บทที่ 475 ไม่ต้องไปสนใจ

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 475 ไม่ต้องไปสนใจ

กังจือก็ไม่รู้หรอกว่าหล่อนสวยมากขนาดไหน แต่การทะเลาะวิวาทครั้งนี้นับว่าร้ายแรงมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีการต่อสู้ชกต่อยเกิดขึ้นในโรงเรียนภาคค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีสาเหตุมาจากเรื่องของความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอีกต่างหาก

ผลกระทบที่ตามมาจึงรุนแรงทีเดียว โรงเรียนภาคค่ำจะไม่ยอมเพิกเฉยในกรณีนี้

“น้าของเธอไปจัดการเรื่องนี้อยู่เหรอจ๊ะ?” หลินชิงเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงทั้งไม่เย็นชาและไม่อบอุ่น

เธอคิดถูกแล้ว และก็ตระหนักได้แล้วจริง ๆ ว่าการอบรมสั่งสอนของครอบครัวตระกูลสวี่นั้นเป็นเช่นไร มันบูดเบี้ยวตั้งแต่รากเหง้าขึ้นมาเลย

ถ้าสวี่เชิ่งเฉียงตั้งใจเรียนหนังสือที่นั่นและเติบโตขึ้นได้จริง ๆ เธอจะไม่พูดหรือไปห้ามอะไรเขาเลย แต่ดูสิ เขาได้เติบโตขึ้นมาบ้างไหมเล่า?

ชกต่อยเพื่อแย่งผู้หญิง ยอดเยี่ยมมาก ช่างกล้าหาญอะไรอย่างนี้!

หลินชิงเหอไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เลย ในขณะที่ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวต่างก็ตกใจ แน่นอน เมื่อเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น พวกเขาจึงรู้เรื่องด้วยเช่นกัน

แม้ว่าท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวจะรู้สึกผิดหวังในตัวสวี่เชิ่งเฉียง แต่ลึก ๆ ในหัวใจ พวกเขาก็ยังหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้น ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นหลานชายแท้ ๆ ในไส้ของพวกเขา

พวกเขาจะคอยสอบถามความก้าวหน้าเรื่องการเรียนของสวี่เชิ่งเฉียงเป็นครั้งคราว ทั้งยังบอกกับเอ้อร์นีและหู่จือด้วยว่า หากสวี่เชิ่งเฉียงเรียนไม่เข้าใจ ก็ให้ช่วยสอนเขาด้วย

ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้นในตอนนี้ จึงไม่สามารถปิดบังไว้ได้

หลินชิงเหอซึ่งไปหาโจวเสี่ยวเหมยเพื่อไปอาบน้ำด้วยกันได้พูดเรื่องนี้ให้โจวเสี่ยวเหมยฟัง

โจวเสี่ยวเหมยถึงกับด่าออกมา “ฉันกะแล้วเชียวว่าเขาต้องไม่ใช่เด็กดีอะไร ตามที่คาดไว้เลย เขาก่อเรื่องขึ้นอีกจริง ๆ ด้วย!”

เรื่องนี้โทษโจวเสี่ยวเหมยไม่ได้ที่หล่อนตำหนิเขาออกมาในทันที เพราะตั้งแต่สวี่เชิ่งเฉียงมาอยู่ที่นี่ เขาไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของตนกี่ครั้งกัน? ยังไม่ถึง 3 ครั้งเลย

ถึงแม้ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวจะชักสีหน้าใส่เขาเพราะเหตุที่เขาก่อเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้น แต่ในใจก็ยังคงห่วงใยเขาอยู่

แต่เขาทำอย่างไร? แค่เพราะท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาก็ไม่มาหาอีกเลย พฤติกรรมแบบนี้คืออะไร? เมื่อเขาก้าวหน้าขึ้นแล้ว ยังจะคาดหวังอะไรในตัวเขาได้อีก?

ถึงแม้ว่าเขาจะก้าวหน้าขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องพึ่งพาหลานชายคนนี้เลย ทัศนคติของเขาช่างน่าผิดหวัง

ในฐานะที่เป็นน้า โจวเสี่ยวเหมยซึ่งได้เห็นเรื่องราวมาโดยตลอด จึงรู้สึกไม่พอใจมาก

ยิ่งตอนนี้ได้ยินว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น หล่อนจึงเริ่มก่นด่าออกมา

“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกังวล ฉันคาดว่าเขาจะอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้หรอกจนกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น” หลินชิงเหอพูดขณะที่เพลิดเพลินกับการขัดหลังให้โจวเสี่ยวเหมย

โจวเสี่ยวเหมยกล่าวว่า “แล้วควรจะทำยังไงต่อไปคะ?”

