ข้าก็ไม่สามารถใช้วิญญาณกาลเวลา”

 

ฟางหยวนมีความก้าวหน้าอย่างมากในชีวิตนี้ มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

 

การเสี่ยงที่แทบไม่มีโอกาสประสบความสําเร็จไม่ใช่ความกล้าแต่เป็นความโง่เขลา

 

“ลืมมันไปซะ ข้าจะปล่อยมันไปชั่วคราว” ฟางหยวนกันเสียงเย็น