ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 614 ขอมอบบทเรียนให้พวกท่าน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ท่าทางไม่อินังขังขอบของเยี่ยนจ้าวเกอนี้ เหมือนกับไม่รู้สึกเลยว่า การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของตนมีความพิเศษตรงไหน

แต่ว่าเมื่อหลูเฟิงเห็น กลับเกือบจะหมดสติไป

“ท่านเยี่ยน หรือว่าท่านจะเป็นผู้สืบทอดวรยุทธ์แท้?” หลูเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

เขาอดตื่นเต้นไม่ได้ เยี่ยนจ้าวเกอถึงแม้จะตั้งท่าหมัดท่าเดียว ดูเหมือนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าในสายตายอดฝีมืออย่างหลูเฟิงช่างดูคล้ายกับแฝงความน่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดเอาไว้

แค่ท่าตั้งหมดง่ายๆ กลับเหมือนผสมแก่นวรยุทธ์ของสำนักคืนวิญญาณและเกาะงูเขียวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

เพียงมองสภาวะหมัดเมื่อครู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ หลูเฟิงก็ถึงกับรู้สึกว่าไอหมอกเบื้องหน้าของตนเบาบางลงหลายส่วน รู้สึกว่าตนเข้าใกล้ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

นี่เทียบได้กับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นบนที่ราบ สั่นสะเทือนหลูเฟิงจนไม่รู้ทิศทาง

หลังที่โก่งงอมาโดยตลอดของชายชรา ยามนี้ยืดขึ้นอย่างรุนแรง มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างซาบซึ้ง

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กลับหัวเราะในใจ

เทพเจ้าเจิ่นอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนเทียน เทพมารเจิ่นอู่ตัง เทพมารตัง เป็นบุคคลที่อยู่ในตำนานก่อนมหาภัยพิบัติ หนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดของสำนักเต๋า

วิชาที่เขาทิ้งเอาไว้ มีชื่อว่าคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ แฝงเคลื่อนไหวสงบนิ่ง หยินหยาง แข็งอ่อนเป็นเนื้อเดียว ซุกซ่อนมรรคาไร้สิ้นสุด ทั้งยังน่าอัศจรรย์

คัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ถึงแม้จะไม่อาจครอบคลุมศาสตร์ที่เทพเจ้าเจินอู่ได้เรียนทั้งหมด ทว่าก็เป็นวรยุทธ์ที่อธิบายถึงกระบวนท่าสายวรยุทธ์แท้ได้อย่างลึกล้ำที่สุด

ก่อนมหาภัยพิบัติ หอเก็บหนังสือของวังเทพมีเก็บเอาไว้

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ดี เพียงแต่ความตั้งใจของเขาถูกใช้ไปกับกระบวนท่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตและคัมภีร์พลิกฟ้า รวมถึงวิชาเอกพิสุทธิ์ซึ่งเป็นวิชายสายตรงของเขากว่างเฉิง

เขาเพียงแต่รู้จักคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ แต่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง

แม้แต่การกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของร่างจำแลงเจินอู่ ยังต้องใช้หมัดราชันงูสวรรค์และหมัดวิญญาณสยบคลื่น ซึ่งอยู่ในหมัดอสูรหกวิญญาณรวมกัน แต่ก็ใช้ได้เพียงจิต ไม่ใช่วิถีหมัด

แต่ว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเป็นวิชาที่สุดยอดที่สุดของสำนักเต๋า อีกทั้งยังยังชำนาญในด้านเลียนแบบกระบวนท่าอื่น

หลังจากพลังฝึกปรือในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตผสมเชื่อมต่อกับคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ อย่างน้อยการคลำหาวิธีก็ไม่ยากเท่าไร

ไม่ได้เหมือนกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่ในตอนที่หลอมสำเร็จเป็นร่างจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว อีกทั้งรากฐานวรยุทธ์เดิมยังมั่นคง คิดจะเปลี่ยนไปฝึกวรยุทธ์อื่นจึงไม่สะดวกอยู่บ้าง

การศึกษาคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ของเยี่ยนจ้าวเกอที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ไม่ยากเท่าใดนัก

