ตอนที่ 1993

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,993 : อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ!

 

หยางเหวินก้าวนำเข้ามาในวิหารเป็นตาย โดยมีต้วนหลิงเทียนที่เดินตามหลังไปติดๆ

 

หลังจากที่เข้ามาในวิหารเป็นตายแล้ว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างแรกเลยก็คือสังเวียนๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ไกลๆ!

 

สังเวียนดังกล่าวก็คือเวทีประลองขนาดใหญ่! นอกจากนั้น 3 ด้านของสังเวียนประลองนอกจากทางเข้า ก็เป็นอัฒจรรย์ที่นั่ง! ซึ่งที่นั่งก็แบ่งเป็นชั้นๆไล่ลำดับขึ้นไป มองละหม้ายคล้ายบันใดอยู่บ้าง และจากความกว้างในวิหารท่าทางจะจุคนได้นับพันๆอย่างไม่แออัด!

 

อีกทั้งหลังมองพินิจแล้ว บริเวณสังเวียน ทั้งขอบกั้น ยังเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรัง!

 

เห็นได้ชัดว่าคราบเลือดเหล่านี้จงใจเหลือไว้ไม่ทำความสะอาด! อีกทั้งยังน่าจะผ่านวันเวลามานานแล้ว!!

 

‘นี่น่ะเหรอสังเวียนประลองเป็นตาย’

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดหยีลงหลังสำรวจสถานที่เสร็จสิ้น

 

สังเวียนประลองเป็นตาย เป็นสถานที่ๆวิหารเป็นตายจัดทำไว้เพื่อให้เหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟที่มีความแค้น ลงนามในสัญญาประลองเป็นตาย! และเมื่อขึ้นสังเวียนแล้วผู้ที่จะลงจากสังเวียนได้ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น…ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตาย!!

 

“พวกเจ้ามาทำสัญญาประลองเป็นตายกันเช่นนั้นหรือ?”

 

ในขณะที่สายตาของต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินกำลังมองให้ความสนใจกับสังเวียนประลองเป็นตายนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูทั้งคู่

 

เสียงแหบแห้งนี้ฟังแล้วคล้ายจะดังมาจากที่ไกลๆ แต่ชั่วพริบตาต่อมาก็รู้สึกเสมือนดังอยู่ข้างหู!

 

ต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินพอรู้สึกตัว ก็พบว่าตอนนี้ใกล้ๆกับพวกมัน พลันมีร่างชราหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ

 

ชายชราดังกล่าวรูปร่างผ่ายผอม ท่วงท่าลักษณะแลคล้ายเป็นเพียงผู้ชราธรรมดาๆคนหนึ่ง ทว่าชุดที่สวมใส่กลับบ่งบอกฐานะ…ว่ามันคืออาวุโสระดับเพลิงเงินคนหนึ่ง!

 

‘ผู้คุมวิหารเป็นตายงั้นเหรอ?’

 

ในระหว่างเดินทางมาที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลบางอย่างจากบทสนทนาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดมาบ้าง เขาจึงพอรู้มาเล็กน้อยว่าในวิหารเป็นตายแห่งนี้ มีผู้อาวุโสเพลิงเงินหนึ่งคน และผู้อาวุโสเพลิงทองแดง 3 คนที่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ

 

และผู้ที่รับหน้าที่ควบคุมการประลองเป็นตายเป็นหลัก ก็คืออาวุโสเพลิงเงินคนนี้!

 

อาวุโสเพลิงเงินที่คุมวิหารเป็นตายแห่งนี้ เรียกว่า ‘เนี่ยสุ้ย’ ยังเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาวุโสเพลิงเงินที่มีพลังฝีมือสูงสุดในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินด้วยกัน!

 

หากจะกล่าวว่าหลี่อันเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1ของแท่นบูชาเต่าทมิฬแล้วล่ะก็

 

เช่นนั้น ‘เนี่ยสุ้ย’ ผู้นี้…ก็คืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ!

 

‘นี่น่ะเหรอผู้คุมวิหารเป็นตาย? ยอดฝีมือที่มีพลังฝีมือติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน?’

