บทที่ 1798 แรงบันดาลใจแห่งพรหมลิขิต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1798 แรงบันดาลใจแห่งพรหมลิขิต

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคใต้น้อย

 

“ครืน…”

 

พื้นดินสั่นสะเทือนก่อนที่แสงจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพีจะปกคลุมพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อย

 

ราวกับมือที่ไร้รูปลักษณ์กําลังปั้นดินที่อ่อนนุ่ม พื้นที่ตรงกลางเริ่มจมลงขณะที่แผ่นดินรอบนอกยกตัวขึ้นและก่อตัวเป็นหุบเขาทรงกลม

 

พื้นที่ตรงกลางถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทําให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่ตัดขาดจากภายนอก

 

ไม่มีพืชพรรณอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ กระทั่งดินยังหายากเพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยเหล็ก!

 

“นี่คือหุบเขาเหล็กขาว!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินชื่อเฉิงมองหุบเขาแห่งนี้ด้วยความตกใจ

 

ฟางหยวนใช้วิธีที่ทรงพลังสร้างแหล่งทรัพยากรระดับกลางขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาชื่อเฉิงได้พูดคุยกับผู้อมตะคนอื่นๆและตระหนักถึงความกว้างใหญ่ของมิติช่องว่างจักรพรรดิรวมถึงทรัพยากรมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป

 

รากฐานที่แข็งแกร่งนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้อมตะเหล่านี้ต่ออนาคตของพวกเขาเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้ซื่อเฉิงประหลาดใจยิ่งกว่าคือความกล้าหาญของฟางหยวน

 

ฟางหยวนกล้าต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าและมีเล็งเป้าไปที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

ไม่เพียงเขาจะโจมตีศัตรูแต่เขายังได้รับชัยชนะและสามารถจับผู้อมตะจํานวนมาก

 

หากไม่ใช่เพราะเชลยเหล่านี้ ฟางหยวนจะรีดไถทรัพยากรมากมายมาได้อย่างไร

 

เปรียบเทียบกับฟางหยวน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินขี้ขลาดเกินไป

 

“เราจะติดตามและฟังคําสั่งของท่านฟางหยวน!” ซื่อเฉิงถูกล่อลวงมากขึ้น เขาหลงใหลเสน่ห์ของฟางหยวนอย่างสมบูรณ์

 

ในช่วงเวลาเหล่านี้ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆช่วยจัดการแหล่งทรัพยากรที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ

 

ทรัพยากรถูกแจกจ่ายไปยังสถานที่ต่างๆอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลที่สุด

 

ไม่มีความโกลาหลหรือความขัดแย้ง ทรัพยากรต่างๆสนับสนุนกันและกันทําให้พวกมันเติบโตได้อย่างเต็มที่

 

นี่เป็นผลจากการอนุมานอย่างพิถีพิถันของฟางหยวน

 

ครั้งนี้ฟางหยวนรีดไถทรัพยากรจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้ได้ง่ายกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

 

การต่อต้านของผู้อมตะภาคใต้ลดน้อยลงเนื่องจากภาพเหตุการณ์ที่ฟางหยวนเปิดเผยในสวรรค์สีเหลืองแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถสังหารเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า สิ่งนี้ช่วยกระตุ้นฝ่ายธรรมะของภาคใต้ได้เป็นอย่างดี

 

“กระทั่งวังสวรรค์ยังพ่ายแพ้ปีศาจฟางหยวน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะล้มเหลวในการจัดการเขา”

 

ผู้อมตะภาคใต้ตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่ภายใน

 

เพิ่มเติมด้วยประสบการณ์ในการกรรโชกทรัพย์ของฟางหยวน ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงทําได้เพียงยอมจํานนเท่านั้น

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนต้องการสร้างสระแก่นแท้ปี ดังนั้นเขาจึงรีดไถทรัพยากรอมตะ ค่ามากมาย สําหรับชีวิตนี้เขาเปลี่ยนความต้องการแต่พวกมันยังเป็นทรัพยากรอมตะที่ล้ําค่าเช่นเดิม

 

ส่วนเล็กๆของมันถูกนํามาสร้างแหล่งทรัพยากรเช่นหุบเขาเหล็กขาว

 

ส่วนใหญ่เป็นการเตรียมความพร้อมสําหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

 

ในชีวิตนี้ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ในการครอบครองของเขาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก พวกมันอ่อนแอเกินไปสําหรับผู้อมตะระดับแปด

 

การยกระดับวิญญาณอมตะจึงเป็นสิ่งจําเป็นต่อฟางหยวน

 

เขาเคยทําสิ่งนี้ในชีวิตก่อนหน้าและมันยิ่งง่ายกว่าในชีวิตนี้โดยเฉพาะเมื่อเขามีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจํานวนมาก

 

เขาวางแผนล่วงหน้าและเริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบ

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิได้รับการพัฒนาไปมาก ตอนนี้มันใกล้เคียงกับจุดส ใสุดในชีวิตก่อนหน้าแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีมิติช่องว่างของหลิวห่าวและปาซื่อปารวมถึงถ้ําสวรรค์นักรบอสูรรออยู่

 

เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายใหม่มากขึ้น มรดกที่แท้จริงต่างๆยังอยู่ระหว่างการทําความค้นคว้า ขณะที่ความเข้าใจบนเส้นทางมนุษย์ของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

ฟางหยวนเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

 

เขาไม่ลืมร่างแยกกายาแห่งความฝัน แม้แผนการสําหรับร่างแยกกายาแห่งความฝันจะล้มเหลว แต่ฟางหยวนยังนึกถึงท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต

 

“บางทีข้าอาจสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตเพื่อนําร่างแยกกายาแห่งความฝันเข้าสู่ระดับอมตะ”

 

สี่ซุนจืออยู่ในวิหารอดีตปัจจุบันและเฝ้ามองสายธารแห่งกาลเวลาตลอดเวลา แต่พวกเขาไม่สามารถพบการคงอยู่ของฟางหยวน

 

เขาไปถึงเกาะบัวหินอย่างราบรื่นและใช้ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตกับร่างแยกกายาแห่งความฝัน

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับต้องผิดหวังเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

“เป็นเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันกําเนิดจากอาณาจักรแห่งความฝัน ท่าไม้ตายส่วนใหญ่จึงไม่ส่งผลกระทบต่อมันงั้นหรือ?”

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีอนาคตที่กลายเป็นผู้อมตะ?”

 

ร่างแยกกายาแห่งความฝันเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าและอยู่ห่างจากขอบเขตอมตะเพียงไม่กี่ก้าว

 

แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีอันตราย ฟางหยวนเลือกที่จะชะลอมันไว้ชั่วคราว

 

“หากตัวตนในอนาคตไม่มีผลเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีอนาคต นี่หมายความว่า มันไม่มีความหวังที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้างั้นหรือ?”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้สึกสนใจเล็กน้อย

 

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ทันที

 

ท่าไม้ตายนี้สามารถเปิดเผยภัยพิบัติที่เป้าหมายต้องเผชิญ

 

แต่ผลลัพธ์ของมันคือความว่างเปล่า

 

ท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ไม่มีผลต่อร่างแยกกายาแห่งความฝัน

 

“เป็นเพราะคุณสมบัติของร่างแยกกายาแห่งความฝันหรือเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ในปัจจุบันไม่สามารถเปิดเผยภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน?”

 

ฟางหยวนสับสน

 

มีวิญญาณเพียงไม่กี่ดวงที่ส่งผลกระทบต่อร่างแยกกายาแห่งความฝัน

 

วิญญาณรากพฤกษาเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์ กายาแห่งความฝันถูกพิจารณาว่าเป็นร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นวิธีบนเส้นทางมนุษย์จึงส่งผลกระทบต่อมัน

 

แต่วิญญาณดวงอื่นๆไม่ส่งผลกระทบต่อร่างแยกกายาแห่งความฝันเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนอาศัยความได้เปรียบบนเส้นทางแห่งความฝันก้าวข้ามอุปสรรค แต่ตอนนี้เขากําลังพบปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไข

 

เช่นเดียวกับราชันมังกรหรือกระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ไม่สามารถทําสิ่งใดต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน มีวิธีการไม่มากที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนสายศีรษะ

 

“ความเป็นไปได้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน”

 

อย่างไรก็ตามความสําเร็จบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนยังไม่มีความคืบหน้า ห้าร้อยปีในชีวิตแรก ฟางหยวนไม่ได้ให้ความสําคัญกับการค้นคว้าเส้นทางแห่งความฝันแต่เป็นเส้นทางแห่งเลือด

 

หลังจากกลับมาจากสายธารแห่งกาลเวลา ฟางหยวนได้รับข่าวที่ทําให้เขาประหลาดใจเมื่อแผนการสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรของเขามีความคืบหน้า

 

ตระกูลเซี่ยพบว่าตระกูลเฉิงมีเพลิงมังกรล่องคลื่นอยู่ในคลังสมบัติ ขณะนี้พวกเขากําลังอยู่ในขั้นตอนการทําธุรกรรม

 

“คลังสมบัติของตระกูลเฉิง มันควรเป็นมิติช่องว่างของผู้ก่อตั้งตระกูลเฉิง”

 

“หลังจากผู้ก่อตั้งตระกูลเฉิงเสียชีวิต มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลังบนภูเขาเฉิงเหลียง ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถเข้าไป กระทั่งผู้อมตะตระกูลเฉิงก็ไม่รู้ว่ามันเป็นถ้ําสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์”

 

“ดูเหมือนรากฐานของมันจะลึกกว่าที่ข้าคาดเดา”

 

ฟางหยวนต้องอุทานด้วยความประหลาดใจกับรากฐานของตระกูลเฉิง

 

ตระกูลเฉิงเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของภาคใต้ แต่เนื่องจากตําแหน่งทางภูมิศาสตร์ของพวกเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์และห่างไกลจากกองกําลังอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรักษาความสัมพันธ์กับกองกําลังอื่นๆของภาคใต้

 

“หากตระกูลเซี่ยได้รับเพลิงมังกรล่องคลื่น อุปสรรคในแผนการสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะลดลงครึ่งหนึ่ง”