หลินชิงเหอตอบไปว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ หาโอกาสได้ยากมากนะที่พี่ไม่ต้องไปสอนหนังสือ ฉะนั้นพี่ไม่มามัวสนใจกับเรื่องพวกนี้หรอก พี่สี่ของเธอจัดการเรื่องนี้ได้”

จากนั้นเธอก็กล่าวต่อ “พรุ่งนี้พี่มีสอนแค่ 2 วิชา พี่จะสลับชั้นเรียนกับอาจารย์คนอื่น แล้วตั้งใจว่าจะขับรถไปแช่บ่อน้ำพุร้อน เธอจะไปด้วยกันไหมจ๊ะ?”

“ไปกันแค่ 2 คนหรือคะ?” โจวเสี่ยวเหมยถาม

“ไม่หรอก มีเพื่อนของพี่ด้วยจ้ะ เจ้าสามกับกังจือก็อยากไปด้วย” หลินชิงเหอบอก

เธอจะโทรไปชวนคุณแม่เวิงให้ไปกับเธอด้วย

“ตกลงค่ะ พรุ่งนี้ไปด้วยกัน ฉันจะได้รู้สักทีว่ามันเป็นยังไง ครั้งก่อนต้าหลินกลับมาก็บอกว่าดีมาก” โจวเสี่ยวเหมยตอบ

หลังจากอาบน้ำกับพี่สะใภ้สี่เสร็จแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

แน่นอนว่าโจวเสี่ยวเหมยย่อมต้องการจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของตน ดีกว่าให้พวกเขาคิดเองเออเองว่าหลานชายของตนเองเป็นคนมีความสามารถพิเศษอะไรทำนองนั้น

หลังจากได้ยินเรื่องจากโจวเสี่ยวเหมย สีหน้าของท่านพ่อโจวก็ดำทะมึน ส่วนท่านแม่โจวถึงกับโกรธจัดจนควันออกหู

“ชกต่อย ชกต่อยอีกแล้ว! เขาจะต้องมีเรื่องชกต่อยไปทุกที่เลยหรือไง? เพิ่งไปเรียนได้แค่เทอมเดียวเท่านั้นเอง!” ท่านแม่โจวเอ่ยเกรี้ยวกราด “ฉันบอกเขาแล้วว่าให้อยู่อย่างสงบ ความปรองดองคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เขาไม่เคยเชื่อฟังฉันเลย!”

“แม่คะ ในที่สุดแม่ก็เข้าใจได้สักที เชิ่งเฉียงถูกพี่สาวใหญ่เลี้ยงแบบตามใจจนเสียนิสัยไปแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยบอกอย่างไม่พอใจ

พี่สาวใหญ่มีสวี่เชิ่งเฉียงหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรสาวมาแล้ว 3 คน หล่อนจะไม่ตามใจเขาได้อย่างไร? หล่อนทะนุถนอมเขามาก

สุดท้ายพวกเขาก็ได้เห็นผลของการตามใจ สวี่เชิ่งเฉียงกลายเป็นคนคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่โรงงานเขาก็ไปทำร้ายคนจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้พอมาเข้าเรียนที่โรงเรียนภาคค่ำ เขาก็ไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทเพราะผู้หญิง

“ตอนนี้จะเป็นยังไงต่อไป?” ท่านแม่โจวพูด

“หนูไม่รู้ค่ะ พี่สะใภ้สี่ก็บอกว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง พี่สี่เป็นคนแนะนำเขาเข้าไปเรียน พี่สี่ก็ต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง” โจวเสี่ยวเหมยเช็ดผมของตนพลางพูดว่า “อีกอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้พี่สะใภ้ปรับเปลี่ยนตารางสอนของตัวเองเลยมีเวลาว่าง หล่อนตั้งใจจะขับรถไปบ่อน้ำพุร้อน หนูจะไปกับพี่สะใภ้สี่ด้วย แม่ช่วยดูเถียนเถียนให้หนูด้วยนะคะ”

“พรุ่งนี้ฉันจะไปบ้านพี่สี่ของแกเพื่อถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ให้ต้าหลินพาเถียนเถียนไปร้านซาลาเปาด้วยแล้วกัน” ท่านแม่โจวตอบ

“ผม…ผมจะพาไปเองครับ” ซูต้าหลินพยักหน้า

เขายังพอจะรับมือไหว สิ่งสำคัญคือเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้อาวุโสจะต้องเป็นกังวล

ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวกังวลใจ แต่หลินชิงเหอไม่รู้สึกวิตกกังวลใด ๆ เมื่อเธอกลับมาบ้าน โจวชิงไป๋ได้กลับมาถึงเรียบร้อยแล้ว

เขากำลังนั่งดูมังกรหยก(1)ที่เพิ่งออกอากาศในปีนี้ เขาจะต้องดูละครเรื่องนี้ทุกวันและหลงใหลละครเรื่องนี้เป็นอันมาก

ทว่าเมื่อมองดูเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังนั่งใจลอยอยู่

สุดท้ายแล้วหลินชิงเหอก็ใจอ่อน “ตาเฒ่า คุณไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ อย่าไปกังวลกับเรื่องที่ไม่ควรจะกังวลเลยค่ะ”