 

มองชายชราร่างผอมเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันเล็กน้อย

 

ในระหว่างการเดินทางมาวิหารเป็นตาย นอกจากข้อมูลเรื่องวิหารเป็นตายคร่าวๆแล้ว เขายังได้ยินเรื่อราวของอาวุโสคุมวิหารเป็นตายผู้นี้มาบ้าง

 

เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงรับทราบว่า เนี่ยสุ้ยผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟแต่ยังเป็นถึงยอดฝีมืออันดับที่ 78 ในรายนามยอดเซียนอีกด้วย!

 

กล่าวกันว่าในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้มีอาวุโสเพลิงเงินเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่มีพลังฝีมือติด 100 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!

 

หนึ่งในนั้นคือเนี่ยสุ้ยคนนี้ที่ถือครองอันดับที่ 78 ในรายนามยอดเซียน! ส่วนอาวุโสเพลิงเงินอีกคนของลัทธิบูชาไฟ ก็ถือครองอันดับที่ 99 ในรายนามยอดเซียน อันดับนับว่าต่ำกว่าอาวุโสเนี่ยสุ้ยคนนี้ค่อนข้างมาก!

 

“ศิษย์ที่แท้จริงหยางเหวินคารวะอาวุโสเนี่ยสุ้ย!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่าอาวุโสเพลิงเงินเบื้องหน้าสมควรเป็น อาวุโสเนี่ยสุ้ยที่ได้ยินมาไม่ผิดแน่ หยางเหวินพลันก้าวไปข้างหน้าพร้อมประสานมือโค้งคารวะอาวุโสเนี่ยสุ้ย เป็นการยืนยันให้เขาทันที

 

กระทั่งคนที่หยิ่งผยองถือดีอย่างหยางเหวิน พบพานเนี่ยสุ้ยยังไม่กล้าไม่ก้มหัว

 

“ศิษย์ชั้นยอดต้วนหลิงเทียน อาวุโสเนี่ยสุ้ยท่านสบาย” หลังได้ยินเสียงทักทายของหยางเหวิน ด้านต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัว ก็พยักหน้าทักทายชายชราด้วยรอยยิ้ม

 

และทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าอาวุโสเนี่ยสุ้ยกำลังมองสำรวจเขากับหยางเหวินด้วยสายตาสงบ แม้อีกฝ่ายจะทำแค่มองเท่านั้น ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวขุมหนึ่งที่คล้ายจะสอดส่องไปถึงจิตวิญญาณ!

 

“พวกเจ้าทั้งคู่มาวิหารประลองเป็นตายแห่งนี้ เพื่อลงนามในสัญญาประลองเป็นตายและสู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้างบนสังเวียนใช่หรือไม่?”

 

ในที่สุดชายชราก็กล่าวถามออกมา

 

ในฐานะผู้คุมวิหารเป็นตาย แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงไม่พากันมาหามันหากไม่คิดสู้กันให้ตายกันไปข้าง แต่มันก็ต้องถามออกมาตามหน้าที่

 

หลังเนี่ยสุ้ยกล่าวคำถามนี้ออกมา หยางเหวินกลับไม่ตอบคำชายชราแต่อย่างใด มันเลือกจะหันไปมองต้วนหลิงเทียนแทน เพื่อดูว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบว่าอะไร

 

หากต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะกล่าวตอบว่า ‘ใช่’ ออกไป และดันกลับกลอกวาจาล้มเลิกการประลองในภายหลัง ถึงแม้อาวุโสเนี่ยสุ้ยจะไม่บีบบังคับให้ทำการลงนามในสัญญาประลองเป็นตายสืบต่อ แต่ทว่าเรื่องที่ต้องสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนย่อมมีแน่!

 

เพราะสถานที่แห่งนี้คือวิหารเป็นตาย! หาใช่ที่ๆศิษย์คนไหนจะมาล้อเล่นได้ไม่! การกลืนน้ำลายกลับกลอกวาจาทีนี่ย่อมไม่ต่างอะไรกับไม่ให้เกียรติสถานที่ กระทั่งยังเป็นการดูหมิ่นอาวุโสเนี่ยสุ้ยคนนี้ ย่อมไม่ผิดที่อาวุโสเนี่ยสุ้ยจะทำการสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจำ!!