ดังนั้นถึงแม้เมื่อครู่เขาจะตั้งท่าหมัดให้ดู แต่ในสายตาของผู้มีประสบการณ์เช่นหลูเฟิง กลับเข้าใจพื้นฐานที่แท้จริงของเขาผิดเป็นสายวรยุทธ์แท้

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนในสายตาของหลูเฟิง เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มเล็กน้อย ส่ายหน้าพูดว่า “เจ้าสำนักหลูเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ผู้สืบทอดวรยุทธ์แท้ เพียงเคยพบเจอโดยบังเอิญ ได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสที่รู้จักกัน”

หลูเฟิงสูดลมหายใจลึกคำหนึ่ง ใจเย็นลงหลายส่วน “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านที่ว่าอยู่ที่ใด? ท่านเยี่ยนอย่าเข้าใจผิด ในฐานะสายวรยุทธ์แท้ ข้าเพียงอยากไปคำนับผู้อาวุโสสักครั้ง”

จิตใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่คนของโลกผืนสมุทร เช่นนั้นผู้อาวุโสที่เขารู้จักก็น่าจะไม่ได้อยู่ในโลกผืนสมุทรเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “นี่กลับไม่สะดวกนัก ท่านอาของข้าไม่ชอบถูกคนรบกวน”

อีกฝ่ายถอนใจอย่างเสียดาย ดวงตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอเต็มไปด้วยแววขอร้อง

ท่าตั้งหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอเมื่อครู่ คลายมือออกแล้วกำเป็นหมัดทันที ทำให้เขาเห็นถึงความอัศจรรย์ที่อยู่ด้านใน และความยากในการทำความเข้าใจ

สิ่งของที่บรรพบุรุษรุ่นก่อน รวมถึงตัวเขาปรารถนามาหลายปี ในตอนนี้มาวางอยู่เบื้องหน้า แต่กลับเหมือนไกลสุดฟากฟ้าจนไม่อาจเอื้อมถึง

ตอนนี้ในใจของหลูเฟิงมีความรู้สึกยากจะรับได้

“วิชาสายวรยุทธ์แท้ที่ข้าได้รับมาเป็นแค่เส้นขน ยังสู้เส้นผมของท่านอาผู้นั้นไม่ได้ จึงไม่อาจถ่ายทอดวิชา กฎเกณฑ์ของมัน หวังว่าเจ้าสำนักหลูจะเข้าใจ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

หลูเฟิงยิ้มอย่างขื่นขม “วิชาไม่อาจถ่ายทอด เหตุไฉนข้าจะไม่เข้าใจ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขา หัวเราะเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักหลูสนใจประมือกับข้าหรือไม่”

แม้หลูเฟิงจะงงงันในตอนแรก แต่จากนั้นก็ตอบรับทันที “ยินดีเป็นที่สุด ขอให้ท่านเยี่ยนชี้แนะด้วย”

คนทั้งสองหยุดยืนตั้งมั่น คนที่อยู่รอบๆ มีอยู่หลายคนยังไม่รู้สึกตัว

ท่าตั้งหมัดที่เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกมาเมื่อครู่ คลายออกแล้วกำเป็นหมัด คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงความอัศจรรย์ที่อยู่ด้านใน

แต่เมื่อเห็นหลูเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ลูกศิษย์สำนักคืนวิญญาณก็อดตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้

“โปรดชี้แนะด้วย” ครั้นหลูเฟิงพูดจบ ตัวก็กลายเป็นกลุ่มก้อน ร่างที่สูงใหญ่ก่อนหน้าหดเล็กลงหลายเท่า

แต่ว่าพอเขาขยับ กลิ่นอายรอบกายก็พลันจับตัวกันมากกว่าเดิม

มองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ตัวของหลูเฟิงเหมือนกับเล็กลง แต่ว่าสภาวะพลังกลับสูงใหญ่กว่าเดิม จนแทบทะลุฟ้าทะลุดินเลยทีเดียว