 

ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทน

 

เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าภูมิภาค เขาได้รับประสบการณ์และเข้าใจมันมากขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้ปราณแสงสี่สีได้ในเวลาเดียวกัน

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาพร้อมที่จะแยกดวงวิญญาณเพื่อสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบ่มเพาะจิตวิญญาณต่อไปจนถึงระดับแปดสิบล้านคน

 

ธุรกรรมอาณาจักรแห่งความฝันกับตระกูลจื่อยังดําเนินต่อไปอย่างลับๆ

 

จื่อชิวหยูยอมรับสถานการณ์ของเขาแล้ว

 

เขาทําพลาดไปแล้ว ตอนนี้เขาทําได้เพียงทําต่อไปเท่านั้น

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่ลืมที่จะป้องกันตัวจากจื่อชิวหยู หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ใช่คนธรรมดา

 

โชคดีที่ฟางหยวนเลือกสนับสนุนตระกูลจื่อเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับอนาคต

 

ตระกูลจื่อได้รับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน สิ่งนี้ทําให้จื่อชิวหยูมีความสุขท่ามกลางความเจ็บปวด ตั้งแต่เขาทําเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไปแล้ว เหตุใดตอนนี้เขาจะไม่ทําต่อ?

 

จื่อชิวหยไม่ต้องการเสี่ยงแต่ฟางหยวนดึงเขาเข้าสู่เส้นทางสายนี้ เขาทําได้เพียงกัดฟันและเดินหน้าต่อไปในขุมนรกเท่านั้น

 

ในเวลาว่าง ฟางหยวนจะค้นวิญญาณของเชลยอมตะ

 

แม้เขาจะเคยทําสิ่งนี้มาแล้วในชีวิตก่อนหน้า แต่เขายังทําซ้ําอีกครั้งในชีวิตนี้เพราะเขาต้องการตรวจสอบบางสิ่ง

 

นั่นคือผลกระทบหยดหมึก

 

เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 

นี่ทําให้ฟางหยวนต้องครุ่นคิด ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายยังตกค้างอยู่ในใจของเขา

 

“นี่คือชะตากรรมงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกราวกับสามารถสัมผัสถึงใยแมงมุมของวิญญาณชะตากรรม

 

ลางสังหรณ์บางอย่างค่อยๆแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ

 

“หากข้าค้นคว้าเรื่องนี้ต่อไป ความเข้าใจเกี่ยวกับโชคชะตาของข้าจะลึกซึ้งขึ้น นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจวิญญาณชะตากรรม”

 

“หลังจากรวบรวมเบาะแสและอนุมาน ข้าอาจสามารถทําความเข้าใจท่าไม้ตายที่จะส่งผลกระทบต่อโชคชะตา”

 

“หากข้ารวมมันเข้ากับความลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งโชค…มันอาจกลายเป็นพรหมลิขิต” จิตใจของฟางหยวนสั่นไหวเมื่อเกิดแรงบันดาลใจดังกล่าว

 

วังสวรรค์

 

ฟงจิวเก้อเดินทางไปที่หอเย็บปักถักร้อย

 

มันเป็นอาคารที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามแต่สามารถมองเห็นร่องรอยของการทําลายล้างที่ถูกทิ้งไว้อย่างชัดเจน

 

บนยอดหอเย็บปักถักร้อยมีแผ่นหลังเปื้อนเลือดสามชิ้นราวกับธงที่สะบัดตัวไปตามสายลม พวกมันปลดปล่อยกลิ่นอายของความป่าเถื่อนและดึกดําบรรพออกมา

ย้อนกลับไปเมื่อเทพปีศาจคลั่งบุกวงสวรรค์ เขาถูกขัดขวางโดยหอเย็บปักถักร้อย ในที่สุดเทพปีศาจคลั่งก็ทําลายหอเย็บปักถักร้อยไปครึ่งหนึ่งซึ่งวังสวรรค์ไม่สามารถซ่อมแซมมัน นอกจากนั้น เขายังทิ้งแผ่นหนังเปื้อนเลือดเอาไว้ที่นี่สามชิ้น

 

ตั้งแต่ความพ่ายแพ้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟงจิวเก้อหมกหมุ่นอยู่กับบางสิ่ง

 

เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เขามาที่นี่เพื่อทําความเข้าใจความลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากแผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามชิ้นนี้

 

การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้มีความพิเศษเพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงของพรหมลิขิต

 

เทพปีศาจคลั่งดุร้ายและทรงพลังมาก เขาสามารถทําลายหอเย็บปักถักร้อย แต่เขากลับทิ้งแผ่นหนังเนื้อ เลือดสามชิ้นไว้ที่นี่แทนการทําลายมัน นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

 

วังสวรรค์ล้มเหลวในการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายถูกจับกุม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเช่นเดียวกัน

 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทําให้จิตวิญญาณของฟงจิวเก้อสั่นไหว

 

เขาเกิดแรงบันดาลใจขึ้นอย่างกะทันกัน

 

ริมฝีปากของฟงจิวเก้อยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ดูเหมือนเพลงต่อไปของข้าจะเป็นเพลง…พรหมลิขิต”