 

ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนไม่ถูกทุบตีจนตายหรือพิกลพิการ ทางลัทธิบูชาไฟย่อมไม่สืบสาวหาความจากอาวุโสเนี่ยสุ้ย เพราะนี่อยู่ในขอบเขตอำนาจของอาวุโสเนี่ยสุ้ย!

 

“ใช่!”

 

เมื่อเห็นว่าหยางเหวินไม่ตอบคำ แต่หันมามองเขาแทน ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าหยางเหวินกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเลือกที่จะตอบคำอาวุโสไปอย่างไร้ลังเล

 

และคำตอบด้วยท่าทางไม่มีลังเลสักนิดนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็พาลให้สีหน้าของหยางเหวินแปรเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมขึ้นมาทันตาเห็น!

 

อย่างไรก็ตามสีหน้าเข้มขรึมของหยางเหวินก็คงอยู่ได้เพียงวูบเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะกลับมาเป็นเย้ยหยันวางท่าอีกครั้ง เพราะมันคิดว่าสุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็คงไม่กล้าลงนามในสัญญาประลองเป็นตายอยู่ดี

 

“ตามข้ามา” หลังกล่าวคำสั้นๆ อาวุโสเนี่ยสุ้ยก็เดินนำออกไปทันที

 

ต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินก็เดินตามไปติดๆ

 

ไม่นานด้วยคำสั่งของอาวุโสเนี่ยสุ้ย อาวุโสเพลิงทองแดงที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องราวในวิหารเป็นตายแห่งนี้ก็นำใบสัญญาประลองเป็นตายออกมา พร้อมพู่กันกับแท่นหมึกพิมพ์

 

“ผู้ใดก่อน”

 

เนี่ยสุ้ยสลับตามองไประหว่างต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินพร้อมกล่าวถาม

 

“มัน!”

 

ต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินหันมามองหน้ากันก่อน ค่อยกล่าวตอบพร้อมชี้นิ้วไปยังอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียง

 

“เฮอะ!”

 

เมื่อเห็นว่าทั้งต้วนหลิงเทียนและหยางเหวินกลับบ่ายเบี่ยงให้อีกฝ่าย เนี่ยสุ้ยพลันแค่นคำสบถด้วยความไม่พอใจ ค่อยหันไปมองหยางเหวินพร้อมกล่าวคำออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เมื่อครู่ข้าถามว่าพวกเจ้ามาวิหารประลองเป็นตายเพื่อลงนามประลองเป็นตายหรือไม่ เป็นมันที่ตอบแต่เจ้ามิได้ตอบ…เช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้ลงนามในสัญญาก่อนเสีย!”

 

หยางเหวินย่อมไม่นึกไม่ฝันเลย ว่าการที่มันไม่ได้ตอบคำถามของเนี่ยสุ้ยก่อนหน้า จะเป็นการผลักดันให้มันตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้!

 

เนี่ยสุ้ย ให้มันเป็นฝ่ายลงนามในสัญญาประลองเป็นตายก่อน!!

 

จังหวะนี้ในหัวมันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่น้องชายตกตายในการประลองเป็นตายขึ้นมาเป็นอย่างแรก แววตาเผยความประหวั่นออกมาให้เห็นชัด มันรีบมองไปยังเนี่ยสุ้ยเบื้องหน้าพร้อมกล่าวทันที “อาวุโสเนี่ยสุ้ย ท่านให้มันลงนามในสัญญาประลองเป็นตายก่อนได้หรือไม่? ตราบใดที่มันกล้าลงนามในสัญญาฉบับนี้ข้าจักลงนามตามแน่นอน!!”

 

“ฮ่าๆๆๆ…หยางเหวิน เจ้าเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงแท้ๆ แต่ใจคอจะคิดโบ้ยให้ข้าที่เป็นแค่ศิษย์ชั้นยอดออกหน้าก่อนทุกเรื่องเลยรึไง?”

