GGS:บทที่ 1001 บ้าไปแล้ว
ไม่เพียงแค่ถังฮ่าว ถังยี่ ถังเสี่ยวหยู ลูกชายและลูกสาวของอันจือฮ่าว และผู้อาวุโสหวู่ แม้แต่คนอื่นๆอย่างชายหนุ่มที่ซูจิ้งทำให้ตัวสูงขึ้น หวังจ้าว หวังซือหยา เฉียนชูเฟิง จ้าวจือ โจวเทียนรุย ผู้อาวุโสซี่ และกลุ่มชายหนุ่มเองก็รู้สึกได้ถึงสภาพร่างกายที่ดีขึ้น
และทุกคนต่างก็นึกถึงอาหารของซูจิ้งแทบจะในทันทีที่รู้ตัว บางคนนั้นยังระลึกถึงรสชาติที่ได้ลิ้มรสไปด้วยซ้ำ
วันถัดมา ยามเมื่อพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ได้เปิดขึ้น ครอบครัวของถังเสี่ยวหยู ครอบครัวของอันจือฮ่าว ครอบครัวของผู้อาวุโสหวู่ และครอบครัวอื่นๆที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอำนาจทางด้านการเงินนั้นได้มาพร้อมครอบครัวของตัวเอง
ภาพนี้ทำให้เหล่าลูกค้าของชั้นหนึ่งและชั้นสองรวมถึงนักข่าวที่แฝงตัวเข้ามาได้แต่เพียงทำหน้าโง่งม
ผู้คนที่เขาเห็นเมื่อวันก่อนไม่เพียงจะกลับมาตามที่พวกเขาพูด การมาในครั้งนี้ยังพาครอบครัวของตัวเองมามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย นี่มันไม่ต่างจากแม่เป็ดพาลูกเข้าโรงเชือดชัดๆ
นี่ไม่เพียงจะพอตัวเองมา แต่พวกเขายังพาครอบครัวตัวเองมาด้วยแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาโดนบังคับให้มากันหรอกเหรอ แล้วทำไมถึงกล้าพาครอบครัวตัวเองมากัน
ไม่เพียงเท่านั้น วันที่สาม วันสี่ และในวันที่ห้า ลูกค้าพื้นที่พิเศษของร้านอาหารก็ยังวนเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสหวู่และอันจือฮ่าวที่มาบ่อยกว่าใคร
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขานั้นมีท่าทางเปลี่ยนไปนับจากวันแรกที่มา ดวงตาของเขานั้นเปล่งประกายขึ้นไปทุกวัน ใบหน้าก็ดูเปล่งปลั่งดูดีมีออร่า
ผมที่เคยขาวโพลนก็กับดกดำเป็นเงางาม อกผาย ไหล่พึ่ง หลังตรง ทุกอย่างก้าวที่เดินดูดีและสง่างาม ที่สำคัญที่สุดคือทั้งสองดูหนุ่มและแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หากมีใครสักคนมากล้าทัดทานไม่ให้ทั้งสองมากินบ่อยเกินไปล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าอย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงทั้งสองเท่านั้น คนอื่นที่มาบ่อยๆอย่างจ้าวจือ เฉียนชูเฟิง หรือแม้แต่คนอื่นเองก็ดูดีขึ้นเช่นเดียวกัน
ตราบใดที่คนเหล่านั้นจดจำได้ภาพลักษณ์ทุกคนก่อนที่จะมาที่นี่ได้ทุกคนย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และนี่เองก็ทำให้ชาวเน็ตนั้นโง่งมกันไปหมด
“พระเจ้า อะไรกันวะเนี่ย ทำไมคนนี้ถึงได้กล้าที่จะมากินอาหารแพงบรรลัยจักรได้แทบจะทุกวันเลย ต่อให้พวกเขาอยากจะมาอุดหนุนตามมารยาทก็เถอะ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”
