”งั้น……ให้พวกเราไปด้วยนะ” เฉียวฉู่ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะพูดออกมา
จวินอู๋เสียมองสีหน้าจริงจังของเขา หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน นางก็พยักหน้า
เนื่องจากอาณาจักรแห่งความมืดเองก็ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล มันจึงอยู่ไม่ไกลจากเขาลั่วซาน ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง จวินอู๋เสียก็พาคนขี่ม้าเดินทางไปที่เขาลั่วซาน ไม่นานพวกเขาก็ถึงที่หมาย
ในเขาลั่วซานไม่มีร่องรอยว่ามีใครอยู่แถวนั้นเลย ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี มีเพียงเสียงแมลงให้ได้ยินเท่านั้น และตามทางเดินเล็กๆมีเสียงฝีเท้าม้าดังสะท้อนอยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบ
พวกเฉียวฉู่ขี่ม้าตามหลังเย่ฉาพร้อมมองสำรวจไปรอบๆตัว
”ที่นี่……มีคนอยู่จริงๆหรือ?” เฉียวฉู่ไหล่สั่น ภูเขาตอนกลางคืนค่อนข้างหนาวเย็น แสงจันทร์ส่องสว่างลงบนทางเดินเล็กๆในป่าที่เงียบสงัด
”เย่ฉาส่งคนมาตรวจสอบก่อนแล้ว ไม่น่าจะผิด” เย่เม่ยพูดพลางหัวเราะ
หรงรั่วมองไปรอบๆ แล้วยกมือขึ้น สั่งให้ผีเสื้อนรกตัวหนึ่งบินไปสำรวจเส้นทางข้างหน้า
ลึกเข้าไปในภูเขา มีกระท่อมมุงจากที่ดูธรรมดาหลังหนึ่งตั้งอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แสงไฟอ่อนๆส่องออกมาจากหน้าต่างมองเห็นได้จากระยะไกล
”ถึงแล้ว” เย่ฉาดึงบังเหียนและหันไปมองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียลงจากหลังม้าทันที คนอื่นๆก็ทำตามนาง พวกเขาพากันเดินไปที่กระท่อมมุงจากที่มีแสงไฟสลัวหลังนั้น
”ไป๋สวี่คนนี้……ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นหมอเทวดาเพียงคนเดียวในอาณาจักรกลาง ไม่ต้องพูดถึงทักษะทางการแพทย์ของเขาเลย แต่ฐานะอย่างเขาทำไมถึงได้มาอยู่ในที่ทุรกันดารแบบนี้?” เฟยเหยียนถูจมูก เขาได้กลิ่นยามาแต่ไกลเลย กลิ่นขมเล็กน้อยนั่นทำให้เขานึกถึงอดีตตอนที่จวินอู๋เสียยุ่งอยู่กับการปรุงยา
”อยู่ที่นี่ไม่ดียังไง? ข้างนอกนั่นวุ่นวายจะตาย ถ้าไม่อยู่ที่นี่ก็จะกลายเป็นเป้าของคนอาณาจักรบน กู้หลีเชิงก็บอกไม่ใช่หรือว่าคนของอาณาจักรบนที่คุมเก้าอารามชอบรวบรวมคนที่มีความสามารถ คนที่เชื่อฟังก็รอด คนที่ต่อต้านก็ตาย หลายปีที่ผ่านมา มีตระกูลเก่าแก่ถูกทำลายไปแล้วกี่ตระกูล? ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย นั่นคือวิถีของอาณาจักรบน ไม่จำเป็นต้องคิดมาก” หรงรั่วหรี่ตา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้ามาในอาณาจักรกลางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็รู้ดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรกลาง
ตอนนี้อาณาจักรกลางได้กลายเป็นของเล่นของอาณาจักรบนไปแล้ว กองกำลังใหญ่ๆได้หายไป แม้แต่ตระกูลทั้งหลายที่ซ่อนตัวมานานหลายปีก็ถูกทำลายจนสิ้นซาก พวกที่เลือกเอาตัวรอดก็สูญเสียอิสรภาพและศักดิ์ศรี ถ้าพวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่อยู่แบบไป๋สวี่ หาที่เงียบๆเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งหมด
”โชคดีที่พวกลุงอิ่งไปที่อาณาจักรล่างกันตั้งแต่แรก ก็เลยรักษาของของตระกูลจ้านเอาไว้ได้” พอพูดถึงโศกนาฏกรรมของตระกูลใหญ่ๆทั้งหลาย ฟ่านจั๋วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ลุงอิ่งที่พวกเขาพูดถึงก็คือผู้อาวุโสอิ่งของวิหารเงาจันทรา ตอนที่วิหารหยกวิญญาณถูกโจมตีอย่างหนัก อาณาจักรกลางก็เริ่มตกอยู่ในความโกลาหล ผู้อาวุโสและเยว่อี้ซึ่งเดิมทีอาศัยอยู่ในตระกูลจ้านได้ติดตามพวกเฉียวฉู่ไปที่อาณาจักรล่างเพื่อรวมตัวกับเยว่เย่
พวกเขาเดินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง ไม่นานก็มาถึงที่หน้ากระท่อม เด็กยาที่มัดผมทรงซาลาเปาสองลูกกำลังพัดไฟอย่างระมัดระวัง และเท้าคางมองยาหม้อที่ต้มอยู่บนเตา ทันใดนั้น เขาก็เห็นคนเดินเข้ามา เด็กยาคนนั้นรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เขามองไปที่ ‘แขก’ แปลกหน้าเหล่านั้นด้วยสีหน้าประหม่ากังวล