 

สิ้นคำกล่าวของหยางเหวิน ต้วนหลิงเทียนที่เห็นสีหน้ามันเปลี่ยนเป็นหวั่นหวาดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยะมันออกมาเสียงดังอย่างสนุกสนาน ยังกล่าววาจาหยันหยามไปอย่างสนุกปาก

 

เขาไม่คิดลงนามในสัญญาประลองเป็นตายฉบับนี้ก่อนแน่นอน!

 

จะให้เขาทำอย่างไรเล่าหากเขาลงนามไปแล้ว แต่หยางเหวินมันเกิดเปลี่ยนใจเลือกที่จะไม่ลงนามในสัญญาฉบับนี้ตาม?

 

ท่านต้องทราบด้วยว่า ที่เขามาที่นี่วันนี้เพื่อฆ่าหยางเหวินโดยเฉพาะ!!

 

ไม่ใช่แค่เพราะหยางเหวินมันบังเกิดจิตสังหารต่อเขาก่อน แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะบิดาอุบาทว์ของมัน หยางชงอาวุโสลำดับที่ 5 ของวังอุดรไพศาล กล้าล้ำเส้นถึงขั้นยกเอาครอบครัวมาขู่เขา!!

 

เท่าที่ต้วนหลิงเทียนห่วงตั้งแต่ที่หยางชงมันกล้าใช้ครอบครัวเขามาขู่วันนั้น ชาตินี้ไม่มันก็เขาต้องตายกันไปข้าง!

 

และเมื่อหยางชงมันอยากทำร้ายครอบครัวเขานัก เขาก็จะฆ่าลูกชายมันให้สิ้น!

 

ในเมื่อลูกชายคนเล็กของมันตกตายคามือเขาไปแล้วคนหนึ่ง เช่นนั้นก็สมควรให้คนพี่มันตายคามือเขาเช่นกัน!

 

‘หยางชง…ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะทำหน้ายังไง ตอนที่ได้รู้ข่าวเรื่องที่ลูกชายคนโตของเจ้าก็ตายคามือข้าอีกคน’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคิดด้วยจิตอำมหิต

 

ได้ยินคำกล่าวหยามหยันนี้ของต้วนหลิงเทียน หน้าหยางเหวินอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันหันไปถลึงมองต้วนหลิงเทียนตาขวางทันที!

 

“หยางเหวิน? เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลงั้นรึ?”

 

ตอนนี้เองเนี่ยสุ้ยพลันมองถามหยางเหวินเสียงเรียบ

 

“ใช่”

 

ได้ยินคำถามของเนี่ยสุ้ย หยางเหวินละสายตาจากต้วนหลิงเทียนและเร่งกล่าวตอบคำเนี่ยสุ้ยกลับไปทันทีด้วยท่าทางเคารพ

 

“บิดาของเจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือลำดับที่ 146 ในรายนามยอดเซียน…เจ้าในฐานะบุตรชายของมัน ทั้งยังเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟเรา…แต่เจ้ากลับไม่กล้าแม้แต่จะเป็นผู้ลงนามในสัญญาประลองเป็นตายก่อน? หากเจ้าไม่กล้าก็รีบไสหัวไปเสีย!!”

 

วาจาของเนี่ยสุ้ย เผยให้เห็นว่ายามนี้มันเริ่มมีโทสะแล้ว

 

ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังกล้าแข็งขุมหนึ่งจากร่างเนี่ยสุ้ย ก็แผ่พุ่งไปกดทับร่างหยางเหวินทันที พาลให้สีหน้าหยางเหวินซีดลงถนัดตา!

 

“จึกๆๆๆ”

 

หลังเห็นหยางเหวินถูกแรงกดดันของเนี่ยสุ้ย ต้วนหลิงเทียนพลันเดาะลิ้นกล่าวออกด้วยทีท่าราวกับกำลังดูการแสดงอันน่าสนุกสนาน “ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาล จะทำยังไงหากรู้ว่าลูกชายคนโตของมันพลาดโอกาสล้างแค้นให้น้องชายตัวเองแบบนี้เพราะความขลาดเขลา…คงไม่ถึงขั้นโมโหจนกระอักเลือดออกมา 3 ถังหรอกนะ?”