“มันต้องไม่ใช่การโฆษณาเฉยๆแน่ๆ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเป็นคนรวยมากเลยนะ ใครจะมานั่งสละเวลาของตัวเองเพียงเพื่อมานั่งโฆษณาให้ซูจิ้งได้ทุกวี่ทุกวัน
ขนาดซูจิ้งยังไม่เคยออกมาพูดอะไรแม้แต่น้อยแต่ก็มีหน้าใหม่เข้ามาที่นี่เพิ่มขึ้นทุกวัน แถมพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่ดูมีความสุขสุดๆหลังออกไปนี่อีก
ขนาดคนที่ร้องลั่นว่าแพงแต่ก็ทนได้ไม่กี่วันก็ยังต้องกลับมากินซ้ำ”
“นี่เขาทำอาหารได้อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันว่าไม่ได้แค่อร่อยนะ ฉันได้ยินมาว่าคนที่ไปกินอาหารของซูจิ้งนั้นสุขภาพจะดีมากขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่เห็นนะคือใครก็ตามที่เข้าไปกินอาหารในพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ดูเด็กขึ้นทุกคนเลยนะ
นักข่าวบางคนยังได้ไปสัมภาษณ์คนรวยพวกนั้น พวกเขาก็พูดออกมาเพียงว่าน่าจะเป็นผลมาจากการกินอาหารของซูจิ้งเท่านั้นเอง”
“อื้มอื้ม ฉันจำได้ว่าซูจิ้งเคยรักษาเด็กที่เป็นโรคเบื่ออาหารด้วยการทำอาหารให้กินเหมือนกัน ในตอนนี้เขานั้นเป็นทั้งหมอเทวดาและเทพเจ้าโรงครัวแล้วด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะทำแบบนี้ได้จริง”
“พระเจ้า กลายเป็นว่าเขานั้นผนวกรวมทักษะทางด้านการรักษาและการทำอาหารเข้าด้วยกัน มันไม่ใช่ว่าเขาอาศัยเพียงชื่อของเขาในการขายของ แต่เป็นใช้ทักษะสร้างตำนานใหม่”
“แม่…เอ๊ย ทั้งได้กินของอร่อยทั้งสุขภาพดี ฉันเองก็อยากจะกันบ้าง”
“มีปัญญาจ่ายไหมล่ะ หนึ่งแสนเลยนะขั้นต่ำน่ะ”
เหล่าผู้คนที่ไม่ชอบซูจิ้งต่างก็ยืนขึ้นในทันทีที่เห็นโพสต์ของชาวเน็ต ส่วนเหล่าคนที่รายงานเรื่องของซูจิ้งไปก็ทำได้เพียงโง่งมและสับสนว่าพวกเขานั้นทำถูกใช่รึเปล่า
“อาหารเพื่อสุขภาพงั้นเหรอ” เหล่าภัตตาคารที่เห็นข่าวนี้ต่างก็สับสนกันไปหมด แน่นอนว่าพวกเขานั้นย่อมรู้ดีว่าคำๆนี้คืออะไร แต่โดยปกติแล้วกว่าอาหารเพื่อสุขภาพจะเห็นผลลัพท์นั้นมันยากที่จะเห็นได้เพราะว่าใช้เวลานาน
และยิ่งหากลูกค้าไม่ได้ไปกินอาหารเพื่อสุขภาพในทุกมื้อ นั่นจะยิ่งยากที่จะเห็นผลเข้าไปอีก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องรสชาติด้วยซ้ำ จึงเป็นเหตุผลว่าไม่ใครอยากจะขายเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะกินมัน
แต่กับพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์แห่งนี้เพิ่งจะเปิดแค่ไม่กี่วัน ลูกค้าที่ไปกินต่อให้ทุกวันก็ยังนับวันได้เลย พวกเขาจะสุขภาพดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ได้ยังไงกัน ทำได้ก็คงเป็นพระเจ้าแล้วล่ะ
ในขณะที่เหล่าภัตตาคารนั้นรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาก็ได้เห็นใครบางคนนำรูปถ่ายเปรียบเทียบของผู้อาวุโสหวู่และอันจือฮ่าวมาโพสต์เอาไว้ จากที่ไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยก็ต้องกลับมาเชื่ออย่างหมดใจ