ร่างเต่าวิญญาณขนาดมหึมาปรากฏขึ้นใกล้ๆ หลูเฟิง แล้วห่มหุ้มเขาเอาไว้

เต่าวิญญาณมีขนาดใหญ่ยักษ์ ขาทั้งสี่ข้าเหยียบเข้าไปในทะเล เหมือนกับเข็มเทพใต้ทะเลสี่เล่ม มหาสมุทรที่ยังมีคลื่นซัดสาดก่อนหน้าพลันเงียบสงบลง

ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนกับเปลี่ยนเป็นไร้สุ้มเสียง

เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากปรากฏรอยยิ้มราบเรียบ “ให้ท่านเป็นฝ่ายโจมตีคงไม่อาจแสงความสามารถที่แท้จริงของท่านออกมาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอลงมือก่อนแล้ว”

หลูเฟิงกล่าวเสียงทุ้ม “ข้าขอขอบคุณน้ำใจของท่านเยี่ยน”

“มิได้” เยี่ยนจ้าวเกอสืบเท้าออกก้าวหนึ่ง สองหมัดตั้งขึ้น ต่อยใส่หลูเฟิง

ในชั่วอึดใจ ฟ้าดินสั่นไหว หลังจากสภาวะหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอ สภาวะเต่าและงูปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน หยินหยางเกื้อกูลกัน แข็งอ่อนเชื่อมต่อกัน เคลื่อนไหวสงบนิ่งผสมผสานกัน ความเคร่งขรึมและความปราดเปรียวกลายเป็นหนึ่ง เนื่องจากการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พลังจึงยิ่งใหญ่เหมือนกับไร้สิ้นสุด!

เงาแสงของเต่าวิญญาณและงูวิญญาณเกาะเกี่ยวกัน เงาร่างของเทพเจ้าขนาดมหึมาองหนึ่งเดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏ สวมอาภรณ์สีดำ เกราะสีทอง สายคาดหยก ถือกระบี่ ดวงตาพิโรธ เท้าเหยียบเต่าและงู รัศมีแสงครอบบนศีรษะ ดูทรงอิทธิฤทธิ์สุดขีด กวาดล้างหมู่มาร ทำให้ความชั่วร้ายทั้งหลายไม่อาจวู่วาม

คนในสำนักคืนวิญญาณต่างอ้าปากตาค้าง

เงาคนที่ยิ่งใหญ่นั้นกระทืบเท้าลงใส่ร่างเต่าวิญญาณของหลูเฟิง

ถึงแม้ร่างเต่าวิญญาณจะไม่แหลกสลาย แต่ว่าร่างเต่าวิญญาณที่ก่อนหน้านี้มั่นคงดุจขุนเขา สภาวะพลังพลันลดต่ำลง เพราะถูกอีกฝ่ายกระทืบจมเท้า กำลังจะเหยียบไปยังก้นทะเล

หลูเฟิงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งในใจ ‘วิชาวรยุทธ์แท้! วิชาวรยุทธ์แท้’

ในวินาทีถัดมา เยี่ยนจ้าวเกอเก็บสภาวะหมัด เงาคนที่ทรงอานุภาพนั้นหายไป หลูเฟิงในขณะที่หมดอาลัยตายอยาก ในใจก็ยิ่งเร่าร้อน

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หวังว่าเจ้าสำนักหลูจะได้ประโยชน์ไปบ้าง”

ได้ประโยชน์? ประโยชน์ย่อมมี แต่เกือบไปแล้ว แค่นิดเดียว!

หลูเฟิงอยากกระอักเลือด หัวเราะอย่างขื่นขมในใจไม่หยุด ‘นี่เป็นแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้นเอง’

ตอนนี้จิตใจของเขาหวั่นวิตกกว่าเดิม

จอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณคนอื่นฮึกเหิมยิ่งกว่าเขา อีกทั้งยังกระวนกระวายยิ่งกว่า

เขาหายใจลึก “ข้าเองก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาหงส์วิเศษมานานแล้ว ถ้าท่านเยี่ยนไม่ถือสา พวกเราร่วมทางกันได้หรือไม่?”

ตอนแรกเพิ่งคิดจะพาพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปยังทะเลเต่าทะยานเท่านั้น แต่ว่าในตอนนี้หลูเฟิงรู้สึกว่าตนมีความจำเป็นต้องไปเขาหงส์วิเศษแล้ว