 

วาจาต้วนหลิงเทียนกล่าวไม่ทันขาดคำ ลูกตาหยางเหวินก็ถลึงมองเขาจนแทบจะพุ่งพรวดออกจากเบ้า!

 

เนี่ยสุ้ยเองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “เจ้าคือต้วนหลิงเทียนคนนั้นงั้นหรือ?”

 

เรื่องที่มีศิษย์ใหม่ฆ่าหยางหวู่ลูกชายคนรองของหยางชงอาวุโส 5 วังอุดรไพศาลต่อหน้าต่อตาสหายสนิทอย่างหลี่อัน ถึงแม้จะเป็นมันที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังได้ยินมาบ้าง และยังได้รับรู้มาว่าศิษย์ใหม่ที่ฆ่าหยางหวู่ในวันนั้นเรียกว่าต้วนหลิงเทียน

 

หลังจากนั้นมันก็ได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนอีกมากมาย

 

กระทั่งได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และรับฐานะศิษย์ชั้นยอดไปเพราะสามารถใช้ออกด้วยเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ อันเป็นเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬได้สำเร็จ!

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะได้ยินเรื่องราวทั้งคำร่ำลือของต้วนหลิงเทียนมามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่มันก็ไมเคยเห็นหน้าค่าตาต้วนหลิงเทียนมาก่อน มันจึงไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน

 

“ใช่”

 

ได้ยินคำถามของเนี่ยสุ้ย ต้วนหลิงเทียนก็รีบละทีท่ากลัวว่าโลกจะวุ่นวายไม่พอออกไป ก่อนที่จะหันไปพยักหน้ารับคำด้วยทีท่าสุภาพ

 

“ข้าจักลงนาม!!”

 

และในขณะที่เนี่ยสุ้ยกำลังมองต้วนหลิงเทียน พร้อมเผยทีท่าว่าจะกล่าวอะไรออกมา กลับเป็นหยางเหวินที่โพล่งคำออกมาเสียก่อน

 

หลังจากนั้นหยางเหวินก็ก้าวออกไปเบื้องหน้า หยิบพู่กันจากอาวุโสเพลิงทองแดงประจำวิหารเป็นตายคนหนึ่ง ก่อนที่จะจุ่มหมึกและเขียนนาม หยางเหวิน ลงไปในสัญญา

 

ปึก!

 

เสียงกดทับหนักหน่วงดังขึ้น เป็นหยางเหวินใช้นิ้วโป้งกดไปยังแท่นหมึก ค่อยนำมาประทับลงในสัญญาประลองเป็นตายที่มันได้ลงนามไว้แล้ว

 

หลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเรียบร้อย หยางเหวินก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าไม่กล้าลงนามในสัญญาประลองเป็นตายวันนี้ นั่นหมายความว่าเจ้ากำลังหลอกลวงอาวุโสเนี่ยสุ้ย และดูหมิ่นเกียรติของวิหารเป็นตายแห่งนี้!”

 

วาจาที่พ่นออกมาจากปากหยางเหวินรอบนี้ นับว่าผลักไสต้วนหลิงเทียนไปอยู่ขอบเหวแล้วจริงๆ เห็นชัดว่าเจตนาให้ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นคนที่กำลังจะไม่เห็นหัววิหารเป็นตายกับอาวุโสเนี่ยสุ้ยไปในพริบตา

 

และทันทีที่วาจานี้ของหยางเหวินดังจบคำ นอกจากอาวุโสเนี่ยสุ้ยที่ยังคงมีสีหน้าแววตาสงบไม่นำพา อาวุโสเพลิงทองแดงอีก 3 คนของวิหารเป็นตายถึงกับมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง!

 

“อ้อ เรื่องนี้ไม่ลำบากให้เจ้ากังวลหรอก”

 

หลังได้ยินคำหยางเหวิน ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่เบาๆ กล่าวออกมาอย่างไม่อีนังขังขอบ