ตราบใดที่คนที่เห็นภาพถ่ายนี้ยังมีดวงตาอยู่ คนๆนั้นย่อมเห็นว่าพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาดูอ่อนวัยขึ้น
“ในโลกนี้จะมีอาหารที่ทำให้ร่างกายผู้คนแข็งแรงและสุขภาพดีในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ได้ยังไงกัน” พ่อครัวชื่อดังที่กำลังทำงานอยู่ในภัตตาคารแห่งหนึ่งได้พูดออกมาอย่างอดเสียไม่ได้ทั้งจากมุมมองพ่อครัวและมนุษย์ปถุชนคนทั่วไป
“หากว่ามีเวลามากกว่านี้ย่อมเป็นไปได้ แต่ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วันนี่มัน…. ไม่สิ ปกติ ต่อให้รอจนกว่าจะเห็นก็ไม่มีทางทำได้เท่านี้แน่ๆ” พ่อครัวที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดออกมา
“แต่หมอนั่นก็ทำได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆเองนี่” พ่อครัวอีกคนหนึ่งพูดในขณะที่กำลังใช้นิ้วเคาะเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“เรื่องนี้ก็คงจะเทียบหมอนี่ได้ยากแล้วล่ะ นั่นก็เพราะหมอนี่ยังไงซะก็ยังได้ชื่อว่าหมอเทวดา มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่พวกเราเทียบเขาไม่ได้เลย” พ่อครัวอีกคนหนึ่งได้พูดออกมาด้วยท่าทีเซ็งๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน” หวังหยิงหมิงพูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจในทันทีเมื่อได้ยินข่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันกะไว้แล้วว่าจะออกมาอีหรอบนี้ แต่ก็ไม่คิดเลยนะว่าอาหารของเขานั้นจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วย คงมีเฉพาะคนที่มีทักษะทั้งหมอเทวดาและเทพเจ้าโรงครัวแบบนี้เท่านั้นที่จะทำได้” หวังสวี่หลันถอนหายใจออกมาแบบโล่งใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางหวังหยานก่อนจะพูดออกมาว่า “เดาว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ไว้แล้วเหรอ”
“ใครจะไปเดาได้กันเรื่องแบบนี้” หวังหยานตอบออกมาพลางส่ายศรีษะไปมาและยิ้มออกมาเล็กน้อย
ถ้าจะบอกว่าไม่ได้คาดเดาไว้ก็ไม่เชิง เธอเองก็พอจะเดาๆไว้บ้างแต่ไม่ได้คาดถึงเรื่องที่ว่าคนที่กินอาหารของซูจิ้งแล้วจะดูอ่อนวัยลงได้แบบนี้
เรื่องแบบนี้ต่อให้เอาหมอดูชื่อดังมานั่งเดาก็ต้องหน้าแตกยับ ตอนนี้เธอสงสัยเพียงอย่างเดียวว่าจะยังมีคนสงสัยว่าที่ลูกค้าซูจิ้งไปกันนี่เป็นเพียงเพราะการโฆษณาอยู่อีกรึเปล่า
และไม่เคยมีใครคาดคิด อยู่ๆมิชชาลินก็ได้ปล่อยข่าวออกมาว่าพวกเขานั้นได้จัดอันดับให้ภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์แห่งนี้อยู่ในระดับสองดาว นอกจากนั้นพวกเขายังประเมินให้พื้นที่พิเศษของภัตตาคารฯนี้แยกไปต่างหากและสูงมากๆโดยพวกเขากล่าวไว้ว่า