ตอนแรกเธอไม่ได้ตั้งใจจะสนใจเขา แต่ใครใช้ให้เขาเป็นหมู(2)ของบ้านเธอกันล่ะ เธอจึงต้องใส่ใจ

โจวชิงไป๋กล่าวว่า “ผมไม่ได้กังวล”

“สรุปว่ายังไงคะ?” หลินชิงเหอนั่งลงพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น

“ถูกไล่ออกจากโรงเรียนภาคค่ำน่ะ จากนี้เขาไม่ต้องไปที่นั่นอีกแล้ว” โจวชิงไป๋ตอบ

เขาไปที่นั่นก็เพื่อแก้ปัญหาเท่านั้น แน่นอนว่าเขาโต้เถียงกลับไปบ้างและไม่ยอมก้มหัวให้มากนัก

ก่อนหน้านี้เขาพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เขาพาสวี่เชิ่งเฉียงไปเข้าเรียนที่นั่นและหวังว่าเขาจะตั้งใจเรียน ซึ่งนี่ยังเป็นการให้โอกาสกับเขาอีกด้วย

แต่ถ้าเขาไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถไปโทษผู้อื่นได้ว่าไม่สนใจเขา

หลินชิงเหอเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ จึงพูดว่า “ต่อไปยังจะเข้าไปยุ่งกับเขาอีกไหมคะ?”

“เขาโตขนาดนี้จนอายุถึงวัยจะมีคู่ได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจแล้วล่ะครับ” โจวชิงไป๋กล่าว

เป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะพูดว่าเขาไม่รู้สึกผิดหวัง แต่เขาไม่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว เขาไม่ได้เห็นด้วยเลยกับการให้หลานชายมาที่นี่ แต่ในเมื่อพี่สาวใหญ่ไม่สนใจความคิดเห็นของเขาและให้เชิ่งเหม่ยพาหลานชายมา เช่นนั้นก็เป็นเรื่องของพวกเขาเอง

เขาทำในสิ่งที่ทำได้ไปแล้ว โจวชิงไป๋ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมเสียเวลาอีกต่อไป

หลินชิงเหอไม่ได้พูดแทงใจดำเขาต่อ “บ้านเรามีร้านค้าอยู่ตั้งหลายร้าน มีเรื่องให้ต้องคอยกังวลไม่จบสิ้น คุณก็เก็บแรงเอาไว้สำหรับเรื่องเหล่านี้เถอะค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจากความกังวลพวกนี้ คนที่ต้องทุกข์ใจก็คือฉันนะคะ”

“ผมไม่มีทางหมดแรงหรอกนะครับ” โจวชิงไป๋ยิ้มพร้อมกับจับมือภรรยาตนไว้

ในตอนที่เขาเพิ่งเอื้อมมาจับมือของเธอไว้นั่นเอง พวกเด็ก ๆ ก็กลับมาถึง ทั้งหู่จือ กังจือ โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลาย

หลินชิงเหอพูดว่า “กังจือ เจ้าสามรีบเข้านอนนะ พวกเราจะออกเดินทางกันวันพรุ่งนี้ ฉันนัดกับคุณอาเล็กของพวกเธอเอาไว้แล้ว”

“คุณจะไปไหนหรือครับ?” โจวชิงไป๋ประหลาดใจ

“พวกเราจะทำอะไรได้อีกล่ะคะ? พวกเราจะไปบ่อน้ำพุร้อนกันค่ะ จะออกเดินทางวันพรุ่งนี้” หลินชิงเหอตอบ

โจวชิงไป๋สายตาขุ่นจ้องหน้าไปที่ภรรยาของตน ตั้งแต่เอารถคันนี้กลับมา เขายังไม่มีโอกาสได้พาภรรยาไปที่บ่อน้ำพุร้อนเลย

“ไปคิดดูแล้วกันค่ะ พวกเธอรีบไปนอนกันด้วยนะ” เมื่อเห็นว่าเกือบจะ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว หลินชิงเหอจึงลุกขึ้นเพื่อเตรียมเข้านอน

โจวชิงไป๋ก็ไม่ดูทีวีต่อ และตามภรรยากลับเข้าห้องไป

เหลือแต่เด็กเล็กเด็กโตกลุ่มนี้ที่ยังขยิบตาให้กัน

………………………………………………………………………………………………….

(1)- ละครโทรทัศน์ยอดฮิตจากนวนิยายของกิมย้ง ว่าด้วยชีวิต การเมือง กำลังภายใน และการชิงดีชิงเด่นในยุทธภพ เวอร์ชันปี 1983 ภาคแรกนำแสดงโดยหวงเย่อหัวในบทก๊วยเจ๋ง กับองเหม่ยหลิงในบทอึ้งย้ง และภาคสองนำแสดงโดยหลิวเต๋อหัวในบทเอี้ยก้วย กับเฉินอวี้เหลียนในบทเซียวเหล่งนึ่ง

(2)- หมายถึง คนโง่ ทึ่ม