“หากว่าจะให้กล่าวถึงเฉพาะพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์นี้เพียงส่วนเดียวล่ะก็ ผมกลัวว่าคะแนนสาวดาวของผมนั้นจะไม่คู่ควรเลยจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องบรรยากาศห้องอาหาร ฝีมือการตกแต่งจาน ตลอดจนเครื่องดิ่ม หากพูดถึงในสามสิ่งแล้วคำชมเชยทั้งหลายที่ผมเคยกล่าวออกมาคงจะไม่เพียงพอ
นี่คือการตกแต่งอาหารที่ดีที่สุดในชีวิตของผมที่เคยผ่านมา แม้แต่ร้านอาหารมิชาลินระดับสามดาวหลายๆร้านก็เทียบได้ยาก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมนั้นไม่อาจจะกล้าให้คะแนนได้เลยนั่นก็คือเรื่องของรสชาติ รสชาติของอาหารที่ว่านั้นมันช่างลึกล้ำจนอธิบายได้ไม่ถูก
เท่าที่ผมพอจะเปรียบเปรยออกมาได้นั้นก็คงเป็นเพียงยามที่แตะลงบนปลายลิ้นของผมนั้นทำให้จิตใจของผมกลับไปเป็นเด็กตัวน้อยๆที่ได้กินชุดอาหารกลางวันเด็กแสนอร่อย
ที่เหนือไปกว่านั้นนั่นก็คือเรื่องสุขภาพ ยิ่งคุณกินอาหารที่นี่มากเท่าไหร่ร่างกายของคุณจะยิ่งผ่อนคลายและส่งผลดีต่อสุขภาพมากขึ้นเท่านั้น
ลูกค้าบางคนที่ได้มาที่นี่เองทำให้ผมมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ต่อให้ไม่สามารถมากินได้บ่อยครั้งแต่ทุกๆครั้งที่ผมเห็นเขาเขาจะดูเยาว์วัยกว่าเดิม
มีลูกค้าบางคนบอกผมว่าพ่อครัวที่นี่มีฉายาหมอเทวดาควบกับเทพเจ้าโรงครัวแน่นอนว่าเขานั้นย่อมรู้ดีว่าอะไรที่กินแล้วย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย
ความจริงที่ผมนั้นไม่กล้าจะให้เฉพาะพื้นที่พิเศษของภัตตาคารแห่งนี้สามดาวไปเลยนั้นนอกจากจะไม่กล้ามั่นใจว่าการให้คะแนนของผมคู่ควรกับที่นี่หรือไม่แล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งคือผมยังกินได้ไม่ครบ
ผมนั้นอยากจะลองกินอาหารชุดกลางและชุดสุดยอดอยู่เหมือนกันแต่ผมนั้นเตรียมตัวมาไม่พอจริงๆ เพราะราคาของสองชุดนั้นเกินกว่าที่ผมจะหาค่าอาหารมาได้ทันในช่วงเวลานั้น….”
ดาวมิชชาลินนั้นเปรียบได้ดั่งตัวชี้วัดในวงการอาหารที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วในโลกใบนี้
ทุกๆครั้งที่ทำการประเมินนั้น เขาจะแฝงตัวเข้าไปราวกับเป็นลูกค้าธรรมดาทั่วไปจะได้ประเมินได้อย่างเที่ยงตรงและสามารถให้ความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าการไปของเขาในครั้งนี้ซูจิ้งก็ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
การได้รับการประเมินจากมิชชาลินระดับสามดาวนั้นเปรียบได้ดั่งเกียรติยศในวงการอาหาร ทั่วทั้งโลกนั้นมีร้านอาหารเพียง 68 ร้านเท่านั้นที่ได้รับมันไป
สำหรับในประเทศจีนนั้นมีเพียงสามร้านเท่านั้นที่ได้รับมันไปและได้ถูกขนานนามว่า ดวงดาวสามดวงที่เปล่งประกาย
แต่ด้วยก็คงอยู่ของพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์นี้ทำให้ดวงดาวทั้งสามนั้นต้องมอดดับลง